ข้อเสนอรักเมียตีทะเบียน บทที่3.ลางมรณะ
ในสภาพเศรษฐกิจขาลงแบบนี้ มิลาไม่มีทางหางานใหม่ได้ ยิ่งหากบริษัทที่รับเธอเข้าทำงานรู้ประวัติ ข้อเคลือบแคลงนั่นยิ่งทำให้มิลาไม่ได้งาน คนที่ฝ่าฟันจนมาถึงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการเงิน ของบริษัทการเงินที่ยิ่งใหญ่ติดอันดับโลกจะลาออกทำไมหากไม่มีความผิดพลาด ตำแหน่งสูงแบบนั้นยิ่งไม่น่าลาออกในช่วงเวลาสั้นๆ มันต้องมีเรื่องที่หนักหนาสาหัส นั่นจะเป็นรอยตำหนิให้บริษัทเหล่านั้นระแวงมิลา
“ฉันควรทำไงดีภูมิ”
“ทำงานไป อยู่เฉยๆ ดูท่าทีหมอนั่นไปก่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยหาทางออกกันใหม่”
มันอาจจะเป็นเพราะความระแวงของมิลาก็ได้ คนอย่างเอเดนเคยสนใจใครที่ไหน เขาเป็นมนุษย์เลือดเย็นในสายตาของภูมิ
“คงต้องแบบนั้นแหละ อย่างน้อยฉันควรมีเงินสักก้อนไว้ให้มิลิน”
เธอเคยผ่านความลำบากมามากกว่านี้ ปัญหานั่นยิ่งใหญ่เสียจนมิลาแทบแบกไว้ไม่ไหว แต่เธอก็ผ่านมาแล้ว ถนนเส้นนี้ไม่ได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบตั้งแรก มีทั้งเศษแก้ว เหล็กแหลมคม เธอก็ผ่านมาได้แล้วด้วยซ้ำ
ทางเดียวที่เธอควรทำและไม่ควรกลัวล่วงหน้า
ผู้ชายคนนั้นจะไม่มีวันรู้ความลับจากปากเธอ ไม่มีวัน
“ฉันไปรับมิลินก่อนนะถึงเวลาแล้ว” ภูมิทรงตัวลุกขึ้นยืน พร้อมกับบอกลา
“ฉันไปด้วย...วันนี้ฉันคงไม่มีใจทำงานแล้วล่ะ ขอไปตั้งหลักสักพักก่อน” มิลากดปิดคอมพิวเตอร์ ฉวยกระเป๋าสะพายคล้องหัวไหล่ แล้วก็เดินตามภูมิไปติดๆ วันนี้เธอกังวลจนไม่มีสมาธิทำงาน
การชาร์ทแบทด้วยการหอมแก้มบุตรสาว น่าจะเป็นทางออกเดียวสวยๆ ตอนนี้
บนยอดตึกชั้นบนสุด มีใครบางคนกำลังมองมาที่ลานจอดรถ เปลือกตาหรี่ลงพร้อมกับมือที่กดลงบนกำแพงแก้ว ปลายนิ้วนั่นลากไล้ไปมาบนร่างเล็กๆ ที่ไม่แตกต่างกับแมลงตัวเล็กบนพื้นดิน
“เวลาของเธอหมดลงแล้ว อีกไม่นานเธอต้องมาสยบตรงหน้าฉัน”
“แม่จ๋า” มิลินวิ่งหน้าตั้งและโผเข้าอ้อมกอดของมารดา มืออวบอ้วนสอดรัดเอวบางและพูดจ๋อยๆ “มิลินเก่งที่สุด มิลินไม่ร้องไห้เลย แม่จ๋ามิลินเก่งหรือเปล่าค่า”
“เก่งที่สุด นางฟ้าของแม่จ๋าเก่งกว่าทุกคนบนโลกใบนี้เลย” ปลายจมูกโด่งกดลงบนผิวแก้มยุ้ยๆ ของบุตรสาว และทรงตัวลุกขึ้นยืน มีร่างอวบอ้วนของเด็กหญิงอายุสี่ปีในอ้อมแขน
“ไหวไหม ส่งมาให้ฉันอุ้มดีกว่า” ภูมิถามเสียงนุ่ม
มิลาผอมบางแทบจะปลิวลมเพราะมุมานะเรื่องงาน ผิดกับบุตรสาวตัวน้อยที่ชอบกินขนมหวานเป็นชีวิตจิตใจจนร่างกายอวบอ้วนจนมารดาแทบอุ้มไม่ไหว
“ไหวสิ ฉันไหวน่า” มิลาตอบพร้อมกับหอมแก้มบุตรสาว
“มิลินโป้งปะป๋าแล้ว ปะป๋าว่ามิลินอ้วน”
เด็กหญิงค้อนขวับๆ ให้ภูมิ
“เปล่าน๊าป๊าไม่ได้ว่าหนูเลย แต่แม่หนูยังไม่ได้กินข้าวกลางวันป๊าเลยกลัวว่าไม่มีแรงจ้ะ”
“ทำไมแม่จ๋าไม่ทานข้าวคะ”
มิลายิ้มให้บุตรสาวแล้วก็อธิบาย “วันนี้แม่จ๋าตื่นเต้นไงเลยลืมหิว แต่ตอนนี้หิวจนแสบไส้แล้วไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันดีกว่าเนอะ”
“ไปค่า”
รอยยิ้มของลูกคือกำลังใจอย่างดีมิลาแอบผ่อนลมหายใจ เธอท้อตอนนี้มิลินจะพึงใครได้ล่ะ เธอถูกวงศาคณาญาติอัปเปหิออกมาแล้ว โชคดีที่บรรดาญาติฝั่งแม่ตัดขาด ไม่อย่างนั้นมิลินคงมีเรื่องระคายหู จนเป็นเด็กมีปัญหาในอนาคตแน่ๆ
มิลาอมยิ้มคอยส่งของโปรดของบุตรสาวให้บ่อยๆ ของโปรดของมิลินคือกุ้งชุบแป้งทอดกร็อบๆ มิลินกินได้จานโตๆ และไม่มีท่าทางว่าเบื่อ มิลาแปลกใจนิดๆ ในขณะที่เธอแพ้อาหารทะเลทุกชนิด บุตรสาวกลับโปรดปรานสุดจิต ไม่รู้ว่ามิลินได้มาจากใคร
“ทำไมแม่จ๋าไม่เคยกินกุ้งคะ” เด็กน้อยมักจะถามแบบนั้น
“แม่จ๋าแพ้กุ้งจ้ะ กินแล้วจะเป็นผื่น หายใจไม่ออกด้วย” ทุกครั้งมิลาก็จะอธิบายด้วยความใจเย็น
“อร่อยจะตาย ทำไมแม่จ๋าแพ้ ปะป๋ายังกินได้เลย”
เด็กน้อยไม่วายสงสัย
“นั่นสิ ทำไมแม่จ๋าแพ้ของอร่อยนะ อดกินเลย”
มิลาบ่นอุบ จนมิลินหัวเราะคิก “เดี๋ยวมิลินจากินแทนแม่จ๋าเองค่า”