บทที่ 3 ผู้โดยสารที่ไม่ได้รับเชิญ
“ พายุห่าเหวนี่ก็มาถูกเวลาจริง ๆ ” เขาบ่นพลางคว้ากุญแจบ้านในกระเป๋าเป้ออกมาแล้วเดินตรงเข้าไปเปิดประตู
ตัวบ้านเป็นกระท่อมไม้ซุงทั้งหลังขนาดเล็กกะทัดรัดมีห้องนอนห้องน้ำและห้องครัวกับระเบียงหน้าบ้านมีเครื่องใช้ไม้สอยครบครัน ดูสวยงามคลาสสิคท่ามกลางธรรมชาติราวกับบ้านพักตากอากาศตามรีสอร์ตยังไงยังงั้น ต่างกันตรงที่ไม่มีไฟฟ้าใช้และบนเขานี่ก็ไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์เสียด้วย ดีหน่อยที่นายใหญ่เจาะบ่อบาดาลเอาไว้ แต่ก็นั่นแหละไม่มีปั๊มน้ำไฟฟ้า มีแต่บ่อโยกที่ต้องใช้แรงโยกคันโยกดึงน้ำขึ้นมาใช้เอง เขาเคยตามเจ้านายมาพักผ่อนและล่าสัตว์ที่นี่สามสี่ครั้ง จึงค่อนข้างคุ้นเคยกับบ้านและเส้นทางเป็นอย่างดี
คิมหันต์เปิดประตูบ้านออกแล้วเดินสำรวจภายในห้องนอน ห้องครัวก็พบว่าเรียบร้อยดี จึงเปิดผ้าม่านและแง้มหน้าต่างในห้องเพื่อระบายอากาศพร้อมกับจุดตะเกียงให้ภายในห้องสว่างไม่มืดทึบจนเกินไป แม้จะยังเป็นตอนกลางวันแต่ด้วยต้นไม้บนเขาที่ปกคลุมหนาแน่น อีกทั้งฝนที่ตกลงมาทำให้บรรยากาศดูขมุกขมัว หลังจากสำรวจภายในและบริเวณบ้านจนเรียบร้อยดีเขาจึงเดินกลับมาที่รถเพื่อขนสัมภาระลงไป ทันทีที่เปิดประตูรถออกเขาก็ต้องร้องขึ้นด้วยความตกใจ!
“ เฮ้ย! ” เสียงร้องของเขาดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่กำลังงัวเงียตื่นขึ้นมาบนกองข้าวของตรงเบาะหลัง
“ กรี๊ด! ที่นี่มันที่ไหนแล้วแกเป็นใคร แล้วเพื่อนฉันไปไหนหมด แกขโมยรถเพื่อนฉันมาใช่มั้ย ไอ้บ้า ไอ้โจรห้าร้อย! ” ไออุ่นเบิกตาโตด้วยความตกใจหันซ้ายแลขวาไปรอบตัวก็มีแต่ป่ากับต้นไม้ แล้วก็บ้านหลังเล็กที่สร้างด้วยไม้ซุงทั้งหลังถ้าในยามปรกติเธอคงจะปรีดากับบ้านเล็กในป่าใหญ่เป็นอย่างยิ่ง แต่นี่มันไม่ใช่เหตุการณ์ปรกติ เธออยู่บนรถที่จอดอยู่ท่ามกลางขุนเขาลำเนาไพรกับไอ้โจรห้าร้อยที่ไหนก็ไม่รู้!
“ หุบปาก! ผมควรจะเป็นคนถามคุณมากกว่านะว่าแอบมาขึ้นรถผมทำไม แล้วขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ” คิมหันต์ตวาดเสียงกร้าว คิ้วเข้มขมวดมุ่นพินิจมองหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มผมเผ้ากระเซอะกระเซิงที่นั่งอยู่บนรถเขาด้วยความระแวง
หรือว่าเธอจะเป็นสายตำรวจ!? ด้วยสายงานอาชีพทำให้ชายหนุ่มต้องมีความรอบคอบและระวังตัวอยู่เสมอ แต่ก็ยังไม่ดีพอ เพราะถ้ามันดีพอเจ้าหล่อนคนนี้คงเล็ดลอดขึ้นมาบนรถเขาไม่ได้ แถมแอบแบบแนบเนียนจนเขาไม่รู้ตัวเสียด้วย คงจะเป็นมืออาชีพอย่างแน่นอน
“ รถคุณ! บ้ารึเปล่านี่มันรถไอ้ชลเพื่อนฉัน แล้วเพื่อนฉันไปไหนกันหมด แกฆ่าพวกเขาใช่มั้ย ” ไออุ่นถามไปเริ่มปาข้าวของใส่ร่างสูงที่ยืนจังก้าเป็นยักษ์ปักหลั่นอยู่ข้างประตูรถไปด้วย
“ ถ้ายังไม่หยุดปาของใส่ผม ผมจะหักคอคุณ ” เป็นคำพูดที่ไออุ่นได้ยินแล้วต้องหยุดชะงักไปในทันที แววตาของเขาที่มองมานั้นยืนยันได้ว่าเขากล้าทำอย่างที่พูดจริง ๆ
“ ทีนี้ลงมาจากรถช้า ๆ อย่าตุกติกไม่อย่างนั้นผมจะเป่าสมองคุณให้เป็นผีเฝ้าป่าอยู่ที่นี่ ลงมาเดี๋ยวนี้! ” ปืนพกที่เหน็บไว้ตรงสีข้างถูกยกขึ้นมาจ่อเล็งไปยังร่างบางที่นั่งหน้าซีดปากสั่นด้วยความกลัว
“ อย่านะ อย่ายิงฉันเลย ฉันยังไม่อยากตาย ” ไออุ่นค่อย ๆ ดึงตัวเองออกมาจากกองข้าวของแล้วลงมาจากรถช้า ๆ ตัวเธอสั่นไปหมด หวาดกลัวจนน้ำตาเริ่มไหลเอ่อเต็มเบ้าตา สร่างเมาเป็นปลิดทิ้ง
“ ล้วงกระเป๋าออกมาดูให้หมด ” เขาสั่งพลางตวัดปลายกระบอกปืนชี้ไปที่กระเป๋ากางเกงยีนและกระเป๋าเสื้อคลุมของเธอ เพื่อเช็คว่าเธอพกอาวุธมาหรือไม่
“ คะ ค่ะ ๆ ” ไออุ่นมือไม้สั่น ล้วงกระเป๋ากางเกงปลิ้นออกมาให้เขาดูอย่างเงอะงะจนคนยืนจ้องอยู่ชักรำคาญตา เดินเข้ามาค้นตัวเธอด้วยตัวเอง
