บทที่ 2 ขึ้นรถผิดคัน
“ ไอ้บ้าอุ่น ไม่พูดฉันก็ไม่ได้ว่าแกเป็นใบ้หรอกนะ ดีขึ้นยังเนี่ยฉันจะไปซื้ออะไรกินที่เซเว่นฯซักหน่อย จะไปด้วยมั้ยรึว่าจะไปรอในรถ ” หนิงถามเธอพลางส่งกระดาษเช็ดหน้าให้
“ ไม่ไหวอ่ะมึนหัวเดี๋ยวไปนอนรอในรถก็แล้วกัน ซื้อโออิชิมาให้ขวดนึงนะ ผ้าเย็นด้วย ” เธอสั่งเพื่อนแล้วซับน้ำบนใบหน้า รู้สึกวิงเวียนจนอยากทิ้งตัวลงนอนเสียตรงนั้น
“ เออ ๆ แล้วเดินไปที่รถเองได้รึเปล่าเนี่ย ” หนิงถามเธอด้วยความเป็นห่วง
“ ไหว ๆ แกไปเหอะรถจอดอยู่แค่หน้าห้องน้ำนี่เอง ” เธอโบกมือให้เพื่อนรีบไปแล้วเดินออกจากห้องน้ำกลับมาขึ้นรถ ด้วยความมึนเมา ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เธอไม่ได้สังเกตุสังกาอะไรให้ดี ตรงไปที่รถกระบะสี่ประตูของเพื่อนแล้วเปิดประตูรถทางด้านเบาะหลังแล้วขึ้นไปเอนตัวลงนอนราบไปกับเบาะก็พบว่ามีถุงข้าวของและกระเป๋าผ้าอยู่เต็มไปหมด เธอเลยแทรกตัวลงไปในกองข้าวของเหล่านั้นแล้วหลับไป นึกสงสัยอยู่ในใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมเพื่อนถึงได้ซื้อของเสียเยอะแยะราวกับจะเตรียมเสบียงย้ายบ้านยังไงยังงั้น แต่ด้วยความเมาและอาเจียนจนหมดแรงเธอจึงผล็อยหลับไปโดยไม่เฉลียวใจ
เกือบตีหนึ่งแล้วที่ร่างสูงของคิมหันต์เดินถือถุงเสบียงที่ซื้อในร้านสะดวกซื้อเต็มสองไม้สองมือตรงมาที่รถ เขาเปิดประตูหลังออกแล้วเหวี่ยงถุงข้าวของที่ซื้อมาเข้าไปในเบาะหลังโดยไม่ได้สังเกตุว่ามีอะไรแปลกปลอมอยู่ในกองข้าวของเขารึไม่เพราะเขาเพิ่งจะปลดล็อคประตูรถตอนที่ซื้อของเสร็จแล้วเดินเอาของมาเก็บแค่แป๊บเดียวเท่านั้นก่อนจะเดินเข้าไปเอาของที่ซื้อไว้อีกรอบ
เขาเดินกลับไปหิ้วถุงเสบียงมาใส่อีกสี่ถุงแล้วกลับขึ้นไปนั่งประจำที่นั่งคนขับแล้วเคลื่อนรถออกไปโดยไม่รู้เลยว่าเขาได้โยนถุงเสบียงเข้าไปทับถมลงบนร่างของใครบางคนจนมิดตัว ที่สำคัญเจ้าของร่างนั่นก็ไม่ได้รู้สึกตัวเสียด้วยสิ!
รถกระบะสี่ประตูขับเคลื่อนสี่ล้อของคิมหันต์ขับยิงยาวจากกรุงเทพฯขึ้นไปบนดอยแห่งหนึ่งทางภาคเหนือกินเวลาถึงสิบชั่วโมง เขาจอดพักรถเติมน้ำมันระหว่างทางเพียงสองครั้งเท่านั้น กว่าจะถึงบนดอยก็เกือบเที่ยงของอีกวัน
เขาเป็นคนมีความอดทนสูงเพราะผ่านการเป็นทหารมาหลายปี แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องตัดสินใจลาออกจากการเป็นพลแม่นปืนของกรมทหารราบ เนื่องจากพ่อกับแม่ถูกฆ่าตายด้วยคำสั่งฆ่าของผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งเพราะไม่ยอมขายที่ดินที่เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษให้เสี่ยคนนั้นเอาไปทำรีสอร์ต ไอ้เสี่ยนั่นจ้างคนมาฆ่าแล้วเผาบ้านอำพรางคดีทำให้เหมือนอุบัติเหตุไฟฟ้าลัดวงจร นั่นทำให้คิมหันต์แค้นใจจนผันตัวเองเข้าไปเป็นมือปืนรับจ้างจากการชักชวนของเพื่อนคนหนึ่ง ในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึง เขาได้รับงานให้ไปลั่นไกเป่าสมองไอ้คนที่สั่งฆ่าพ่อแม่ตัวเองเป็นงานทิ้งทวนสุดท้าย ก่อนจะหนีมากบดานอยู่บนดอย
สายฝนเริ่มปรอยลงมาเมื่อคิมหันต์จอดรถลงหน้ากระท่อมไม้ซุงหลังย่อมดูแข็งแรง เป็นกระท่อมของเจ้าของซุ้มมือปืนนายใหญ่ของเขาที่สร้างเอาไว้เพื่อมาพักผ่อนยามอยากหลบลี้ความวุ่นวายในเมืองหลวง นายใหญ่ไม่อยากให้เขาวางมือเพราะรู้ความลับของคนในวงการนี้มากเกินไป จึงกรุณาให้เขามาพักที่นี่เพื่อให้เวลาไตร่ตรองดูอีกที
“ คิมแกเป็นมือขวาที่ฉันเชื่อมือและวางใจมากที่สุดนะ แกรู้ใช่มั้ยขึ้นหลังเสือแล้วมันลงยาก ถ้าลงไปแล้วเสือมันอาจจะขย้ำแกจนตายก็ได้ ไปคิดดูให้ดีฉันไม่อยากตัดแขนตัวเองทิ้ง เข้าใจที่พูดไหม ” เป็นคำพูดจากนายใหญ่ที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มระบายเต็มใบหน้าแต่แววตาช่างดูเด็ดขาดและจริงจังจนเขาต้องถอนลมหายใจออกมาอย่างหนักใจ
“ ครับนาย ” คิมหันต์รับรู้ถึงความนัยที่นายใหญ่พูดทั้งหมด แต่เขาไม่อยากฆ่าใครอีกแล้วถึงแม้ว่าคน ๆ นั้นจะสารเลวมากแค่ไหนก็ตาม เพราะการล้างแค้นของเขามันได้สิ้นสุดลงไปแล้ว ดูเหมือนว่าทางเดียวที่เขาจะได้วางมือและอยู่อย่างสงบจริง ๆ ก็คือวันที่แผ่นดินกลบหน้าเขานั่นเอง
