บท
ตั้งค่า

๔ งานแต่งของเรา (๓)

เม้มปากแน่นพยายามห้ามใจไม่ให้หวั่นไหวไปกับคำพูดแสนหวานที่เหมือนหลุมลึกหลอกล่อตน แต่ความรู้สึกใครบ้างจะห้ามได้ เธอเกรงว่าอีกไม่นานอาจตกหลุมรักสามีที่ขยันหยอดคำหวาน ขัดจากหน้าตาอันเฉยชา

คนอ่อนประสบการณ์หลุบหน้ามองตักตนไม่กล้าพูดอะไร หวังเพียงให้มีคนมาช่วยออกจากสถานการณ์ชวนใจสั่น หล่อนยิ้มกว้างแล้วมองไปยังประตูเมื่อมีเสียงดังขึ้นจากข้างนอก

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

มือหนาปล่อยหล่อนเป็นอิสระ คิดว่าคงถึงเวลาออกไปทักทายแขกผู้ใหญ่ที่ให้เกียรติมาร่วมงาน ไม่คิดรั้งลิลิตเอาไว้เพราะอย่างไรคืนนี้ก็มีเวลาอยู่ด้วยกันอีกนาน

เขาสามารถทำลูกกับหล่อนได้ทุกเมื่อ...

“เดี๋ยวลิไปเปิดประตูเองค่ะ” อาสาอย่างแข็งขัน เขาก็จำต้องปล่อยให้เธอลงจากตักแล้วเดินไปเปิดประตู ป้านิ่มส่งยิ้มกว้างให้แม่เลี้ยงคนใหม่แล้วบอกเสียงนุ่ม

“แขกบางคนจะกลับแล้วค่ะ”

“อ้อ ค่ะ งั้นลิไปลาแขกก่อนดีกว่า” กำลังจะออกจากห้องแต่ไหล่บางก็ถูกคว้าไว้ซะก่อน

“ไปพร้อมกันสิ” ก้องนเรนทร์เป็นคนเอ่ยแล้วเธอจะขัดได้หรือ หญิงสาวจำต้องพยักหน้าแล้วเดินออกไปข้างนอกพร้อมเจ้าบ่าว เพียงแค่ลงบันไดทุกสายตาก็จ้องมองพวกเขาสองคน สัมผัสได้ถึงความชื่นชมจากแววตาหลายคู่จนเขินอาย

อีกทั้งไหล่ยังถูกเขากอดเอาไว้ตลอดเวลา ยามเดินไปทักทายแขกก็ลดมือลงมาโอบเอว กลายเป็นว่าพวกเขาตัวติดกันแสดงออกถึงความรักจนคนที่มองต่างอมยิ้มไปตามกัน ไม่เว้นแม้แต่เจ้าสาวที่รู้สึกเหมือนถูกเติมเต็มในบางส่วนที่ขาดหายไป

ถ้ามันเกิดจากความรักของเราสองคนก็คงดี หล่อนจะได้ไม่แคลงใจว่าเขารักหรือเพราะต้องการทำตามพินัยกรรม...

“ก้อง...รันเพิ่งรู้ว่าก้องแต่งงานเลยมาช้า ยินดีด้วยนะคะ ไม่คิดว่าจะสละโสดเร็วขนาดนี้ รันนึกว่าจะรอรันซะอีก” จังหวะที่กำลังจะไปทักทายเพื่อนสนิทกลับถูกขวางด้วยผู้หญิงหน้าตาสวยหมดจด หล่อนสูงชะรูดหุ่นนางแบบ สวมชุดเดรสเข้ารูปสีชมพู แต่งหน้าทำผมจัดเต็มราวกับเป็นเจ้าสาวอีกคน ทุกสายตาจึงจับจ้องด้วยความสนใจ

โดยเฉพาะเพื่อนของก้องนเรนทร์ มองกันตาไม่กระพริบเพราะรู้ว่าสาวตรงหน้าเป็นใคร

“คุณมาได้ยังไง ผมไม่ได้เชิญ” ดวงหน้าคมที่เคยยิ้มแย้มกลับเคร่งขรึม เปลี่ยนในเสี้ยววินาทีจนลิลิตนึกสงสัย

หล่อนไม่ไว้ใจผู้หญิงตรงหน้าและความสัมพันธ์ขอพวกเขา

“รันรู้จากเพื่อน ถึงไม่ได้บัตรเชิญแต่เราก็สนิทกันแค่มาแสดงความยินดีก้องคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม...สวัสดีค่ะ ฉันชื่อรันนะคะเป็นเพื่อนกับก้อง รู้จักกันมาเกือบสิบปีแล้ว คุณเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากเลยนะคะ ปกติไม่เห็นเขาจะจริงจังกับใคร” อาการไม่ต้อนรับของเจ้าบ่าวไม่ได้ทำให้แขกสาวถอดใจ กลับหันไปทักทายเจ้าสาวคนสวยที่ยืนเงียบอย่างไม่ประสา

มิรันดา รังสรรค์กร เพื่อนสนิทและเป็นหญิงเพียงคนเดียวที่อยู่กับก้องนเรนทร์มานาน พวกเขาเลื่อนสถานะจากเพื่อนเป็นแฟนก่อนจะจบความสัมพันธ์ลงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ขาดการติดต่อไปหลายปีจนกระทั่งเห็นหล่อนวันนี้

อยากไล่หล่อนออกจากไร่แต่ก็กลัวว่าคนอื่นจะเอาไปนินทา สิ่งที่ทำจึงเลือกเมินเฉยแล้วประคองลิลิตไปที่อื่นโดยเร็ว

“ผมกับภรรยาต้องไปทักทายคนอื่นคงไม่มีเวลาคุยกับคุณ ถ้าหมดธุระก็เชิญที่ทางออกไร่เลยแล้วกัน” สิ้นประโยคนั้นก็พาร่างบางไปทักทายคนอื่น ทว่าลิลิตยังคงติดใจกับหญิงคนนั้นจึงเหลียวกลับมามอง แล้วเห็นว่าหล่อนเดินออกจากงานแล้ว

คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน นึกครุ่นคิดว่าทั้งสองเป็นแค่เพื่อนกันจริงหรือเปล่า ทำไมสายตาของฝ่ายหญิงจึงเหมือนอาลัยอาวรณ์

แทบไม่มีสมาธิทักทายคนในงาน กระนั้นก็ยังยิ้มแย้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนส่งแขกคนสุดท้ายกลับบ้าน...

“หน้าหงอยเชียว เป็นอะไรหรือเปล่า” ขึ้นมาบนห้องรับแขกซึ่งใช้เป็นห้องแต่งตัวของเจ้าสาว หล่อนเหม่อมองนอกหน้าต่างหลายนาทีจนไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูด้วยซ้ำ พอได้สติก็ตอนที่จันทภาเข้ามาทักจึงได้เหลียวกลับมามอง

“เปล่าหรอก แค่เหนื่อย” พยายามยิ้มแต่ดวงตากลับเศร้า เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องคิดมากกับอดีตของก้องนเรนทร์

แม้จะรู้ว่าเรื่องระหว่างเรามันเป็นไปตามพินัยกรรมก็ตาม

“ฉันจะมาบอกว่าขอกลับเย็นนี้นะ พอดีทางสำนักพิมพ์เขาโทรมาทวงต้นฉบับแล้วแต่ฉันยังเขียนไม่เสร็จ เขาบอกช้าสุดส่งพรุ่งนี้เลยว่าจะกลับไปเคลียร์ อยู่ที่นี่คงไม่สะดวกเท่าไหร่ เอาไว้คราวหน้าจะบินมาเยี่ยม” ข่าวที่เพื่อนจะกลับกะทันหันสร้างความเศร้าให้คนที่เพิ่งแต่งงานเป็นอย่างมาก

“เสียดาย ยังคุยกันไม่จุใจเลย”

“มีอะไรก็โทรมา” หล่อนเข้ามาสวมกอดลิลิตพลางพูดปลอบใจ แต่คนตัวเล็กก็ยังทำหน้าบึ้งที่อีกฝ่ายต้องกลับเร็วกว่ากำหนด ทำใจอยู่ครู่หนึ่งจึงหยิบยื่นไมตรีให้แก่จันทภา

“กลับตอนไหน เดี๋ยวจะให้ลุงหนึ่งไปส่ง”

“ตอนบ่ายเนี่ยแหละ”

“งั้นฉันไปบอกลุงหนึ่งก่อนนะ แกไปเก็บกระเป๋ารอได้เลย ทำงานเสร็จไม่ทันกำหนดจะได้ไม่โทษฉัน อ้อ ค่าเครื่องบินฉันออกให้เองและห้ามปฏิเสธด้วย” กลับมายิ้มแย้มแล้วเป็นคนจัดการธุระทุกอย่างให้นักเขียนดาวรุ่ง

“จ้า ยินดีให้เพื่อนเลี้ยงอยู่แล้ว” พวกเธอยิ้มให้แก่กัน

จันทภาได้เห็นการเติบโตไปอีกก้าวของเพื่อนสนิทก็นึกอิ่มเอมใจ หวังเพียงว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

ช่วงเย็นมีเลี้ยงฉลองกับคนงานในไร่ เพลงเปิดกระหึ่งพร้อมอาหารการกินไม่ขาด หล่อนสนุกไปกับเสียงเพลงทั้งยังร่วมวงเต้นกับทุกคนไม่สงวนท่าที สร้างความสนิทสนมและเสียงหัวเราะไม่ขาด จนรู้สึกว่าตนเริ่มมึนเมาจึงขอกลับห้อง

หล่อนเปลี่ยนชุดจากเดรสสีหวานผืนสั้นเป็นเสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาว เป่าผมที่เปียกจนแห้งแล้วค่อยออกมาจากห้องแต่งตัว คิดว่าก้องนเรนทร์น่าจะอยู่ที่งานคงยังไม่กลับบ้านจึงโล่งใจ

ทว่ากลับเห็นชายหนุ่มยืนรับลมอยู่นอกระเบียง ขาเรียวที่กำลังจะก้าวขึ้นเตียงพลันชะงัก...

“อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ” ร่างสูงเหลียวกลับมามองแล้วถามเสียงเบา เดินเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูระเบียงจนสนิท รูดม่านป้องกันการมองเห็นจากข้างนอก เล่นเอาลิลิตถึงกับคิดฟุ้งซ่านว่าคืนนี้ตนจะต้องเจออะไรบ้าง

“ค่ะ วันนี้เหนื่อยมากเลย ลิขอนอน..” ใช้โอกาสนี้สอดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม แต่แล้วเอวบางก็ถูกคว้าแล้วยกจนลอยไปนั่งลงบนตักหนาจนได้ แต่คราวนี้เขาไม่กอดไว้เฉยๆ เหมือนเดิม เลือกจะคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอขาวจนคนไม่ประสารีบย่นคอหลบ

“ฉันยังไม่ง่วงเลย เธอจะรีบนอนไปไหน” กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยออกมาจากปากหยัก เธอพยายามเบี่ยงหน้าหลบไปทางอื่น แต่ปากเขาก็ตามมาประกบลงที่แก้มนวล มือไม้ก็อยู่ไม่สุขลูบไล้ไปทั่วกายแบบบางเพื่อสำรวจก่อนจะเริ่มเข้าสู่การดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ในคืนฮันนีมูน

“พ่อ พ่อเลี้ยงจะทำอะไร” ถามเสียงสั่นเครือแม้จะรู้ว่าเขากำลังจะเริ่มทำอะไรกับตัวเอง

หล่อนรู้สึกว่ายังไม่พร้อม...

“ทำลูกไง” ตอบหน้าตายก่อนจะเม้มที่ซอกคอขาว ฝากรอยสีจางเอาไว้เพียงวงเล็กไม่อยากให้เป็นจุดเด่นมากนัก มือหนาคิดจะถอดเสื้อของหล่อนออกแต่ลิลิตก็กุมมือเขาเอาไว้ก่อน พลางส่ายศีรษะไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้ทำอย่างที่พูด

“คะ!”

“เราแต่งงานกันก็ต้องมีคืนเข้าหอ เธอคิดว่าฉันจะปล่อยให้เธอนอนโดยที่ไม่ต้องทำหน้าที่เมียเหรอ” เขาคิดว่าคุยชัดเจนแล้วเสียอีก แต่เหตุใดหล่อนถึงยังมีท่าทีต่อต้านไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม

เขาต้องการรีบทำแล้วให้สัมฤทธิ์ผลโดยการมีลูกโดยเร็วที่สุด

พินัยกรรมจะได้เสร็จสมบูรณ์สักที...

“วันนี้ไม่ได้ค่ะ” รีบปฏิเสธเสียงดัง คนที่กำลังเคลิ้มถึงกับชะงักแล้วจ้องหน้าหล่อนเพื่อหาคำตอบที่นึกสงสัย

“ทำไม”

“ฉันเป็นประจำเดือน...หรือพ่อเลี้ยงจะผ่าไฟแดง” จ้องตาเขากลับพยายามไม่แสดงพิรุธ ก้องนเรนทร์เงียบไปครู่หนึ่งแล้วยอมปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ

“นอนเถอะ ฉันจะไปอาบน้ำ” เธอลุกยืนแล้วถอยร่นออกห่างสามี ดึงเสื้อให้กลับมาอยู่ในสภาพปกติแล้วมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินเข้าห้องน้ำ พรูลมหายใจอย่างโล่งอกแล้วยกมือจับกลางอกของตัวเอง

นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว...

“ขอเวลาทำใจหน่อยแล้วกัน กำลังจะเสียพรหมจรรย์เลยนะ” หล่อนไม่เคยผ่านการร่วมรักมาก่อน คงต้องใช้ระยะเวลาศึกษาอีกสักพัก เพื่อไม่ให้ถูกสามีมองว่าเป็นคนอ่อนประสบการณ์

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel