๔ งานแต่งของเรา (๑)
๔
งานแต่งของเรา
ช่วงเช้าเธอต้องทำตามพิธีคือไปขอเขยด้วยการไปบ้านเจ้าบ่าวเพื่อพูดคุยกับพ่อแม่ของอีกฝ่าย แต่พวกเขาตัดสินใจทำขั้นตอนนี้อยู่บ้านญาณพัฒน์ และญาติผู้ใหญ่ฝ่ายชายคือคนที่ร่างสูงนับถือ ทุกอย่างเสร็จสิ้นลงรวดเร็วจากนั้นจึงเริ่มแห่ขันหมากห่างจากบ้านสองร้อยเมตรเพื่อที่คนงานในไร่ซึ่งมาร่วมขบวนจะได้ร้องรำอย่างสนุกสนาน
ลิลิตเปลี่ยนจากชุดเดรสลายลูกไม้เป็นไทยประยุกต์สีงาช้าง ผสมความเป็นล้านนาคือใส่ซิ่นไหมยกดอกลำพูนตามคำแนะนำของคุณโสภา ผมยาวรวบเป็นมวยด้านหลังแล้วประดับด้วยปิ่นสีทอง จ้างช่างแต่งหน้ามืออาชีพมาแต่งให้จนหล่อนกลายเป็นสาวงาม
ส่องกระจกก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าเป็นตัวเอง เพื่อนสนิทอย่างจันทภาเอ่ยชมไม่ขาดปากจนเธอเขินอาย
ช่างภาพประจำที่พ่อเลี้ยงจ้างมาเก็บภาพบรรยากาศ เพื่อนของหล่อนก็พากันมาแสดงความยินดี อีกทั้งสวมชุดเพื่อนเจ้าสาวมายืนเรียงแถวหน้ากระดานด้วยใบหน้าสดใส โดยเฉพาะจันทภาที่มีความสุขมากกว่าใครเพื่อน
“ตื่นเต้นจังเลยมิ่ง” หัวใจแทบจะทะลุออกมานอกอกเมื่อขบวนขันหมากแห่เข้ามาใกล้ เธอแอบมองจากหน้าต่างห้องของตัวเอง คว้าแขนเพื่อนมากอดเอาไว้แล้วมองลงไปข้างล่าง พ่อเลี้ยงก้องนเรนทร์เด่นในหมู่คน อาจเพราะชุดที่สวมใส่หรือหน้าตาหล่อเหลาก็ไม่อาจทราบ
“ฉันเป็นเพื่อนเจ้าสาวก็ตื่นเต้น พ่อเลี้ยงเขาจัดใหญ่เหมือนกันนะ แทบจะเนรมิตทั้งไร่ให้เธอเลย” จันทภาเพิ่งเคยเป็นเพื่อนเจ้าสาวครั้งแรก เธอชอบชุดที่ได้สวมมากจนต้องเก็บภาพเอาไว้แทบทุกมุมบ้าน
“ไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะทำขนาดนี้ ทำเหมือนกับว่าแต่งเพราะรัก” พึมพำอยู่คนเดียวแต่เพราะอยู่ใกล้กันเพื่อนสนิทจึงได้ยินไปด้วย หรี่ตามองลิลิตพลางอมยิ้มแล้วกระซิบข้างหูอีกฝ่ายเสียงเบา มีเพียงพวกตนที่รู้ว่างานแต่งถูกจัดขึ้นเนื่องจากต้องทำตามพินัยกรรม
หาใช่ความรักอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ...
“ก็เขารักแกไง” เจ้าสาวส่ายหัวไม่เชื่อกับสิ่งที่เพื่อนสนิทพูด เธอรู้ดีว่าการแต่งงานครั้งนี้เกิดจากอะไร จึงไม่เชื่อว่าเขาจะรักตน
แม้หนึ่งเดือนที่ผ่านมาก้องนเรนทร์จะดีกับตนมากแค่ไหนก็ตาม หญิงสาวก็ไม่เชื่อว่ามันจะเกิดจากความรู้สึกจริง เพราะก่อนหน้านี้เขาพูดชัดเจนว่าแต่งงานเพราะต้องการไร่ทวีสุข เธอเองก็ทำตามความต้องการของคุณลุง
สำหรับความสัมพันธ์ของเรามันไม่ใช่ความรัก...
“ไม่จริงหรอก แกอย่ามายุเลย...เขาไม่ได้รักฉันสักหน่อย”
“จะคิดยังไงก็เรื่องของแก แต่ฉันว่าเขาก็สนใจแกอยู่นะ ไม่อย่างนั้นจะจัดงานใหญ่โตแบบนี้ทำไมล่ะ ทั้งที่แค่พาไปจดทะเบียนสมรสก็ได้” ตั้งข้อสังเกตทำให้หล่อนคิดตาม ทว่าพยายามไม่คิดเข้าข้างตัวเองมากจนเกินไป
ถ้าไม่เป็นดังคิดจะเจ็บซะเปล่า
หล่อนเดาความคิดของก้องนเรนทร์ไม่ออก เขานิ่งเกินไปทั้งยังสงวนท่าทีไม่ยอมบอกความในใจหรืออธิบายอะไรสักอย่าง แววตาของชายหนุ่มที่มองมาบางครั้งเหมือนผู้ปกครองกับนักเรียนด้วยซ้ำ
แล้วอย่างนี้จะให้เชื่อได้อย่างไรว่าเขารักเธอ
“คุณลิคะ ขบวนใกล้จะถึงหน้าบ้านแล้วนะคะ ลงไปรอกันเถอะค่ะ” ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับป้านิ่มเข้ามาบอกคนที่กำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง จันทภาเบิกตากว้างกระวีกระวาดลงไปข้างล่างทันทีเมื่อคิดออกว่าตนมีหน้าที่สำคัญในงานนี้
“อุ้ย มิ่งต้องไปถือประตูเงินประตูทอง ไปก่อนนะ”
ลิลิตมองตามแผ่นหลังของเพื่อนค่อยกลับมามองป้านิ่มอีกครั้ง เธอเข้าไปหาท่านก่อนจะกอบกุมมือที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาเหมือนต้องการขอกำลังใจ ไม่คิดว่าตัวเองจะแต่งงานเร็วขนาดนี้ทั้งที่เพิ่งอายุยี่สิบสองปี แทบไม่ได้ออกไปเผชิญโลกภายนอกด้วยซ้ำ
อีกทั้งสามียังไม่ใช่คนที่ใจเสน่หาต่างหาก...
ทุกอย่างเป็นความต้องการของผู้ใหญ่ ตั้งแต่ที่คุณย่าเอมอรจากไปหล่อนก็ไร้ที่พึ่ง ต้องระหกระเหินมาอยู่กับคุณอนวัทธ์ตามคำสั่งเสียสุดท้ายของย่า พอคุณลุงจากไปก็ต้องมาแต่งงานกับลูกชายของท่าน
มีตอนไหนที่เธอได้ตัดสินใจเองบ้าง มีแต่ทำตามคำสั่งและความต้องการของคนอื่น
“วันนี้คุณลิของป้าสวยที่สุดเลยค่ะ งามขนาดแม่เลี้ยงของป้า” ป้านิ่มพูดภาษากลางแต่ติดสำเนียงภาคเหนือซึ่งหล่อนมองว่าน่ารัก แต่ออกจะเขินอายกับคำเรียกที่ต่อจากนี้คงต้องทำใจให้ชิน
หล่อนไม่ใช่คุณลิคนเดิม แต่เป็นแม่เลี้ยงของทุกคนในไร่ทวีสุข
“ป้านิ่ม...เรียกอะไรแบบนั้นล่ะคะ”
“พ่อเลี้ยงเห็นจะต้องตะลึงแน่นอน ป้ามั่นใจ” ขนาดท่านยังตกตะลึงกับความงดงามของเจ้าสาว แล้วทำไมเจ้าบ่าวจะไม่ตาค้าง
ใบหน้าหวานผุดผ่องในชุดไทยประยุกต์โดยใช้ซิ่นของล้านนา ผมเกล้าขึ้นเห็นลาดไหล่สวยกับลำคอระหง เผลอให้นึกถึงแม่เลี้ยงคนเก่าที่แต่งงานกับพ่อเลี้ยงด้วยชุดไทยล้านนาเช่นเดียวกัน
เสียงด้านล่างครึกครื้นจนร่างบางต้องออกมายืนฟังที่บันได แอบชะโงกหน้าไปดูก้องนเรนทร์ซึ่งสวมชุดราชประแตนสีขาว ทำผมเปิดหน้าผากเห็นหน้าคมชัดเจน หล่อนถึงกับชะงักค้างแล้วจ้องหน้าเขาอยู่อย่างนั้นหลายนาที
“รักเจ้าสาวหรือเปล่าคะ” คำถามจากเพื่อนสนิทอย่างจันทภา ทำให้เจ้าสาวหูผึ่งรอฟังอย่างใจจดจ่อ
“รักครับ” ตะโกนบอกกลับจนคนทั้งงานเอ่ยแซว
ลิลิตร้อนผ่าวที่ใบหน้าไม่คิดว่าร่างสูงจะตอบอย่างนี้ เธออยากซ่อนยิ้มแต่ก็ไม่สามารถทำได้ เผลอยิ้มกว้างจนคนที่อยู่ข้างกันอย่างป้านิ่มถึงกับหัวเราะขำ ความใสซื่อของหล่อนทำให้คนมองรู้สึกเอ็นดูไปด้วย ไม่ว่าจะทำอะไรก็น่ามองไปหมด
“งั้นก็...ตะโกนบอกรักเจ้าสาวดังๆ สามครั้ง”
“ฉันรักเธอ ฉันรักเธอ ฉันรักเธอ” ดังขึ้นเรื่อยๆ จนลิลิตถึงกับรีบหนีขึ้นไปบนห้องอีกครั้ง เธอต้องการจัดการกับอารมณ์ของตัวเองที่ใจเต้นรักเมื่อได้ยินประโยคบอกรักจากว่าที่สามี คิดว่ามันเป็นเพียงการแสดงพอได้ยินจริงก็ใจเต้นไม่จังหวะ
เพิ่งรู้ว่าการถูกสารภาพรักมันรู้สึกแบบนี้เอง...
“ฮิ้ววววว!” เสียงโห่แซวดังกึกก้องหน้าบ้าน จนสุดท้ายก็ยอมปล่อยเจ้าบ่าวให้เข้ามาข้างในเพื่อเตรียมตัวทำพิธีต่อไป
“เฮ้อ ทำไมหน้าร้อนแบบนี้ อากาศร้อนเกินไปหรือเปล่านะ” ใช้มือพัดใบหน้าตัวเอง จะจับแก้มก็ไม่ได้กลัวเครื่องสำอางหลุด เธออยากเข้าห้องเพื่อทำใจเตรียมเจอก้องนเรนทร์ แต่ป้านิ่มเข้ามาคว้ามือบางแล้วพาลงไปข้างล่างซะก่อน
การปรากฏกายของเจ้าสาวสร้างความฮือฮาให้คนร่วมงาน หล่อนสวยจนกลายเป็นจุดสนใจ กระทั่งเจ้าบ่าวยังมองตามตาไม่กระพริบ
ก้องนเรนทร์ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังให้ความสนใจเจ้าสาวของตน รู้เพียงอยากจ้องเธอทุกก้าวเดินและทุกอิริยาบถ จนหล่อนนั่งลงข้างกายเพื่อเตรียมเข้าสู่ขั้นตอนเรียกขวัญ โดยมีปู่อาจารย์เป็นคนดำเนินการทุกอย่าง
ฝ้ายมงคลสวมที่ศีรษะของทั้งสอง เริ่มเข้าสู่พิธีอย่างเป็นทางการ หล่อนทำเพียงก้มหน้าแล้วพนมมือไว้กลางอก แขนของพวกพวกสัมผัสกันเพราะขนาดพื้นที่น้อย หล่อนรีบเกร็งแขนไม่ให้ชนกับคนข้างกายเมื่อรู้สึกเหมือนจะมีไฟฟ้าสถิต
มันกำลังช็อตให้หัวใจหล่อนทำงานหนักกว่าปกติ
“ต่อไปเป็นพิธีส่งตัวเข้าหอ เจ้าบ่าวเจ้าสาวเชิญทางนี้เลยนะครับ” ผ่านพิธีต่างๆ ใช้เวลาพอสมควร คราวนี้มาถึงขั้นตอนสุดท้ายคือการส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอ
พวกเขามัดมือบ่าวสาวเพื่อเข้าหอโดยญาติผู้ใหญ่เดินนำหน้า ถือของสำคัญเข้าสู่ห้องหอที่อยู่ชั้นบน เธอไม่ได้คุยกับคนข้างกายเลยสักคำ ชายหนุ่มเองก็เงียบเช่นเดียวกัน ไม่กล้าจะพูดหรือเอ่ยปากเปล่งเสียง
พอเข้ามาถึงห้องหอที่เมื่อก่อนเป็นห้องนอนของพ่อเลี้ยงก็ต้องยืนมองญาติฝ่ายชายนอนบนเตียงเพื่อสาธิตให้บ่าวสาวได้ดูเป็นตัวอย่าง จากนั้นค่อยให้คนทั้งสองได้ทำตาม โดยมีช่างภาพเก็บภาพบรรยากาศเอาไว้ตลอดเวลา
ตอนที่พวกเขาต้องนอนกอดโดยหันหน้าเข้าหากัน ลมหายใจร้อนเป่ารดใบหน้า หล่อนแทบไม่กล้าหายใจด้วยซ้ำ ต้องกลั้นใจอยู่อย่างนั้นเกือบสิบวินาทีค่อยรีบผละออก