บท
ตั้งค่า

๓ พ่อเลี้ยงเปลี่ยนไป (๓)

“ฉันจริงจัง แต่ไม่คิดว่าพ่อเลี้ยงจะจริงจังเบอร์นี้ เราแค่แต่งงานกันในนามไม่น่าจะต้องจัดอะไรใหญ่โตนี่น่า”

“ฉันต้องการให้เกียรติเธอ” เพียงประโยคเดียวสามารถหยุดความสงสัยทุกอย่างในใจลิลิตได้ โดยหญิงสาวไม่ระแคะระคายเลยว่ามันอาจเป็นเงื่อนไขในพินัยกรรม ต่างจากร่างสูงที่ทำตามคำสั่งของบิดา

นั่นคือการแต่งงานกับลิลิต...และไม่อาจหย่าขาดจากหญิงสาวได้

“ขอบคุณค่ะ” เธอตอบเสียงเบาไม่กล้าพูดอะไรอีก หยิบช้อนส้อมมารับประทานอาหาร โดยไม่คิดว่าชายหนุ่มจะพูดประโยคที่น่าตกใจต่อจากนั้นจนทำให้ร่างบางสำลักข้าว

“และเราจะมีเซ็กส์กันเหมือนสามีภรรยาทั่วไป” ดวงตากลมเบิกกว้าง ใครเขาพูดเรื่องเซ็กส์กันกลางโต๊ะกินข้าวได้หน้าตาเฉยเหมือนก้องนเรนทร์บ้าง

ร่างบางไอจนต้องหยิบแก้วน้ำที่วางไว้ข้าวกายขึ้นดื่มจนหมด หอบหายใจแล้วจ้องชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง ดวงตากลมแวววาวจนเขานึกขำ พอจะรู้มาบ้างจากป้านิ่มว่าหญิงสาวไม่เคยมีแฟน อยู่ในกรอบที่คุณเอมอรวางไว้ตลอด

คงไม่ประสากับเรื่องแบบนี้ จึงแสดงอาการตกใจจนน้ำหูน้ำตาไหลยามเขากล่าวถึง...

“แค่กๆๆ”

“เรื่องแบบนี้ไม่ต้องพูดก็ได้” พึมพำกับตัวเองแล้วก็ไม่สามารถนั่งรับประทานอาหารต่อได้ ยิ่งเห็นแววตาคมที่กำลังจ้องก็ทำตัวไม่ถูก เธอหยิบผ้าขึ้นเช็ดปากแล้วลุกจากเก้าอี้ รู้เลยว่าตัวเองหน้าแดงเพราะรู้สึกร้อนผ่าวที่แก้ม

อับอายจริงๆ

“อิ่มแล้ว...ขอขึ้นไปบนห้องนะคะ” เลื่อนเก้าอี้เข้าใต้โต๊ะ กำลังจะเดินออกจากห้องอาหารแต่เขาก็รั้งไว้ด้วยคำสั่งที่เธอไม่มีสิทธิ์แย้งหรือออกเสียงคัดค้าน

“ก่อนวันงานย้ายข้าวของเธอมาที่ห้องของฉันด้วยล่ะ เดี๋ยวฉันจะให้คนซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่มเพื่อรอต้อนรับเธอเข้าสู่ห้องหอของเรา” เหมือนก้องนเรนทร์จะรู้จุดอ่อนว่าลิลิตเขินอายกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงเป็นพิเศษ จึงยิ่งตอกย้ำให้หล่อนต้องหน้าแดง

“ค่ะ” รับคำเรียบร้อยก็รีบเดินกึ่งวิ่งออกจากห้องอาหาร โดยมีสายตาคมมองตามแล้วยกยิ้มมุมปาก

ลืมไปเสียสนิทว่าหล่อนเพิ่งเรียนจบระดับอุดมศึกษา ยังคงเป็นนกตัวน้อยที่เพิ่งโบยบินคงไม่มีชั่วโมงบินมากเท่าตน

เขาจะสอนเธอเอง...ว่าการบินอย่างมั่นคงเป็นอย่างไร

“ตายๆๆๆ เจอพ่อเลี้ยงโหมดนี้หัวใจทำงานหนักมาก เขารักฉันเหรอ...จริงเหรอ รักฉันงั้นเหรอ บ้าน่า” ขึ้นห้องมาได้ก็เอามือทาบอกพลางพูดกับตัวเองด้วยเสียงสั่นเครือบ่งบอกอาการตื่นเต้น ทั้งยังตั้งข้อสังเกตกับการกระทำของก้องนเรนทร์ที่ชวนสงสัย

แต่มันจะเป็นไปได้เหรอ...คนอย่างพ่อเลี้ยงบ้าอำนาจน้ำหรือจะชอบหล่อน

ไม่มีทางหรอก เขาทำทุกอย่างก็เพราะพินัยกรรมที่คุณอนวัทธ์ทำต่างหาก

ช่วงวันหยุดเธอก็เอาแต่ขลุกอยู่บ้าน ผ่านมาหนึ่งเดือนงานแต่งถูกเตรียมไว้หมดแล้ว ลานกว้างก็เนรมิตเป็นงานแต่ง บ้านทั้งก็เช่นเดียวกันมีคนเดินเข้าออกเป็นว่าเล่น เขาจ้างออแกไนซ์มาจัดการให้โดยเฉพาะ

ชุดก็เพิ่งไปลองแล้วต้องแก้เมื่อเจ้าสาวกินเยอะจนคับแน่นนั่งเกือบไม่ได้ เธอจึงต้องควบคุมอาหารไม่ตามใจปาก ไว้รองานแต่งเสร็จสิ้นค่อยกลับมากินปกติ

พื้นที่ซึ่งพอจะนั่งปล่อยใจไปได้เห็นจะมีแต่ห้องนอนของตน เพราะชั้นล่างกำลังเตรียมงานกันอย่างขะมักเขม้น เธออยู่ช่วยช่วงเช้าจึงขอมาพักผ่อนช่วงบ่าย เอนกายหลับไปได้หนึ่งตื่นยังไม่หายงัวเงีย กลับมีเสียงดังข้างหูจนสะดุ้ง

“จ๊ะเอ๋!!” ร่างบางลุกนั่งบนเตียงแล้วหันมาพบเพื่อนสนิทที่เพิ่งมาถึง ดวงหน้าหวานยิ้มกว้างแสดงออกถึงความสุข

“ยัยมิ่ง!” โผเข้ากอดจันทภาด้วยความคิดถึง เล่นเอาคนเพิ่งมาขยับตัวไม่ได้จนต้องเอ่ยอ้อนวอนว่าที่แม่เลี้ยงของไร่ทวีสุข

“แกชักจะกอดแน่นเกินไปแล้วนะ ปล่อยก่อนฉันหายใจไม่ออก กะจะฆาตกรรมกันหรือไง” รีบผลักลิลิตออกแล้วสูดอากาศเข้าปอด ไม่น่าเชื่อว่าดูจากขนาดตัวที่เล็กกว่าหล่อนจะมีแรงเยอะขนาดนี้ ทำเอาจันทภาถึงกับเหนื่อย

“คิดถึงจังเลย แกมานานหรือยัง ถึงแล้วทำไมไม่โทรบอกฉันจะได้ให้คนไปรับ แล้วนี่มายังไง กระเป๋าล่ะอยู่ไหน” ถามรัวด้วยความดีใจ เพิ่งมีคนมาหาเธอที่ไร่เป็นครั้งแรกก็อดจะตื่นเต้นไม่ได้ ยิ่งเป็นเพื่อนสนิทของตัวเองด้วย

“ถามช้าๆ หน่อยได้ไหม สมองฉันประมวลผลไม่ทันหรอกนะ...ฉันเพิ่งมาถึง ลงจากเครื่องบินก็จ้างแท็กซี่ให้พามาไร่ทวีสุข เพิ่งถึงเมื่อกี้แล้วก็เห็นแกกำลังนอนเล่นอยู่นี่แหละ เฮ้อ หายใจไม่ทันอยากดื่มน้ำสักอึก”

“อ่ะๆ น้ำเย็นๆ คิดถึงแกจังเลย” รีบหยิบน้ำเย็นที่วางไว้บนโต๊ะให้อีกฝ่ายทันที พร้อมกับขนมและผลไม้ที่แม่บ้านนำมาเสิร์ฟ

หล่อนรีบลากเพื่อนมานั่งลงบนเตียง มีเรื่องจะคุยกับอีกฝ่ายเต็มไปหมด ความจริงส่งการ์ดเชิญให้เพื่อนหลายคนแต่ไม่รู้ว่าจะมีใครมาบ้าง ส่วนใหญ่ก็อยู่เมืองหลวง หากให้มาที่ภาคเหนือก็กังวลเรื่องการเดินทางและค่าใช้จ่าย

ไม่รู้ว่าทางฝ่ายเธอจะมากันกี่คน...

“พอเห็นการ์ดเชิญฉันก็รีบจัดกระเป๋ามาหาแกทันทีเลย จองตั๋วเครื่องบินกะทันหันราคาแพงมากแทบปาดเหงื่อแหนะ”

“โอ๋ๆๆ งั้นอาหารการกินและที่พักฟรีหมดเลย พร้อมกับพาชมไร่ทวีสุขด้วยดีไหม” จับมือเพื่อนมากุมเอาไว้พร้อมบอกอย่างใจกว้าง

“ดี! ความจริงกะจะมาหาแรงบันดาลใจไปแต่งนิยายเนี่ยแหละ” เธอยังไม่ทิ้งความเป็นนักเขียนของตัวเอง ยิ่งมาไร่ทวีสุขที่กว้างใหญ่ก็สามารถเอาไปเป็นแรงบันดาลใจในงานเขียนได้ เพียงแค่เห็นป้ายหน้าไร่พล็อตก็ผุดขึ้นในหัวทันทีจนอยากหยิบโน้ตบุ๊กมาพิมพ์งาน

“ฉันว่าแล้วเชียว งานแต่งฉันก็แค่ผลพลอยได้สินะ” ทำหน้าหงอยแต่ต่างรู้ดีว่ากำลังล้อเล่น

ระหว่างที่พวกเธอกำลังคุยกันอย่างมีความสุข ประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมกับป้านิ่มที่ส่งยิ้มให้แขกของลิลิต ทั้งยังเป็นคนบอกว่าคุณลิอยู่บนห้องและใช้เวลาไปกับการพักผ่อนหลังเหนื่อยเตรียมงานแต่งมาหลายวัน

พ่อเลี้ยงเกณฑ์คนงานในไร่มาช่วยกันจัดสถานที่ นอกจากมีงานเช้าแล้วยังมีงานเลี้ยงฉลองตอนเย็นด้วย ซึ่งจัดขึ้นก็เพื่อให้คนงานได้สนุกสนานหลังจากตราตรำทำงานมาทั้งปี

“ป้านิ่มคะ นี่มิ่งเพื่อนของลิเองค่ะ เพื่อนสนิทที่สนิ๊ทสนิท รู้ใจกันที่สุดจะมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวค่ะ” แนะนำให้หัวหน้าแม่บ้านได้รู้จักกับเพื่อนสนิทของตัวเอง ท่านพยักหน้าแล้วก็อมยิ้มพร้อมเอ่ยชมจันทภาที่หน้าบานเมื่อได้ฟัง

“สวยจังเลยค่ะ เพื่อนกันหน้าตาดีเหมือนกันเลย”

“คุณป้าก็ชมเกินไปค่ะ มิ่งสวยกว่ายัยลิอีก เทียบกันไม่ได้ค่ะ” พูดด้วยความอารมณ์ดีแต่กลับโดนลิลิตตีเข้าที่แขนด้วยความหมั่นเขี้ยว

“เอ๊ะ!”

“ล้อเล่นจ้า แกเป็นเจ้าสาวต้องสวยที่สุดอยู่แล้วล่ะ” รีบโอบไหล่ร่างบางทันทีพร้อมชื่นชมตามความรู้สึกจริง

ความสวยของลิลิตเป็นที่ประจักษ์ เพียงแต่ไม่เคยใช้ความสวยหาแฟนเลยสักครั้งเพราะเชื่อฟังคุณเอมอร อยู่ในกรอบมาโดยตลอดทั้งยังไม่รู้สึกโหยหาหรือต้องการคนรัก เธอมีครอบครัวที่มอบความรักให้อยู่แล้วจึงไม่อยากได้จากใครอีก

“ป้าจะมาบอกว่าป้าให้เด็กยกกระเป๋าขึ้นมาบนห้องเลยนะคะ...แล้วก็ช่วงบ่ายทางร้านของคุณโสภาจะเอาชุดมาให้อย่าเพิ่งไปไหนนะคะ”

“รับทราบค่ะ!” ทำท่าตะเบะรับคำเสียงดัง

ป้านิ่มปล่อยสองคนให้อยู่ด้วยกัน รู้ดีว่าเพื่อนสนิทคงมีเรื่องให้คุยอีกยาวจึงผละออกมาข้างนอก จันทภาได้ทีก็รีบลุกขึ้นสำรวจห้อง เปิดหน้าต่างดูบรรยากาศในไร่ที่แสนกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ถึงกับต้องหันมามองหน้าเพื่อนสนิทพลางเอ่ยล้อเลียน

“อยู่กรุงเทพฯ เป็นคุณหนู อยู่ที่นี่เป็นแม่เลี้ยง เพื่อนฉันทำบุญด้วยอะไรนะถึงโชคดีแบบนี้ บอกฉันบ้างสิชาตินี้ฉันจะได้รีบทำ เกิดมาชาติหน้าจะได้เพียบพร้อมแบบแกบ้าง”

“พอเลย เพ้อเจ้อจริงๆ มานั่งคุยกันดีกว่า หลังเรียนจบเราก็แทบไม่ได้เจอกันเลย มีอะไรอัพเดทบ้างจ๊ะ” ตัดบทอย่างรวดเร็วแล้วพูดถึงเรื่องอื่น เธอไม่คิดว่าตนจะกลายเป็นแม่เลี้ยงอายุน้อยไปซะได้

เรียนจบแล้วก็แต่งงานอย่างไม่คาดฝัน...

ตกเย็นพ่อเลี้ยงก้องนเรนทร์ก็กลับบ้าน อาหารขึ้นโต๊ะรอเรียบร้อยแล้ว โดยมีว่าที่เจ้าสาวและเพื่อนของหล่อนมาร่วมโต๊ะ เขายิ้มทักทายจันทภา ทราบมาจากลิลิตแล้วว่าเพื่อนสนิทจะมานอนด้วยและเขาก็อนุญาต เพราะอย่างไรวันพรุ่งนี้หล่อนก็ต้องย้ายมานอนห้องหอของเรา

คืนนี้เขาก็นอนห้องรับแขกเพราะห้องหอต้องตกแต่งใหม่ทั้งหมดเพื่อรอทำตามขั้นตอนการเข้าหอพรุ่งนี้

“พ่อเลี้ยงคะ นี่เพื่อนของฉันชื่อมิ่งค่ะ จะมาเป็นเพื่อนเจ้าสาว” แนะนำเพื่อนสนิทที่ยิ้มหวานแล้วยกมือไหว้ เพิ่งเห็นว่าที่สามีของเพื่อนครั้งแรก ไม่แปลกใจสักนิดที่ลิลิตจะตอบตกลงแต่งงาน หน้าตาของก้องนเรนทร์หล่ออย่างกับพระเอกภาพยนตร์

เป็นมาดของพ่อเลี้ยงที่อยู่ในจินตนาการของหล่อน แบบนี้แหละเหมาะสมที่จะเป็นพระเอกนิยายคนต่อไปของเธอ!

“สวัสดีค่ะพ่อเลี้ยง”

“เชิญตามสบายเลยนะครับ จะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ ต้องการอะไรเรียกแม่บ้านได้ตลอดเลย” บอกอย่างใจกว้างแล้วนั่งหัวโต๊ะเพื่อรับประทานอาหาร เขาพร้อมต้อนรับเพื่อนของลิลิตเสมอ เธอได้ยินอย่างนั้นก็แอบยิ้มมีความสุขที่ร่างสูงใส่ใจไปถึงเพื่อนของตน

“ขอบคุณค่ะ”

พวกเขาเริ่มลงมือรับประทานอาหาร ซึ่งส่วนมากเป็นของชอบลิลิตที่เอ่ยขอกับป้านิ่มไว้ ท่านก็ทำให้ทันทีด้วยความเต็มใจ

“กินกุ้งสิ เธอชอบไม่ใช่เหรอ” ระหว่างที่กำลังกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ก้องนเรนทร์ก็ตักกุ้งวางไว้บนจานของเธอ สร้างความตกตะลึงให้สองสาวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะว่าที่แม่เลี้ยงถึงกับเผยอปากค้าง แล้วค่อยพึมพำเสียงเบา

“ค่ะ”

“หลังแต่งงานพ่อเลี้ยงคิดไว้หรือยังคะว่าจะไปฮันนีมูนที่ไหน” จันทภากลั้นยิ้มกับอาการเขินอายของเพื่อนสนิท จึงรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่ลิลิตจะเขินจนเอาหน้ามุดลงในจานข้าวซะก่อน

“คิดไว้บ้างแต่ต้องถามเจ้าตัวก่อนว่าอยากไปด้วยกันหรือเปล่า ผมตามใจภรรยาอยู่แล้ว” หันมายิ้มให้ลิลิตที่เบิกตาค้างเป็นที่เรียบร้อย ไม่กล้าจะพูดอะไรอีก ตลอดระยะเวลาการรับประทานอาหารจึงกลายเป็นการสนทนาของจันทภาและพ่อเลี้ยงก้องนเรนทร์

พอเข้ามาในห้องชายหนุ่มก็ได้รับคำชมจากเพื่อนสนิทของหล่อน เล่นเอาร่างบางถึงกับส่ายหัวแต่ในใจก็เผลอคล้อยตาม ช่วงหลังเขาลดกำแพงที่กั้นกลางระหว่างเราลง จนแทบจะเหมือนอีกคนกับที่เจอครั้งแรก

“แก! เขาน่ารักมาก! ฉันอิจฉาแกจังเลย พ่อเลี้ยงเขาดูรักแกอ่ะ”

“สติเพื่อน เขาแต่งงานกับฉันเพราะต้องการไร่ เขาไม่ได้รักฉัน” ตอกย้ำอีกครั้ง แต่ไม่ได้พูดกับจันทภา เหมือนกำลังบอกตัวเองมากกว่าไม่ให้หลงเคลิ้มไปกับสิ่งที่ชายหนุ่มกระทำ

“สะกดจิตตัวเองอยู่ล่ะสิ ฉันเห็นนะตอนเขาเรียกแกว่าภรรยาน่ะ สายตาของแกหวานเยิ้มยังกับน้ำผึ้ง หลอกใครก็หลอกไปแต่หลอกมิ่งไม่ได้หรอกจ้ะ”

“เปล่าสักหน่อย..” ปฏิเสธเสียงแผ่วแล้วรีบหลบสายตาที่กำลังจ้องอย่างจับผิด

รู้ดีว่ากำลังหลอกเพื่อนและหลอกตัว เพราะตอนนี้เริ่มหวั่นไหวไปกับพ่อเลี้ยงก้องนเรนทร์แล้ว...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel