๒ ตกลงปลงใจเพราะความหล่อ(?) (๒)
“ที่พ่อเลี้ยงต้องการแต่งงานกับฉันก็เพราะสมบัติ” พูดแทงใจดำจนเขาไม่อาจปฏิเสธได้
ความจริงก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธ ทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องการทำตามพินัยกรรม เพื่อที่มรดกทั้งหมดจะได้ไม่เป็นของคนอื่น
“ใช่ ฉันต้องการสมบัติของตัวเอง ไร่นี้ฉันบุกเบิกมากับพ่อตั้งแต่เด็ก เธอคิดว่าฉันจะยอมให้มันตกไปเป็นของคนอื่นเหรอ เธอจะมองว่าฉันหน้าเงินหรือเห็นแก่ตัวก็ได้ เพราะมันเป็นแบบนั้นจริง” คำตอบตรงจนลิลิตคาดไม่ถึง แต่ก็ไม่แปลกใจเพราะคนที่จริงจังกับงานคงไม่อยากเสียไร่ซึ่งเป็นสมบัติสุดที่รักไป
“ฉันเสียคนในครอบครัวคนสุดท้ายไปแล้ว ฉันจะไม่ยอมเสียไร่ทวีสุขไปอีก” ย้ำกับตัวเองด้วยแววตาที่แรงกล้า ที่ดินแห่งนี้เป็นเหมือนตัวแทนของพ่อแม่ เขาจะรักษามันเอาไว้จนสุดความสามารถ ถึงจะเป็นการฝืนใจแค่ไหนก็ตาม
คำพูดของก้องนเรนทร์ทำให้หล่อนต้องเงียบฟังไม่กล้าพูดแทรก หญิงสาวเหมือนถูกมอมเมายามแววตาคมจ้อง แต่ไม่ได้เต็มไปด้วยความแข็งกร้าวเหมือนทุกครั้ง
เขาเดินมาหยุดตรงหน้าหล่อน แล้วก้มหน้าลงเพื่อให้สามารถมองดวงหน้าหวานได้ชัดเจน เธอเองก็เหมือนต้องมนต์สะกดเงยหน้าขึ้นเพื่อให้เห็นก้องนเรนทร์ชัดเจน แต่เหมือนเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองเมื่อเขาเอ่ยด้วยประโยคอ่อนโยน หัวใจของเธอก็เต้นผิดจังหวะ
“แต่งงานกับฉัน แล้วฉันจะดูแลเธอเอง” แม้จะรู้ว่าเขาพูดเพื่อให้ตนโอนอ่อน แต่หัวใจเจ้ากรรมก็ยังเผลอหวั่นไหวทั้งที่ไม่เคยมีอาการนี้เกิดขึ้นกับใครมาก่อน
เธอเคยเกลียดเขา ไม่ชอบเขา ไม่อยากเห็นหน้า...
แต่ตอนนี้เพียงแค่ประโยคขอแต่งงานที่ไม่ได้ซึ้งกินใจ แต่กลับได้ใจลิลิตไปเต็มๆ
คงจะจริงอย่างที่เพื่อนสนิทเคยบอก เพราะเธอไม่เคยมีแฟนมาก่อนจึงหวั่นไหวกับผู้ชายง่ายดายเพียงเจอลมปากหวาน
คุณย่าเอมอรไม่เคยปล่อยหลานสาวออกนอกลู่นอกทาง ใครเข้ามาใกล้ก็ต้องคอยบอกและเตือนเสมอจนเธอกลายเป็นสาวโสดมาจนอายุยี่สิบสองปี ทั้งที่หน้าตาก็ไม่ได้ด้อยสักนิด แต่ไม่เคยมีใครผ่านด่านสุดโหดของคุณย่าได้
สุดท้ายก็โสดให้เพื่อนล้อ...
“ขอ ขอเวลาหน่อยได้ไหมคะ” ตอบเสียงตะกุกตะกัก หลุบตามองพื้นเพื่อปกปิดความเขินอายที่กำลังเผชิญเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาทีเธอมีหลายอารมณ์เหลือเกิน
แต่เธอก็พอจะทราบว่าชายหนุ่มทำแบบนี้เพื่ออะไร เขาประกาศชัดว่าต้องการแต่งงานเพื่อมรดกไม่มีความรักเจือปน แต่ลิลิตก็ยังเผลอหวั่นไหวแม้ใจจะเกลียด
เพราะแววตาคมที่แน่วแน่...หรือเพราะใบหน้าที่หล่อเหลาของเขากันนะ
“ฉันจะรอคำตอบจากเธอ” ไม่มีการแตะเนื้อต้องตัว เพียงแค่จ้องตาก็ทำให้สะท้านไปถึงหัวใจ
หรือพินัยกรรมของคุณลุงจะใส่คุณไสยบางอย่างจนหัวใจหล่อนเต้นแรงขึ้น จ้องมองแผ่นหลังกว้างที่เดินออกจากห้อง รีบผินหน้าหนีเมื่อเขาเหลียวกลับมามอง ร้อนผ่าวที่ใบหน้าจนต้องมายืนมองนอกหน้าต่าง
แย่แล้ว...เธอกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก
“ทำไมหัวใจเต้นแรงขนาดนั้นล่ะ เกลียด เธอเกลียดเขานะยัยลิ เฮ้อ แล้วใครใช้ให้เขาหล่ออย่างกับพระเอกละคร โอ๊ยๆๆ สับสน” ยกมือขึ้นวางตำแหน่งหน้าอกข้างซ้าย รับรู้ได้ถึงการเต้นที่รุนแรงของหัวใจ ราวกับว่ามันจะทะลุออกนอกอก
ร่างแบบบางทรุดนั่งบนเตียง มองเตียงกว้างที่มีกระเป๋าใบใหญ่วางไว้ ปากไม่ปฏิเสธก็แสดงให้เห็นแล้วว่าใจหล่อนเริ่มเอนเอียง
บางทีเธอก็เกลียดตัวเองที่หลงไปกับคารม...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ลิลิตขังตัวเองอยู่ในห้องทั้งวันไม่ยอมลงไปข้างล่างเพื่อทบทวนเรื่องทุกอย่าง คิดไม่ตกว่าต้องทำอย่างไรกับสถานการณ์ที่แสนยุ่งเหยิง
พ่อเลี้ยงก้องนเรนทร์ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้แต่งงาน เธอไม่รู้ว่าเขาจะใช้วิธีไหนบ้าง แต่ก็ต้องเตรียมรับมือเอาไว้ หรือพอลองชั่งใจหากตอบตกลงแต่งงานชีวิตจะเปลี่ยนไปอย่างไร
เธอไม่เคยมีแฟนแต่ข้ามขั้นไปมีสามี...
เสียงเคาะประตูดึงสติที่กำลังเหม่อลอยไปไกลให้กลับมา เธอหยิบหมอนที่วางบนตักออก แล้วหย่อนขาลงยืนบนพื้น เดินไปหน้าประตูก่อนหมุนลูกบิด ต้อนรับคนที่ยืนคอยอยู่ด้านหน้าอย่างป้านิ่ม ท่านยิ้มให้แต่เธอไม่มีกะใจจะยิ้มตอบ
“ว่าไงคะป้านิ่ม”
“พ่อเลี้ยงให้มาเรียกคุณลิลงไปทานอาหารเย็นด้วยกันค่ะ” แค่ได้ยินชื่อของคนตัวสูงก็ทำตัวไม่ถูก ยิ่งเจอหน้ากันก็รังแต่จะสร้างบรรยากาศกระอักกระอวน
“ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะเรียก สงสัยฟ้าร้องฝนจะตกถึงได้เรียกกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา” พึมพำกับตัวเองแล้วเอนกายพิงประตู
ให้ตายอย่างไรก็ไม่ลงไปกินข้าวด้วยหรอก เธอไม่กล้าสู้หน้าเขาถึงอีกฝ่ายจะเป็นคนเอ่ยชวนร่วมโต๊ะอาหารก็ตาม
ความเกลียดยังคงหลงเหลือ แต่เพียงแค่คิดเรื่องแต่งงานและคำพูดที่เป็นดั่งคำสัญญาก็ทำตัวไม่ถูก
หล่อนยังอ่อนประสบการณ์เรื่องความรัก...ทั้งยังใจอ่อนให้ผู้ชายที่หมายหัวว่าเป็นศัตรูเพียงแค่เขาพูดดีด้วยไม่กี่ประโยค
“ฝากป้านิ่มบอกพ่อเลี้ยงด้วยนะคะว่าลิไม่หิว...ตอนนี้ยังไม่หิวค่ะ ขอใช้เวลาทบทวนสิ่งสำคัญในชีวิต” ท้องเริ่มร้องประท้วงเพราะไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า กระนั้นหล่อนก็ยังถือทิฐิไม่ยอมลงไปข้างล่าง ป้านิ่มแอบยิ้มขำปนเอ็นดูในความปากไม่ตรงกับใจ
คงกำลังกังวลเรื่องพินัยกรรมของคุณอนวัทธ์ คิดไม่ตกว่าจะเอาอย่างไรดี
ถ้าไม่ตกลง...ไร่ก็จะกลายเป็นขององค์กรการกุศล
แต่ถ้าตอบตกลง...เธอก็ต้องใช้ชีวิตร่วมกับก้องนเรนทร์แบบสามีภรรยา
ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็น่าหนักใจทั้งคู่ เหตุใดคุณลุงถึงยื่นทางเลือกที่ตัดสินใจยากให้เธอก็ไม่รู้ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“ค่ะ ป้าจะไปบอกพ่อเลี้ยงตามนี้” ป้านิ่มยอมเดินออกไปแต่โดยดี เธอจึงปิดประตูห้องแล้วพิงกำแพงเหมือนคนหมดแรง ยกมือขึ้นลูบท้องแล้วได้ยินแต่เสียงร้องประท้วงที่ดังก้อง คนที่ชอบกินอาหารและขนมเป็นชีวิตจิตใจต้องมาอดข้าวถึงสามมื้อ
เพราะก้องนเรนทร์คนเดียว!
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ลิลิตออกจากห้องน้ำโดยมีเพียงผ้าเช็ดตัวพันรอบกาย ผมยาวถูกหนีบเอาไว้แต่ตามไรผมก็ยังเปียกน้ำ แม้จะหน้าสดแต่ก็ยังคงขาวกระจ่างเพราะบำรุงอย่างดี ดูได้จากเครื่องสำอางและครีมบำรุงหน้าโต๊ะกระจก
พอกำลังจะแต่งตัวก็ได้ยินเสียงเคาะประตู หล่อนจึงวางของทุกอย่างลงแล้วเดินไปหมุนลูกบิด รู้อยู่แล้วว่าคนที่มาหาต้องเป็นป้านิ่ม จึงไม่ได้ระมัดระวังตัว อย่างไรก็คนกันเอง