๑ พินัยกรรม (๑)
๑
พินัยกรรม
ม่านสีทึบถูกรูดปิดแสงที่สาดส่องเข้ามาในห้องนอน คนที่หลับใหลอยู่บนเตียงจึงไม่รู้สึกตัวสักที เครื่องปรับอากาศทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ความเย็นต้องกายจนต้องดึงผ้าห่มมาคลุมไหล่แล้วพลิกตัวมาอีกทาง
ใบหน้าหวานที่ไม่ได้แต่งแต้มแต่ยังคงน่ามองกำลังหลับใหลตกอยู่ในห้วงนิทรา ข้างศีรษะมีหนังสือนิยายถูกวางเอาไว้โดยสอดด้วยที่คั่นหนังสือ
เสียงเคาะประตูไม่เข้าโสตประสาท เธอเลือกจะหลับสนิทกระทั่งม่านถูกรูดออกแล้วแสงจ้าส่องกระทบเปลือกตา ร่างแบบบางส่งเสียงครางแผ่วด้วยความขัดใจ จะพลิกกายหันไปอีกทางก็ถูกคว้าไหล่เอาไว้เสียก่อน
ห้องนอนของแขกที่เธอย้ายมาอยู่ได้สามเดือนจนเริ่มคุ้นชิน ถึงจะไม่มีโทรทัศน์และอุปกรณ์อำนายความสะดวกเหมือนห้องที่เคยอยู่ แต่ก็มีข้อดีคือห่างจากห้องของพ่อเลี้ยงก้องนเรนทร์ เรียกว่าอยู่คนล่ะฝั่งจึงไม่ต้องทนเห็นหน้าตาบูดบึ้งเหมือนยักษ์มารของอีกฝ่าย
“คุณลิคะ ตื่นได้แล้วค่ะ” ป้านิ่มผู้อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าแม่บ้านและรับหน้าที่ดูแลลิลิตอย่างใกล้ชิดเอ่ยเสียงดังกว่าปกติ รู้ดีว่าคุณหนูคนใหม่ของตนปลุกยากแค่ไหน แต่ก็ยังนึกเอ็นดูเหมือนเดิม
ตั้งแต่วันแรกที่ลิลิตก้าวเข้ามาสู่ไร่ทวีสุข เธอเหมือนลูกนกปีกหักที่ร้างรัง หน้าตาซีดเซียวแววตาเศร้าสร้อย ไม่กินข้าวกินปลาจนต้องตะล่อมกันอยู่นานกว่าจะยอมทานสักคำ
พอได้รู้จักกันก็รู้สึกว่าลิลิตเป็นคนน่ารัก สดใส ร่าเริง จิตใจโอบอ้อมอารี เหมือนเด็กหญิงตัวน้อยมากกว่าเด็กสาวที่เพิ่งเรียนจบระดับอุดมศึกษา ครอบครัวเสียชีวิตทั้งหมดเหลือตัวคนเดียว โชคดีที่พ่อเลี้ยงอนวัทธ์รับอุปการะ
ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่ารอยยิ้มสดใสจะกลับมาเมื่อไหร่...
“ตื่นอะไรคะป้านิ่ม ยังเช้าอยู่เลยค่ะ” ตอบเสียงอู้อี้ไม่ยอมลุกสักที เมื่อคืนเธอนอนดึกจึงไม่อาจลืมตาตื่นได้ แต่กลิ่นหอมที่โชยตามลมก็ทำให้ท้องที่ว่างเริ่มร้องประท้วงจนไม่อาจข่มตาหลับ ค่อยเปิดเปลือกตาแล้วมองหญิงร่างท้วมแสนใจดี
การมาอยู่ไร่ทวีสุขกับคนที่ไม่คุ้นเคยต้องปรับตัวขนานใหญ่ ยังโชคดีคนที่นี่ให้การต้อนรับเธออย่างดี คุณลุงก็เอ็นดูตนเหมือนลูกสาวอีกคน ยิ่งป้านิ่มตามใจทุกอย่าง หล่อนจึงค่อนข้างตัวติดกับท่าน เหมือนได้คนในครอบครัวเพิ่ม
จะมีก็แต่ก้องนเรนทร์คนเดียว...ที่ไม่ต้อนรับทั้งยังดูผลักไสหล่อนอีกต่างหาก
มันน่าโมโหซะจริง
พ่อเลี้ยงอนวัทธ์แสนดี แต่กลับได้ลูกชายเผด็จการ คิดถึงทีไรก็ทำให้อารมณ์หม่นหมองทุกทีจนต้องพยายามไม่นึกถึงร่างสูง
“เช้าที่ไหนกันคะ ตอนนี้สิบโมงแล้วนะ ไม่ตื่นตอนนี้กินข้าวเช้าอีกทีตอนเที่ยงเลยนะคะ ตื่นเถอะค่ะ” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเอ็นดู ไม่ได้กระแหนะกระแหน คนเพิ่งตื่นรู้สึกเกรงใจจึงลุกนั่งพลางบิดกายซ้ายขวาไล่ความเมื่อย ปิดปากหาวค่อยลุกจากเตียง
“ตื่นก็ได้ค่ะ” คลุมผ้าห่มเรียบร้อย ปัดให้สะอาดแล้วค่อยหยิบผ้าเช็ดตัวมาจากป้านิ่มที่ถือมายื่นตรงหน้า บริการคุณหนูเป็นอย่างดีเพราะทำให้คิดถึงคุณหนูคนเล็กของไร่ทวีสุขที่จากไปหลายปี แต่ไม่ว่าจะนานแค่ไหนคนในไร่ก็ไม่เคยลืมสักที
เกตนรี ญาณพัฒน์...
เสียชีวิตด้วยการผูกคอตายใต้ต้นกาสะลองที่อยู่ท้ายไร่ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าไปเก็บดอกสีขาวกลิ่นหอมนั่นอีก ทั้งยังเอาเรื่องผีคุณเกตมาพูดอย่างสนุกปากจนพ่อเลี้ยงอนวัทธ์ต้องสั่งเสียงเฉียบว่าถ้าใครพูดเรื่องของลูกสาวคนเล็กในทางเสียหายจะไล่ออกทันที
จึงไม่มีใครกล้าพูดอีก เรื่องถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา...
“เมื่อคืนนอนดึกใช่ไหมคะ ป้าเห็นไฟห้องคุณลิเพิ่งปิดตอนตีสี่...ทำอะไรอยู่คะ” ป้านิ่มนอนเร็วจึงตื่นเช้ามาทำอาหารให้เจ้านายทั้งยังเตรียมปิ่นโตไปวัดทุกวัน ทันเห็นว่าไฟห้องนอนของลิลิตเปิดสว่างจนนึกสงสัยว่าอีกฝ่ายทำอะไรถึงนอนตอนเช้ามืดของวันต่อมาซะได้
ยังดีที่นอนหลับไม่โต้รุ่งทั้งคืน แต่พอตาเหลือบไปเห็นหนังสือนิยายวางอยู่ข้างหัวเตียงก็รู้ทันที สงสัยคงอ่านทั้งคืนไม่ยอมหลับนอน
เหมือนเกตนรีไม่มีผิด คุณหนูคนเล็กก็ติดนิยายไม่ต่างกัน หลงพระเอกจนนึกว่าตัวร้ายเป็นคนดี เอาใจไปฝากไว้หมดทั้งดวงสุดท้ายก็จบชีวิตเพราะถูกหักอก
“ลิอ่านนิยายเพลินไปหน่อยค่ะ แหะๆ แต่นิยายเรื่องนี้สนุกมากเลยนะคะป้านิ่ม เอาไว้ลิจะเล่าให้ฟังค่ะ ขอบอกเลยว่าน้ำเน่ามาก ยิ่งอ่านก็ยิ่งหมั่นไส้พระเอก” ตอนแรกคิดจะอ่านจนจบเพราะสนุกแต่ทนความง่วงไม่ไหว คิดว่าคืนนี้คงต้องอ่านให้จบ ยังมีอีกหลายเรื่องที่เก็บไว้ในคลังรอให้เปิดอ่าน
ตอนนี้เธอมีเวลาว่างมากพอจะอ่านนิยาย อย่างน้อยก็คลายความเหงาหรือความหงุดหงิดยามเห็นก้องนเรนทร์ได้บ้าง
“ป้าอยากอ่านด้วยจังเลยแต่ไม่มีเวลา เอาไว้คุณลิเล่าให้ป้าฟังนะคะ” ดูเหมือนว่าหญิงต่างวัยจะเข้ากันดีเหลือเกิน ป้านิ่มกลายเป็นแม่นมประจำตัวของลิลิตในทันที เธอก็ติดท่านเป็นตังเมเหมือนได้ญาติเพิ่มมาอีกหนึ่งคน
“ได้ค่ะ แต่ตอนนี้เริ่มหิวแล้ว เดี๋ยวลิไปอาบน้ำก่อนนะจะได้ลงไปกินข้าว”
“ค่ะ” ตอบรับแล้วลงไปรอข้างล่าง ปล่อยร่างบางจัดการชำระร่างกายเปลี่ยนเสื้อผ้า
ผ่านมาสามเดือนตั้งแต่พ่อเลี้ยงอนวัทธ์เสียชีวิต ไร่ทวีสุขได้เจ้าของคนใหม่ที่คุ้นหน้าค่าตาเป็นอย่างดี ลูกชายเพียงคนเดียวกลายเป็นพ่อเลี้ยง สืบทอดกิจการต่อจากบิดาและทำได้ดีจนคนงานในไร่เกรงใจ ไม่กล้ามีปัญหาด้วยเพราะก้องนเรนทร์ค่อนข้างเด็ดขาด
ทำผิดกฎไล่ออกสถานเดียว ยิ่งใครยุ่งกับยาเสพติดหรือการพนันจะไม่เอาไว้ในไร่ให้ก่อเกิดปัญหาภายหลัง
ทุกอย่างจึงสงบสุข...
“พ่อเลี้ยงของป้าไปทำงานหรือยังคะ” ลงมาข้างล่างด้วยชุดเดรสสีครีมแขนตุ๊กตา ยาวเลยเข่าเล็กน้อยพอดีกับหุ่นของคนสวมใส่ ผมยาวมัดเป็นหางม้าเพื่อความเรียบร้อย คล้ายตุ๊กตาไม่มีผิด จนป้านิ่มได้แต่อมยิ้มเวลาได้มองใบหน้าหวาน