บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 เป็นสาวเต็มตัว

“มีซิ อาซื้อมากทุกคนเลย” เจ้าชายจอร์แดนละพระหัตถ์จากเจ้าหญิงจัสมินและเจ้าชายอูซาล แล้วอ้าพระกรรับร่างเล็กที่กำลังเดินเข้ามาหา ก่อนจะอุ้มเจ้าหญิงไอรีนขึ้นมานั่งบนตักแล้วแก้มแก้มยุ้ยๆ นั้นอย่างเอ็นดู “เก่งมากหลานอา”

“เจ้าอย่าตามใจหลานๆ มากนักนะจอร์แดนเดี๋ยวพวกเขาจะเสียคน” พระชายาจามีนะรับสั่งหยอกเย้าอย่างยิ้มๆ

“แล้วเมื่อไรเจ้าจะมีชายาและมีหลานให้พ่ออุ้มบ้างล่ะจอร์แดน พวกพี่ๆ ของเจ้าก็มีกันหมดแล้ว” องค์อัลบาฮากระเซ้าบุตรชายเล่นก่อนจะแย้มพระสรวลกว้าง

“ท่านพ่อก็มีตั้ง 3 คนแล้วยังไม่พออีกหรือพะย่ะค่ะ” เจ้าชายจอร์แดนยิ้มขันๆ ให้กับพระบิดา

“ข้าว่าหาคู่ให้กับจอร์แดนได้แล้วนะท่านพ่อ” เจ้าชายการีฟเสด็จมาตบลงบนบ่าพระอนุชาอย่างเย้าล้อๆ

“ข้าหาเองดีกว่า และข้าคิดว่าตอนนี้ข้าหาเจอแล้วด้วยท่านพี่” ราชนิกุลหนุ่มอมยิ้มอย่างมีความนัย ทำให้ทั้งหมดหันมามองหน้ากันอย่างสงสัย

และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่จูดาเข้ามาทูลเชิญทุกพระองค์ไปที่โต๊ะเสวย บรรยากาศในค่ำคืนนี้ช่างอบอุ่นยิ่งนัก ครอบครัวได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้า เสียงหัวเราะพูดคุยกันเล็ดลอดออกมานอกพระตำหนัก

เซร่ายืนฟังเสียงหัวเราะที่มีความสุขนั้นอยู่ข้างพระตำหนัก แล้วก็พานนึกถึงตัวเองถ้าพ่อกับแม่ยังอยู่ด้วยกันเธอก็คงจะมีความสุขเช่นนี้เหมือนกัน ดวงตากลมโตสลดวูบลงพร้อมกับถอนใจออกมาเฮือกใหญ่

“เจ้ามาแอบทำอะไรที่นี่เซร่า!”

เสียงที่ดังขึ้นทำให้เซร่าสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองทางด้านหลัง หญิงสาวเห็นเอมิเร่เดินยิ้มมุมปากเข้ามาหาตน

“ทำอะไร? เจ้าเห็นข้าทำอะไรหรือ? ข้าเดินผ่านมาและได้ยินเสียงทรงพระสรวลกันจึงหยุดฟังก็แค่นั้น” เซร่ายักไหล่แล้วสะบัดหน้าใส่นางกำนัลรุ่นพี่ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องพักของตนเองไป เอมิเร่มองตามหลังไปด้วยแววตาแห่งความริษยาชิงชัง

เจ้าชายจอร์แดนเสด็จลงมาชมกล้วยไม้ที่เรือนกระจกหลังพระตำหนักหลวง อากาศในตอนเช้ากำลังเย็นสบาย ทรงดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดยืนอยู่ที่แปลงดอกกุหลาบซึ่งนางกำนัลคนหนึ่งกำลังก้มๆ เงยๆ ตัดดอกกุหลาบสีแดงสดอยู่

ส่วนเซร่าก็กำลังเพลิดเพลินอยู่กับการคัดเลือกดอกไม้จึงไม่ทันเห็นว่ามีใครมาหยุดยืนอยู่ทางด้านหลังของตนเอง

“แอ่ม!” เจ้าชายหนุ่มส่งเสียงให้หญิงสาวรู้ตัว เซร่าสะดุ้งแล้วหันมามองทางต้นเสียงแล้วหันมานั่งคุกเข่าก้มหน้ามองพื้นนิ่ง

“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” เจ้าชายจอร์แดนทอดพระเนตรนางกำนัลสาวเหมือนโดนมนต์สะกด พระองค์ผ่านผู้หญิงมาไม่ใช่น้อย แต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะตรึงพระเนตรของพระองค์ได้เท่ากับนางผู้นี้เลย

“กำ...กำลังตัดดอกไม้เพคะ” เซร่าทูลตอบแบบไม่เงยหน้า เธอไม่อยากสบสายพระเนตรคมกล้าที่ราวกับเหยี่ยวคู่นั้นเลย เพราะมันทำให้หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะ

“ข้ารู้แล้วว่าตัดดอกไม้แต่ตัดไปทำอะไรตั้งมากมาย”

“นำไปจัดแจกันเพคะ” เซร่าเหลือบสายตาขึ้นมองราชนิกุลหนุ่มแวบหนึ่ง แล้วรีบก้มหน้าลงตามเดิม

“เจ้ากลัวข้าหรือถึงได้ก้มหน้าหนีแบบนั้น ท่าทางของเจ้าไม่น่าจะตื่นกลัวคนง่ายๆ เลยนะ หรือว่าหน้าข้าน่าเกลียดน่ากลัวมากจนเจ้ามองไม่ได้”

“เปล่าเพคะ”

“เปล่าก็เงยหน้าขึ้นมองข้าสิ ข้าไม่ชอบคุยโดยไม่เห็นหน้า” เจ้าชายหนุ่มเสด็จเข้ามาใกล้ๆ แล้วนั่งคุกเข่าลง ก่อนจะใช้พระหัตถ์เชยคางมนให้เงยขึ้น เซร่ารีบปัดพระหัตถ์หนาออกแล้วขยับถอยหนีพร้อมกับจ้องพระพักตร์คมด้วยแววตาขึงขังอย่างไม่พอใจ

‘หญิงสาวคนนี้ท่าทางจะเอาเรื่องน่าดู แต่หน้าตาผิวพรรณดูสะอาดตาไม่เหมือนนางกำนัลทั่วไป รู้สึกคุ้นหน้าจริง’ เจ้าชายจอร์แดนคิดในพระทัยแล้วทรงประทับยืนขึ้นพร้อมกับยกมุมพระโอษฐ์ขึ้น สายพระเนตรจับจ้องอยู่ที่เรียวปากบางสีชมพูระเรื่อนิ่ง จนหญิงสาวรู้สึกอึดอัดและจ้องราชนิกุลหนุ่มตาเขียวปั้ด

“เอ้า! ตาเจ้าจะทะลักออกมานอกเบ้าแล้วนะ” ราชนิกุลหนุ่มพระสรวลออกมาอย่างขบขัน และนั่นก็เหมือนกับเป็นการจุดไฟขึ้นในกองฟางก็ว่าได้

“ทรงขำอะไรเพคะ!” เซร่านิ่วหน้าอย่างไม่พอใจ

“ก็ขำเจ้านะซิ ทำท่าเหมือนแม่เสือกำลังจ้องเหยื่ออยู่อย่างนั้นแหล่ะ” ทรงหยุดรับสั่งแล้วก็พระสรวลต่อ

“ทรงจิตนาการได้เก่งเสียจริงๆ เลยนะเพคะ ถ้าหม่อมฉันเป็นเสือจริงๆ ละก็คงตะครุบเหยื่อแล้วฉีกเนื้อกินไปแล้วล่ะเพคะ!” เซร่ากระแทกเสียงใส่อย่างเริ่มขุ่นๆ ในอารมณ์

และในขณะนั้นเองเอมิเร่ก็เดินผ่านมาเห็นเจ้าชายจอร์แดนกำลังคุยอยู่กับเซร่า ริมฝีปากจึงเม้มเข้าหากันด้วยความอิจฉาริษยา แล้วจึงเดินเข้ามานั่งคุกเข่าลงต่อหน้าพระพักตร์ของเจ้าชายหนุ่มพร้อมกับคลี่ยิ้มหวาน

“ฝ่าบาททรงมีพระประสงค์สิ่งใดหรือเปล่าเพคะ ให้หม่อมฉันช่วยดีกว่าเพคะ นางอย่าไปใช้นางเลยเพคะ นางยังไม่คล่องงานเท่าไรเพคะเดี๋ยวจะทรงทำให้ฝ่าบาททรงกริ้วเอาได้”

“ข้าไม่ได้ต้องการอะไรหรอก แค่ถามทุกข์สุขนางเท่านั้น” ทรงรับสั่งแล้วแย้มพระสรวลที่มุมพระโอษฐ์ให้กับนางกำนัลสาว

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วหม่อมฉันขอตัวก่อนนะเพคะ” พอพูดจบเซร่าก็รีบเดินออกมาอย่างรวดเร็ว เจ้าชายจอร์แดนทรงหรี่พระเนตรลงมองตามหลังของหญิงสาวด้วยความเสียดาย แต่อย่างน้อยพระองค์ก็ได้รู้ว่านางเป็นนางกำนัลที่วังหลวงแห่งนี้คงจะได้พบกันอีกแน่ๆ

“เจ้าเป็นเพื่อนกับนางหรือ” ทรงหันมารับสั่งถามนางกำนัลที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าด้วยสุรเสียงที่ราบเรียบ

“เพคะ แต่นางไม่ค่อยชอบหม่อมฉันหรอกเพคะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร” เอมิเร่พูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ

“นางชื่ออะไรหรือ เป็นคนของใครกัน” พระขนงดกดำเลิกสูงขึ้น

“นางชื่อเซร่าเพคะ เป็นนางกำนัลของพระชายาศิริรัตน์เพคะ” เอมิเร่ซ่อนสีหน้าไม่พอใจเอาไว้เมื่อเห็นว่าเจ้าชายหนุ่มสนใจแต่นางกำนัลรุ่นน้อง

“พระชายางั้นเหรอ” ราชนิกุลหนุ่มพึมพำเบาๆ ก่อนจะหันมาแย้มพระสรวลให้กับนางกำนัลสาว “เจ้ามีอะไรก็ไปทำเถอะข้าไม่มีอะไรจะถามเจ้าแล้วล่ะ” รับสั่งจบก็ทรงเสด็จกลับพระตำหนักของพระองค์พร้อมกับรอยแย้มพระสรวล เอมิเร่กัดริมฝีปากตัวเองแน่นอย่างขุ่นเคืองใจ มือเรียวกำแน่นก่อนจะพึมพำลอดไรฟันออกมาอย่างเคียดแค้น

“เจ้าจะได้ดีกว่าข้าไม่ได้นังเซร่า!” ร่างบางค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินกระแทกเท้ากลับไปยังห้องพักของตนเองอย่างหงุดหงิด

อาเหม็ดเลิกคิ้วมองหน้านายหนุ่มอย่างงงๆ เมื่ออีกฝ่ายเสด็จเข้าในห้องพร้อมกับรอยแย้มพระสรวลเหมือนกับดีพระทัยอะไรบ้างอย่าง

“อาเหม็ดเจ้ารู้จักนางกำนัลที่ชื่อเซร่าหรือเปล่า” เจ้าชายหนุ่มเสด็จไปประทับนั่งลงบนเก้าอี้แล้วหันมารับสั่งกับองครักษ์หนุ่ม อาเหม็ดขมวดคิ้วมองพระพักตร์คมอย่างสงสัยมากขึ้น

“ไม่ต้องทำหน้าสงสัยแบบนั้นหรอก ข้าถามเจ้า เจ้าก็ตอบมาแค่นั้นแหละมารู้จักหรือไม่รู้จัก” ทรงหันมาทำสีพระพักตร์บึ้งตึงใส่ราชองครักษ์ อีกฝ่ายจึงรีบทูลตอบ

“รู้จักพะย่ะค่ะ ฝ่าบาทก็ต้องรู้จักแต่คงจำนางไม่ได้เท่านั้น”

เจ้าชายหนุ่มเลิกพระขนงขึ้นสูง ก่อนจะนิ่วพระพักตร์ลงมองหน้าอาเหม็ดเป็นเชิงถาม องครักษ์หนุ่มจึงทูลตอบต่อ

“ก็นางกำนัลที่วิ่งชนโต๊ะวาดรูปของฝ่าบาทเมื่อ 3 ปีก่อนไงพะย่ะค่ะ”

ราชนิกุลหนุ่มทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะหรี่ดวงพระเนตรลงเมื่อทรงคิดออก ไม่น่าเชื่อเลยว่าเพียงเวลาไม่นานนางจะสวยขึ้นมากขนาดนี้ มิน่าละพระองค์ถึงรู้สึกคุ้นหน้านางมาก

“เด็กคนนั้นเองหรือ ไม่คิดเลยว่าจะ...” ทรงหยุดรับสั่งเมื่อเห็นทหารคนสนิทมองมาทางพระองค์ด้วยแววตายิ้มๆ

“นางสวยมากนะพะย่ะค่ะ หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ต่างก็มารุมจีบนางกันทั้งวัง” อาเหม็ดลอบอมยิ้มเพราะรู้แล้วว่าเจ้าชายหนุ่มสนใจในตัวของนางกำนัลสาวคนนี้เข้าให้แล้ว

“ขนาดนั้นเชียวหรือ หน้าตาสวยแต่จิตใจอาจไม่สวยอย่างหน้าตาก็ได้นะ” เจ้าชายจอร์แดนพระพักตร์บึ้งตึงขึ้นทันที พระองค์รู้สึกหงุดหงิดในพระทัยเป็นอย่างมากเมื่อได้ฟังคำของราชองครักษ์ จากนั้นก็ทรงเสด็จลงไปจากพระตำหนักด้วยสีพระพักตร์ดุดันโดยที่ไม่ได้รับสั่งอะไรเลย

จูดามองหน้าหลานสาวเมื่อหญิงสาวกระแทกตะกร้าดอกไม้ลงกับพื้น แล้วกระแทกตัวลงนั่งหน้าหมุ่ยไม่พูดไม่จา

“ไปโดนใครเข้ากระตุกหนวดมาอีกหรือไงถึงได้หน้าบูดมาแบบเนี่ย” จูดาอมยิ้มพร้อมกับบรรจงปัก

ดอกไม้ลงในแจกันสีทองอย่างประณีต

“ก็เจ้าชายคนเก่งของป้านั้นไง” เซร่าหันมามองผู้เป็นป้าตาขุ่น จูดาถึงกับชะงักมือทันทีแล้วหันมามองหน้าหลานสาวตาโต ก่อนจะตะคอกถามอย่างดุๆ

“เจ้าชายจอร์แดนนะหรือ แล้วเจ้าไปทำอะไรให้พระองค์ทรงกริ้วอีกหรือเปล่า!”

“โธ่...ป้าจ๋าแทนที่จะถามถึงหลานว่าเป็นอะไรบ้าง กลับไปถามถึงอีกฝ่ายน่าน้อยใจจริงๆ” เซร่าทำท่างอน

“จะตอบหรือไม่ตอบ!” จูดาเอามือเท้าเอวมองหน้าหลานสาวอย่างเอาเรื่อง

“พระองค์นะทรงสบายดี แล้วยังมาหาว่าข้าเป็นนางเสืออีก” เซร่าทำหน้าแค้นใจ แต่ผู้เป็นป้ากลับหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ

“เจ้าชายรับสั่งถูกต้องแล้วล่ะ ฮ่า ฮ่า”

“ป้า!” หญิงสาวถลึงตาใส่อย่างงอนๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วหันมาแดกดันใส่อีกฝ่าย “ข้าไม่พูดด้วยแล้ว ไปเรียนดีกว่า เบื่อคนแก่”

จากนั้นก็เดินกระแทกเท้ากลับไปยังห้องพัก ปล่อยให้ผู้เป็นป้านั่งหน้าคว่ำอยู่กับที่ด้วยความไม่พอใจ

เซร่าถือถาดอาหารเดินมาพร้อมกับนางกำนัลอีก 4 คน เพื่อเตรียมตั้งโต๊ะเสวย และในระหว่างทางได้เดินสวนกับเจ้าชายจอร์แดนซึ่งเสด็จออกมาจากห้องพระบิดาเข้าพอดี ทั้งหมดจึงหยุดถอนสายบัวให้กับเจ้าชายหนุ่ม

ราชนิกุลหนุ่มแย้มพระสรวลให้อย่างไม่ถือพระองค์ นางกำนัลทั้ง 4 คน ก้มหน้าด้วยความเขินอาย ยกเว้นเซร่าที่แสร้งหันมองไปทางอื่น

“รีบไปกันเถอะเดี๋ยวจัดโต๊ะเสวยไม่ทันจะโดนลงโทษเอาอีก” เซร่าปรายหางตามองค้อนให้เจ้าชายจอร์แดน แล้วหันมากระซิบเตือนเพื่อนนางกำนัลด้วยกัน ก่อนจะเดินนำหน้าไป

“ท่าทางหยิ่งใช่เล่นนะ” เจ้าชายจอร์แดนรับสั่งไล่หลังนางกำนัลสาวไป ก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุมพระโอษฐ์ เซร่าหยุดชะงักกึกแล้วหันมามองค้อนเจ้าชายหนุ่มก่อนจะเดินต่อไป

“ปรกตินางไม่ใช่คนแบบนี้นะพะย่ะค่ะ” อาเหม็ดกระซิบทูลบอกกับเจ้าชายหนุ่ม แล้วมองตามหลังหญิงสาวไปด้วยแววตาสงสัย

“ทำยังกับเจ้ารู้จักนางดี หรือว่าเจ้าก็แอบชอบนางอยู่” ดวงเนตรคมหรี่ลงพร้อมกับหันมาทางองครักษ์หนุ่มอย่างขวางๆ

“เปล่านะพะย่ะค่ะ กระหม่อมมีไอซ่าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่เซร่าชอบไปนั่งคุยกับไอซ่าเป็นประจำ นางช่างพูดช่างคุยและก็ฉลาดด้วยไม่งั้นคงจะไม่สอบได้ที่หนึ่งของห้องทุกปีหรอกพะย่ะค่ะ” อาเหม็ดรีบทูลอธิบายทันที

“นางเรียนด้วยหรือ?” พระขนงหนาขมวดเข้าหากันอย่างแปลกพระทัย

“พะย่ะค่ะ พระชายาศิริรัตน์ทรงเมตตาส่งนางเรียนต่อ เห็นไอซ่าบอกว่าเหลืออีกปีเดียวนางก็จบปริญญาตรีแล้วพะย่ะค่ะ”

“อืม...ถือว่าเก่งทีเดียวสำหรับผู้หญิงในประเทศนี้” รอยแย้มพระโอษฐ์เผยอขึ้นอย่างชื่นชม แต่พระองค์ก็อยากจะพิสูจน์เหมือนกันว่านางกำนัลผู้นี้จะเก่งจริงอย่างที่องครักษ์หนุ่มบอกหรือเปล่า “แค่คิดก็สนุกแล้ว” ทรงรับสั่งขึ้นมาลอยๆ ก่อนจะเสด็จกลับพระตำหนัก

“ท่าทางจะต้องมีเรื่องให้ปวดหัวกันอีกแล้วแน่ๆ” อาเหม็ดมองตามหลังราชนิกุลหนุ่มไปด้วยความรู้สึกเป็นกังวล ก่อนจะก้าวยาวๆ ตามเสด็จเจ้าชายหนุ่มไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel