ตอนที่ 4 กลับมาพบเจอ
3 ปีผ่านไป
เซร่าเดินกลับมาจากมหาวิทยาลัยตรงไปที่ห้องของตนเองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปถวายงานต่อองค์พระชายาศิริรัตน์ต่อเช่นทุกวันที่เคยทำมา เธอเหลืออีกปีเดียวก็จะเรียนจบปริญญาตรีแล้ว
“เซร่าเปิดประตูหน่อย” ไอซ่าเคาะประตูก่อนจะร้องเรียกคนในห้อง เซร่าวางหวีที่กำลังแปลงผมลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วเดินไปเปิดประตูให้กับนางกำนัลรุ่นพี่
“มีอะไรคะพี่ไอซ่า” เซร่าเลิกคิ้วขึ้นสูงมองหน้าผู้มาเยือน
“ป้าจูดาให้มาตามเธอไปพบที่ห้องครัว” ไอซ่าดึงมือเซร่าให้เดินตามตัวเองไป
“มีอะไรด่วนหรือคะ?”
“พี่ก็ไม่รู้ เรารีบไปกันเถอะ” ทั้งสองเดินคุยกันไปจนกระทั่งมาถึงห้องครัว จูดาหันมามองสองสาวที่ก้าวเข้ามาใหม่ ก่อนจะเอ่ยสั่งงาน
“พวกเจ้ามาช่วยด้านนี้เร็ว เอาผักพวกนี้ไปล้างและหั่นให้เรียบร้อย”
“แต่ข้าต้องไปถวายงานต่อองค์พระชายานะป้า” เซร่าแย้งขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น
“ไม่ต้องไปแล้ว ตอนนี้องค์สุลต่านกับพระชายาเสด็จไปสนามบินเพื่อไปรับเสด็จเจ้าชายจอร์แดนแล้วอีกเดี๋ยวก็คงมาถึง เราต้องรีบจัดโต๊ะเสวยให้ทันเวลา เหลือรายการอาหารอีกตั้งหลายอย่างที่ยังไม่เสร็จ อย่ามัวยืนอยู่ซิรีบมาช่วยกันซิ เร็ว!” หญิงวัยกลางคนเอ่ยเร่ง
เซร่ายืนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ นี่เธอจะต้องเจอกับเจ้าชายจอร์แดนอีกแล้วหรือ เธอไม่ชอบเจ้าชายหนุ่มพระองค์นี้เลย เจอกันทีไรเป็นต้องมีเรื่องเจ็บตัวทุกครั้งไป แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่เธอชอบนั้นก็คือรูปภาพฝีพระหัตถ์ในห้องของราชนิกุลหนุ่มนั้นเอง เธอเคยเข้าไปทำความสะอาดในห้องของเจ้าชายจอร์แดน ที่นั่นมีรูปภาพมากมายเก็บไว้มีอยู่หลายรูปที่เธอชื่นชอบ และอยากวาดได้อย่างพระองค์
“เอ้า! เซร่ามัวยืนเหม่ออะไรมาช่วยกันซิ!” ไอซ่าหันมาเรียกนางกำนัลรุ่นน้องเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังยืนนิ่งอยู่กับที่ และนั่นเองที่ทำให้เซร่าตื่นจากภวังค์ความคิดของตนเอง
รถรีมูซีนคันงามวาววับแล่นเข้ามาจอดที่หน้าพระตำหนักหลวง อาเหม็ดก้าวลงมาเปิดประตูด้านหลังให้กับนายเหนือหัวของตนเอง จากนั้นร่างสูงสง่างามสมชายชาตรีก้าวลงมายืนมองไปรอบๆ บริเวณตัวพระตำหนัก
“เป็นไงมีอะไรเปลี่ยนไปไหม?” สุลต่านอัลบาฮาเดินมายืนเคียงข้างพระโอรสองค์เล็กโดยมีพระชายาศิริรัตน์เดินตามหลังมา
“ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อยท่านพ่อ” เจ้าชายจอร์แดนหันมามองพระพักตร์บิดา ก่อนจะหันกลับไปมองผู้ที่กำลังเดินลงมาจากบันไดพระตำหนัก
“ยินดีตอนรับกลับบ้านน้องชาย” เจ้าชายอัลฟาฮาอ้าพระกรออก เจ้าชายหนุ่มทั้งสองจึงโผเข้ากอดกัน
“ท่านพี่ทั้งสองสบายดีหรือ?” เจ้าชายจอร์แดนคล้ายอ้อมพระกรออก แล้วมองเลยไปด้านหลังของพระเชษฐา ซึ่งพระชายาจามีนะกำลังเสด็จมาพร้อมกับพระธิดาองค์น้อยที่เพิ่งได้ 1 ชรรษา ราชนิกุลหนุ่มแย้มพระสรวลกว้างให้พระสุนิสา แล้วหันมาทางพระพี่เลี้ยงของเจ้าหญิงองค์น้อย
“ไหนขออุ้มหลานสาวของอาหน่อยซิ” ทรงเสด็จเข้ามาอุ้มเจ้าหญิงไอรีนมาไว้ในอ้อมพระกร พระนัดดาองค์น้อยทอดพระเนตรมองพระพักตร์เสด็จอาแล้วก็ทำท่าจะร้องไห้ เจ้าชายหนุ่มจึงรีบส่งคืนให้พระพี่เลี้ยง แล้วหันมาทางพระเชษฐาของพระองค์
“ไอรีนโตขึ้นมากเลยนะ ผิดกับรูปที่ส่งไปให้ดูมาก”
“ก็รูปนั้นถ่ายเมื่อตอนไอรีนได้ 6 เดือนเองนะ” พระชายาจามีนะแย้มพระสรวลอย่างขำๆ เจ้าชายจอร์แดนพระสรวลในลำคอแล้วกวาดพระเนตรมองหาบางอย่าง ก่อนจะหันมาทูลถามกับพระบิดา
“แล้วท่านพี่การีฟกับท่านพี่อิสยาสไม่มาหรือท่านพ่อ”
“มาซิ แต่เขาขอเคลียร์งานกันก่อน คงตอนเย็นนั่นแหละถึงจะมาได้” องค์สุลต่านแย้มพระสรวลให้พระโอรส ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักพระพักตร์รับรู้
“หม่อมฉันว่าเสด็จขึ้นไปคุยกันบนตำหนักเถอะเพคะ ตรงนี้แดดร้อนแล้ว” พระชายาศิริรัตน์เอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง จากนั้นทั้งหมดจึงพากันเดินขึ้นไปบนพระตำหนักหลวง
“อยู่ที่โน่นมีสาวแหม่มมาติดพันบ้างหรือเปล่าจอร์แดน” เจ้าชายอัลฟาฮากระเซ้าน้องชายเล่นเมื่อประทับนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องนั่งเล่นเรียบร้อยแล้ว
“ก็มี แต่ข้าไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษ” อีกฝ่ายตอบอย่างมีชั้นเชิงพร้อมกับยักพระขนงให้พระเชษฐา
“เจ้าทำเป็นเล่นตัวไป อายุก็ปาเข้าไป 26 แล้วยังไม่คิดหาเมียอีกระวังจะมีลูกไม่ทันใช้นะ” ผู้เป็นพระเชษฐากระเซ้าขึ้นอีก เจ้าชายจอร์แดนถึงกับพระสรวลในลำคออย่างขบขัน
“ข้ายังไม่เจอหญิงที่ถูกใจก็เท่านั้น” ราชนิกุลหนุ่มยักไหล่อย่างไม่ใส่พระทัย
“เล่นตัวเสียด้วยน้องเรา” เจ้าชายอัลฟาฮาพระสรวลออกมาอย่างอดขำไม่ได้ แล้วทั้งหมดก็นั่งคุยกันอยู่สักพัก ก่อนที่องค์สุลต่านจะรับสั่งขึ้น
“พ่อว่าเจ้ากลับมาเหนื่อยๆไปพักผ่อนก่อนดีกว่าไหม? แล้วตอนเย็นค่อยมาคุยกันต่อหลังอาหารมื้อค่ำ” “ก็ดีพะย่ะค่ะ ลูกก็รู้สึกเพลียๆ อยู่เหมือนกัน แล้วตอนเย็นเจอกันนะท่านพี่” รับสั่งจบเจ้าชายจอร์แดนก็ประทับยืนขึ้นแล้วโค้งต่ำให้พระบิดากับพระเชษฐา แล้วหันไปหอมแก้มหลานสาวตัวน้อยที่เดินเล่นอยู่ข้างๆ พี่ชายก่อนจะเสด็จออกไป
ในห้องครัวทุกคนต่างรีบเร่งปรุงอาหารให้ทันตามเวลาอาหารเย็น เซร่าปาดเหงื่อที่ไหลลงมาบนหน้าผาก
“เซร่ายกอาหารที่เสร็จแล้วมาวางรวมกันด้านนี้ก่อน” จูดาหันมาสั่งหลานสาว เซร่าและนางกำนัลอีก 4 คนจึงช่วยกันยกถาดอาหารที่เสร็จแล้วมาวางรวมกันไว้ จากนั้นหัวหน้านางกำนัลก็หันไปสั่งนางกำนัลที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่อย่างรีบเร่ง
“เอ้า! พวกเจ้ามายกอาหารพวกนี้ขึ้นไปตั้งโต๊ะเสวยได้แล้ว ให้ไวด้วยมัวแต่เสริมสวยกันอยู่นั้นแหละ”
“แหม...คุณจูดาคะผู้หญิงก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดา พวกเราไม่สวยเหมือนเซร่านี่นาจะได้ไม่ต้องแต่งหน้าแต่งตัว” เอมิเร่พูดเหน็บแล้วตวัดหางตาหันไปค้อนใส่เซร่าที่ยืนเท้าเอวมองดูอยู่ด้วยแววตาขึงขัง
“หุบปากแล้วรีบยกไปถ้ายังไม่อยากถูกลงโทษ!” จูดาเสียงสั่งเฉียบขาดทำให้เอมิเร่และเพื่อนนางกำนัลอีก 3 คน รีบกุลีกุจอยกถาดอาหารขึ้นไปบนพระตำหนักอย่างรวดเร็ว
หลังจากทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเซร่าก็เดินออกมาจากห้องครัวแล้วมานั่งลงใต้ต้นอโศกที่แผ่กิ่งก้านออกมาบังแสงแดดให้กับผู้ที่มาอาศัยพักพิงร่มเงา หญิงสาวบีบนวดแขน ขา เพราะความเมื่อยล้าจากการงานในครัว สายลมที่พัดมาเย็นๆ ช่วยให้ความร้อนคลายลง นางกำนัลสาวขยับเอาหลังไปพิงกับลำต้นของต้นไม้ใหญ่พร้อมกับเหยียดขาออกในท่าสบาย
เจ้าชายจอร์แดนเสด็จออกมาเดินเล่นด้วยความสบายพระทัย แล้วพลันสายพระเนตรก็หันไปเห็นนางกำนัลสาวที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เข้าพอดี ใบหน้าเนียน ดวงตากลมโต คิ้วเรียวได้รูป ทำให้พระองค์ไม่อาจละสายพระเนตรไปจากร่างบางได้เลย พระองค์รู้สึกคุ้นๆ กับดวงหน้าหวานของหญิงสาวคนนี้มาก แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน จึงเสด็จเข้าไปใกล้ๆ
เสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาทำให้เซร่าเงยหน้าขึ้นมามองทางต้นเสียง สายตาของทั้งสองจึงสบประสานกันเข้าโดยบังเอิญ นางกำนัลสาวเป็นฝ่ายหลบสายตาก่อน แล้วลุกขึ้นเดินหายเข้าไปทางหลังตำหนักหลวงอย่างรวดเร็ว หญิงสาวยกมือกุมที่แก้มทั้งสองข้างเพราะรู้สึกว่ามันร้อนวูบวาบขึ้นมาและหัวใจของก็เต้นโครมครามจนแทบจะทะลักออกมานอกอก เธอไม่เคยเป็นแบบนี้เลย แต่ผู้ชายคนเมื่อครู่ทำให้เธอรู้สึกหวาดหวั่นจนต้องรีบเดินหนีออกมา
“ใจเย็นๆ เซร่า” นางกำนัลสาวบอกกับตัวเองเมื่อเข้ามาอยู่ในห้องพักแล้ว มือทั้งสองข้างกุมเข้าหากันเพื่อระงับความตื่นเต้นในหัวใจ
ส่วนทางด้านเจ้าชายจอร์แดนก็ทรงประทับยืนนิ่งมองไปทางด้านหลังพระตำหนักหลวงพร้อมกับรอยแย้มพระสรวลกว้าง ทรงรู้สึกว่าพระหทัยเต้นแรงกว่าปรกติมาก
“ฝ่าบาททอดเนตรอะไรอยู่พะย่ะค่ะ” องครักษ์อาเหม็ดเดินเข้ามาโค้งต่ำให้แล้วมองตามสายพระเนตรที่เจ้าชายหนุ่มทอดพระเนตรมองอยู่ แต่ก็ไม่เห็นสิ่งใดจึงขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย
“นางกำนัลของเรามีนางงามเข้ามาด้วยหรือ” เจ้าชายจอร์แดนรับสั่งขึ้นลอยๆ ก่อนจะเสด็จไปประทับนั่งบนเก้าอี้ในสวนหน้าพระตำหนัก โดยมีราชองครักษ์หนุ่มตามเสด็จมาด้วยสีหน้างุนงงสงสัยกับสิ่งที่ราชนิกุลหนุ่มรับสั่ง
“ฝ่าบาทรับสั่งอะไรพะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่เห็นจะเข้าใจเลยพะย่ะค่ะ” เขามองหน้าเจ้าชายหนุ่มอย่างสงสัย แต่อีกฝ่ายไม่ได้รับสั่งอะไรนอกจากแย้มพระสรวลบางๆ ส่งให้ทหารคนสนิทแล้วหยิบน้ำชาขึ้นจิบ และในขณะนั้นเองนางกำนัลบนพระตำหนักหลวงก็เดินมานั่งคุกเข่าลงตรงเบื้องพระพักตร์
“ทูลฝ่าบาท พระบิดาเชิญเสด็จที่โต๊ะเสวยเพคะ” นางกำนัลสาวกราบทูลพร้อมกับคลี่ยิ้มหวาน
“อืม...” ราชนิกุลหนุ่มรับคำในลำพระศอพร้อมกับพยักพระพักตร์เป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะแย้มพระสรวลกว้างแล้วลุกขึ้นเสด็จไปที่พระตำหนักหลวงทันที
ทุกคนมารวมกันอยู่ในห้องนั่งเล่น เพื่อรอเวลาอาหารเย็น เจ้าชายอูซาลวิ่งเล่นไล่จับกับเจ้าหญิงจัสมินไปทั่วห้องจนทุกคนอดหัวเราะในความน่ารักของทั้งคู่ไม่ได้
“อูซาล จัสมิน มาหาอาหน่อยซิ” เจ้าชายจอร์แดนเรียกพระนัดดาทั้งสองเข้าไปหาแล้วใช้พระหัตถ์โอบกอดเอวของเด็กน้อยทั้งสองเอาไว้ ก่อนจะรับสั่งต่อ “พวกเจ้าคิดถึงอากันบ้างหรือเปล่า?”
“หญิงคิดถึงท่านอามากที่สุดเลย แล้วท่านอามีอะไรมาฝากหญิงบ้างเพคะ” เจ้าหญิงจัสมินมองหน้าเสด็จอาเขม็งเพื่อรอคำตอบ
“ของเขาด้วย” เจ้าชายอูซาลเขย่าแขนผู้เป็นอายิกพร้อมกับจ้องมองตาโต
“จัสมิน อูซาล ถามผู้ใหญ่แบบนั้นไม่เหมาะนะลูก” พระชายามีนารับสั่งดุลูกรักทั้งสอง ทำให้ทั้งคู่รีบก้มพระพักตร์หลบสายพระเนตรดุๆ จากพระมารดา
“อย่าไปดุพวกเขาเลยมีน” เจ้าชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นพร้อมกับแย้มพระโอษฐ์ ก่อนจะหันมาทางพระนัดดาองค์น้อยทั้งสองอีกครั้ง “เดี๋ยวทานอาหารเสร็จแล้วอาจะพาไปเอาของเล่นนะ อาไม่ลืมหลานๆ ที่น่ารักอยู่แล้ว”
“แล้วมีของ ไอรีนหรือเปล่าเพคะ” เจ้าหญิงจัสมินรับสั่งถามต่อพร้อมกับเลิกพระขนงเมื่อเห็นขนิษฐาเดินเตาะแตะมาทางพระองค์