บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

สวยเหลือเกิน...พ่อมักจะพูดเช่นนี้กับฉันเสมอๆ และเพื่อเป็นเครื่องยืนยันในคำพูดนี้พ่อจะหยิบล๊อกเก๊ตห้อยคอทองคำล้อมกรอบด้วยไข่มุกและเพชร ท่านจะหยิบมันขึ้นมาอย่างระมัดระวังอย่างทะนุถนอม และแล้ว...เรา...พ่อกับลูก ก็จะก้มลงมองดูรูปของแม่ที่บรรจุอยู่ในล๊อกเก๊ตนั้น...แม่มีท่วงท่าสง่างาม ตามที่ได้รับเชื้อสายจากความเป็นพระราชวงศ์จริงๆ ท่านงามเหมือนพระนางแมรี่ ราชินีแห่งฝรั่งเศส ใบหน้านั้นงามละมัย ด้วยรูปหน้าที่สมบูรณ์แบบ ริมฝีปากอิ่มเต็มดวงตาเป็นสีผสมระหว่างน้ำตาลแกมเขียว สีของผมเล่า ก็เป็นประกายสีทองสุกปลั่ง ราวแนวคลื่นที่เยียรยับ

สวยอย่างเลิศล้ำนะ...พ่อมักจะพูดซ้ำๆ พร้อมกับถอนหายใจ และฉันก็เห็นด้วยกับท่าน และไม่เคยสำนึกแม้แต่สักนิดว่า ใบหน้าที่เรากำลังก้มลงมองอยู่นั้น ก็คือใบหน้าของตัวฉันเอง สีผิวของแม่ก็คือสีผิวของฉัน รวมทั้งสีผมและดวงตาด้วย

พ่อมักจะพูดซ้ำๆ ซากๆ เกี่ยวกับความงามของแม่ ความงามที่ทรงเสน่ห์ ฉลาดเฉลียวและแม่เลือกจะแต่งงานกับหนุ่มบ้านนอกคนหนึ่ง ซึ่งชื่อ โจนาธาน ฟอเรสเตอร์ แต่มิได้มองบุรุษผู้นั้นอย่างหนุ่มบ้านนอก เป็นชาวนา ชาวไร่ แต่มองในด้านของคนที่มีความรู้ และเป็นนักดนตรี ซึ่งรู้สึกว่าคุณสมบัติของพ่อที่ถูกใจแม่ก็มีอยู่เพียงเท่านี้ และช่วงเวลาที่ท่านได้พบกันนั้น ก็เป็นช่วงที่พ่อกำลังเป็นนักแสวงโชค และแล้ว...ไร่ฮอร์ทอร์น ฮิลล์ แห่งนี้ ก็ได้เข้ามาอยู่ในมือของแม่ ซึ่งมีความสามารถในการบริหารงานของไร่แห่งนี้อย่างน่าชมเชย แม่แบ่งไร่บางส่วนให้คนเช่าไปทำ สร้างโรงนมรีดนมขึ้น และซื้อม้าเลือดผสมพันธุ์ดีมา...

และในไม่ช้า ฐานะการเงิน ซึ่งได้จากผลผลิตในไร่ก็ฟื้นคืนตัวขึ้น แม่จัดการขยายบ้านโดยเพิ่มเติมปีกทั้งสองออกไปและเราก็ได้ห้องรับแขกกับห้องครัวใหม่ขึ้นมา เครื่องเรือนหลังเก่าแก่ถูกนำมาบูรณะซ่อมแซม หน้าต่างมีผ้าม่านสดใสมากางกั้น และแม่ก็ยังหาเวลาที่จะปลูกพืชผักสวนครัวและไร่ดอกไม้ไว้ดูเล่นได้อีกด้วย จนบ้านเก่าแก่หลังนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้...

ถึงแม้ว่า ฉันอาจจะไม่ได้รู้จักแม่ผ่านทางพ่อ แต่ก็รู้จักได้จากการที่ท่านได้สรรค์สร้าง ฮอร์ทอร์น ฮิลล์ ของเราให้เป็นสวนสวรรค์ที่น่าอยู่ขึ้นมา...และแม้ว่าบัดนี้ แม่จะไม่มีชีวิตอยู่แล้วแต่เราพ่อกับลูก ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงสิ่งที่แม่สร้างไว้เลย

สำหรับพ่อนั้น ฉันสามารถบรรยายความรู้สึกที่มีต่อท่านได้เพียงคำเดียวว่า “รักจนสุดหัวใจ” พ่อเป็นคนร่างผอมสูง สีหน้าสงบ เคร่งขรึม มีแววกวี และความเป็นศิลปินอยู่ในตัวท่านอย่างมาก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวพ่อนั้น เราจะระมัดระวังดูแลกันอย่างดีที่สุด ด้วยความร่วมมือของฉันกับ โนเบิ้ล ฮาร์โรว...และโนเบิ้ลผู้นี้ คือพลทหารที่รับใช้พ่อมาตั้งแต่สมัยสงคราม

โนเบิ้ล เคารพบูชา ในผู้บังคับบัญชาของเขาคือพ่ออย่างมอบกายถวายชีวิตให้ พวกเราในบ้านเรียกเขาว่า “น๊อบ” เขาไม่ใช่คนช่างพูด และดูเหมือนจะรักพ่อเสียยิ่งกว่าหมาที่รักเจ้าของเสียอีก... และเราก็ไม่เคยคิดว่า น๊อบเป็นคนรับใช้ของเราด้วย เราถือเขาเสมือนสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว ไม่ว่าฉันจะคิดถึง ฮอร์ทอร์น ฮิลลิ์ ขึ้นมาครั้งใด ครั้งนั้น ในความทรงจำของฉันจะต้องมีภาพของน๊อบร่วมอยู่ด้วยเสมอ... ฉันจะมองเห็นภาพของเขาได้อย่างชัดเจนทุกครั้งทุกครา ร่างเตี้ยๆอ้วนๆของเขาเคลื่อนไหวไปทุกแห่งในบ้าน...น๊อบรักม้านักหนา และรับหน้าที่เป็นคนดูแลม้าทุกตัวของฮอร์ทอร์น ฮิลล์ด้วย และก็จากน๊อบนี่เอง ที่ฉันได้เรียนรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับม้า สัตว์แสนน่ารักพวกนั้น

พอฉันเริ่มเดินได้ ฉันก็ตามน๊อบเสียแล้ว ขณะที่ตามไปนั้น เขาก็จะเริ่มสอน... มิใช่การสอนด้วยคำพูด แต่ด้วยมืออันอ่อนโยนขณะที่เขาสัมผัสเจ้าสัตว์เลี้ยงพวกนั้น และพอฉันโตพอที่จะขี่ม้าได้ เขาก็เลือกลูกม้าให้ฉันตัวหนึ่ง ให้ฉันเลี้ยงดูมันเอง สอนให้ปฏิบัติต่อมันอย่างอ่อนโยน รักใคร่ ฉันให้ชื่อม้าตัวนี้ว่า “เจสัน” สีของมันดำสนิท ราวกับลูซิเฟอร์ เจ้าแห่งซาตาน กระนั้น เท้าทั้ง 4 ข้างขาวผ่อง ราวกับหุ้มไว้ด้วยถุงเท้าแพรสีขาว จมูกของมันนุ่มราวกับกำมะหยี่ ริมฝีปากบางเหมือนกลีบกุหลาบและรู้ภาษาเหมือนมนุษย์

นานแสนนาน ก่อนหน้าที่ฉันจะได้เจสันมาครอบครองด้วยซ้ำ วันแล้ววันเล่าที่ผ่านไปชีวิตของฉันได้ดำเนินอยู่ท่ามกลางอ้อมอกที่คอยประคับประคองของผู้ชายสองคนนี้เท่านั้น คือ พ่อกับน๊อบ... ถ้าเพียงแต่จะมีผู้หญิงผ่านเข้ามาในชีวิตของเราตอนนั้นสักคนหนึ่ง ชีวิตของฉันก็คงจะแปรเปลี่ยนไปกว่านี้มาก ผู้หญิงคนนั้น คงจะไม่ยอมให้พ่อให้การศึกษาแก่ฉันตามแนวทางของท่านแน่ เพราะพ่อนั้นไม่ยอมให้ใครมาพรากฉันไปจากท่านอย่างเด็ดขาด พ่อไม่ยอมแม้แต่จะส่งฉันไปโรงเรียนไม่ว่าจะใกล้สักแค่ไหนก็ตาม แต่กลับสอนหนังสือและวิชาความรู้อื่นๆให้ด้วยตัวท่านเอง โดยตั้งเวลาเรียนขึ้นตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึงเที่ยง โดยเราจะนั่งอยู่ด้วยกันที่โต๊ะตัวใหญ่ในห้อง

ทำงานของพ่อ พ่อจะนั่งพิงเก้าอี้พนักสูง ในขณะที่ฉันนั่งอยู่บนตัวที่เตี้ยกว่า ต้องใช้หมอนหนุนรองก้น จึงจะสูงพอที่จะเขียนหนังสือบนโต๊ะตัวนั้นได้

แม้ฉันจะหลับตาลงในขณะนี้ แต่ภาพจากความทรงจำรำลึกนั้นก็จะปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน ภาพของแผนที่ซึ่งระบายสีไว้สดใสก็ดูราวจะมาวางอยู่ตรงหน้า มือผอมๆ บางๆ ประกอบด้วยนิ้วมือที่เรียวของพ่อ จะเคลื่อนไหวอยู่บนหน้าหนังสือหรือแผนที่นั้นตลอดเวลาที่อธิบาย สายลมบริสุทธิโชยชื่นเข้ามาทางช่องหน้าต่างจนม่านบังตาปลิวไสว เสียงของพ่อราบเรียบสม่ำเสมอด้วยอารมณ์ที่ราบเรียบ และโต๊ะหนังสือนี่เอง ที่ฉันได้รู้จักการนับเลขจำนวนแรก รู้จักวิธีเขียนจดหมายที่ถูกต้องแบบแผนและหัดอ่านหนังสือตัวแรกเช่นเดียวกัน จนก้าวหน้าไปถึงการเรียนภาษาละติน ฝรั่งเศส และกรีก รวมทั้งภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ด้วย

เราทำงานกันอย่างตั้งอกตั้งใจเต็มที่ จมอยู่ในโลกของหนังสือ จนกว่าจะถึงเวลาอาหารกลางวัน ซึ่งหลังจากเวลานั้นแล้ว เราจะกลับไปเรียนต่อ ในชั่วโมงบ่ายนี้ ฉันจะต้องเรียนทั้งดนตรี ทั้งเปียโน และพิณ และพอถึงเวลาบ่าย 2 โมง ชั่วโมงอิสระของฉันก็จะมาถึง ฉันจะวิ่งกลับเข้าไปในห้องส่วนตัว เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเป็นนุ่งกางเกง และสวมเสื้อเชิร์ต แต่งตัวแบบเด็กผู้ชายและวิ่งออกไปหาน๊อบซึ่งอยู่ในอีกซีกโลกหนึ่ง ซึ่งห่างกันแค่สวนกั้น น๊อบจะมาคอยอยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าของเขาจะเฉยเมยอยู่เสมอ เพราะไม่อยากจะให้ฉันได้ใจ และแล้ว...บทเรียนของเราก็จะเริ่มขึ้น โดยมีพวกสุนัข ม้าในคอก ทุ่งหญ้าป่าใหญ่ และหุบเขาแห่งฮอร์ทอร์น ฮิลล์เป็นห้องเรียน วาระนั้นที่ฉันจะได้เรียนรู้วิธีการล่าสัตว์ ตกปลา และตามรอยสัตว์ด้วย

การพลิกฟื้นความทรงจำในอดีตนั้น ฉันยังได้สัมผัสกลิ่นอายแห่งชีวิตของเราในช่วงนั้นอยู่มาก ภาพของขวดหมึก หนังสือ สมุด แผนที่ ทำให้ฉันมองเห็นภาพของพ่อ เฉกเช่นเดียวกันกับเมื่อมองเห็นภาพของฟางข้าว ม้า หรือสุนัข ผู้ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของภาพนี้คือ น๊อบ ใบหน้าของพ่ออาบไว้แต่ความสุขขณะที่พ่อขยับปลายนิ้วไล่ไปตามคีย์เปียโน ซึ่งฉันจะไม่มีวันทำได้อย่างท่าน ภาพของน๊อบที่ยืนจูงม้ารอที่จะพาฉันออกไปเที่ยวแถบภูเขา โอ้...วันคืนแห่งความสุขสันต์...วันคืนซึ่งได้สูญสิ้นไปจากชีวิตของฉันแล้ว...ปีทองแห่งชีวิตในวัยเด็กที่น่าหวนหาอาลัยยิ่งนัก

บุรุษทั้งสอง ซึ่งได้สร้างสรรค์ให้แก่เด็กหญิงเล็กๆคนหนึ่งนั้น จะไม่มีโอกาสรู้เลยว่า สิ่งเหล่านั้นมันช่างน้อยนิดเสียเหลือเกิน ถ้าจะเปรียบเทียบกับชีวิตในวันข้างหน้าที่เธอได้ก้าวออกไปเผชิญ รากฐานแห่งการศึกษาที่เขาได้มอบให้แก่ฉันนั้น มันมิใช่รากฐานแห่งการศึกษาสำหรับสุภาพสตรีในศตวรรษที่ 18 เลย ฉันไม่มีความรู้อะไรสำหรับการประพฤติปฏิบัติที่สุภาพสตรีเขาพึงมีกัน ไม่มีความรู้ด้านเย็บปักถักร้อย ความเป็นแม่บ้านแม่เรือน ไม่รู้จักการเตรียมอาหาร ไม่มีสังคม...วิชาความรู้ที่น๊อบถ่ายทอดให้กับฉันนั้น ซึ่งรวมทั้งการฟันดาบและยิงปืน เป็นวิชาที่พวกผู้ชายเท่านั้นสมควรที่จะเรียนรู้ แต่ทั้งน๊อบและพ่อ กลับช่วยกันอบรมสั่งสอน โดยมิได้สนใจว่าฉันจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย...วันคืนเหล่านั้น คือสวรรค์สำหรับเราโดยแท้

แต่มนุษย์ธรรมดาอย่างเราจะเสพสุขในสวรรค์นั้นได้นานสักเพียงไหน ความเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และสิ่งแรกที่รบกวนความสงบสุขของเราก็ได้ย่างกรายเข้ามาตอนใกล้จะถึงครบรอบวันเกิดปีที่ 16 ของฉัน สิ่งที่ฉันไม่เคยได้รู้จักตลอดชีวิตที่ผ่านมาได้ปรากฏขึ้น วันที่ผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งฉันไม่เคยรู้จักมาก่อนได้มาถึง โดยที่ฉันไม่รู้ตัวเลยว่า วันเวลาแห่งความรื่นรมย์ของชีวิตใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel