บทที่ 5
กันติศาคิดว่าต้นทางที่โทร.มาน่าจะพูดเล่นที่บอกว่าอีกห้านาทีจะขึ้นมาพบเธอ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงต้องเดินทางด้วยรถยนต์เกือบหนึ่งชั่วโมง กว่าจะมาถึงคอนโดที่เธอพักอาศัยอยู่
แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง พอหลุบมองเวลา เข็มนาฬิกากระดิกยังไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำไป และมั่นใจว่าคนที่เคาะประตูห้องพักของเธอต้องเป็นคนที่โทร.มาบอกว่าเป็นองครักษ์ของเจ้าหญิงอลิยาอย่างแน่นอน ก็ยิ่งแปลกใจจนต้องพึมพำออกมา
“ทำไมมาถึงเร็วขนาดนี้”
กันติศาลุกขึ้นเดินตรงไปยังประตูห้อง พลางเปิดประตูห้องออกกว้างโดยไม่ต้องส่องตรงลูกตาแมวว่าใครเป็นคนเคาะประตูห้องพัก
เมื่อเปิดประตูห้องพักแล้ว สิ่งที่กันติศาได้เห็นคือ บัตรประจำตัวองครักษ์ของเจ้าหญิงอลิยาที่ถูกมือใหญ่ของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าได้ยกขึ้นบังใบหน้าของเขาไว้ พร้อมกับเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงห้าวทุ้มว่า
“สวัสดีครับหนูชมพู่ ผมเจ้า...เอ้ย! นายทาริส เฟริสส์ เป็นองครักษ์ของเจ้าหญิงอลิยา และนี่บัตรประจำตัวของผมครับ”
เอ่ยแนะนำตัวแล้ว ผู้ที่แอบอ้างเล่นละครว่าเป็นองครักษ์เอกของเจ้าหญิงอลิยา ก็ได้ยื่นบัตรประจำตัวองครักษ์ที่ทำขึ้นเป็นพิเศษให้กันติศาได้รับไปดู จากนั้นก็หันไปขึงตาใส่องครักษ์ของตนเองบ้าง ซึ่งองครักษ์อัสมานเกือบหลุดเสียงหัวเราะออกมาตอนที่พระองค์ลืมตัวเกือบพูดถึงฐานันดรศักดิ์อันแท้จริงของพระองค์ตอนแนะนำตัวกับกันติศา
“เงียบไว้...อัสมาน...”
เจ้าชายทาริสขึงตาทำปากขมุมขมิบบอกองครักษ์อัสมาน ซึ่งกันติศาไม่มีโอกาสได้เห็นเพราะกำลังตั้งใจอ่านชื่อ นามสกุล และยศตำแหน่งที่ เขียนไว้บนบัตรที่เขาได้ยื่นให้ ซึ่งเขียนกำกับไว้ทั้งภาษาอาหรับและภาษาอังกฤษควบคู่กัน
และกันติศาก็เชื่อซะสนิทใจด้วย หญิงสาวคืนบัตรประจำตัวให้คืน และก็เป็นนาทีแรกที่ได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดๆ เต็มสองลูกตา
“สวัสดีค่ะองครักษ์ทาริส”
กันติศาเอ่ยทักทายเสียงหวาน ลอบพิจารณาคนตรงหน้า ซึ่งเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีเรือนกายล่ำสัน ผิวเป็นสีแทน ใบหน้าคมเข้มมีเคราขึ้นตามสันคางตัดแต่งอย่างเป็นระเบียนตามแบบฉบับของคนที่อยู่ในดินแดนทะเลทราย ทว่าสิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือ ดวงตาคมกริบที่จ้องมองเธอเขม็งจนจู่ๆ ก็เกิดอาการขึ้นลุกซู่เล่นงานทั่วตัวเธอ
“สวัสดีครับหนูชมพู่”
เจ้าชายทาริสเอ่ยทักทายอีกครั้ง และก็นึกสนุกขึ้นมาทันทีเมื่อคนตรงหน้าขึงตาใส่ พร้อมกับตวาดออกมาด้วยความไม่พอใจหลังจากถูกเรียกเช่นนั้น
“เรียกฉันว่าชมพู่ หรือไม่ก็กันติศา ส่วนชื่อหนูชมพู่ ฉันสงวนไว้เฉพาะกับคนสนิทและคนในครอบครัวเท่านั้น”
‘เจอกันแค่นาทีแรกก็ถูกดุซะแล้ว ท่าทางจะพยศไม่ใช่น้อย เดี๋ยวจะถูกปราบให้สยบอยู่แทบเท้าเจ้าชายทาริส’
รัชทายาทแห่งแผ่นดินทะเลทรายเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและสนุกกับความคิดของตัวเองที่จะปราบพยศคนตรงหน้า และก็พยักหน้าตอบรับราวกับเชื่อฟังคำสั่งหนักหนา
“ครับ คุณชมพู่ ขอโทษที่ทำให้ขัดเคืองใจ”
เจ้าชายทาริสเอ่ยตอบเสียงทุ้มลึก พลางหันไปแนะนำให้กันติศาได้รู้จักกับองครักษ์อีกคนที่เล่นละครเป็นองครักษ์ของเจ้าหญิงอลิยาเช่นเดียวกัน
“นี่องครักษ์อัสมาน เป็นองครักษ์ของเจ้าหญิงอลิยา และเป็นกัปตันที่จะพาคุณไปเซอร์ไพรส์พี่ชายของคุณถึงประเทศคานาร์ตามคำสั่งของเจ้าหญิง”
“สวัสดีครับคุณชมพู่”
องครักษ์อัสมานยื่นบัตรประจำตัวให้กันติศารับไปดูเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าเขามียศตำแหน่งเป็นองครักษ์เอกจริงๆ ทว่า...เป็นองครักษ์ของเจ้าชายทาริสที่กำลังเล่นละครหลอกหญิงสาวอยู่ในขณะนี้
กันติศารับบัตรประจำองครักษ์จากองครักษ์อัสมานมากวาดสายตามอง ก่อนจะยื่นคืนให้ และก็ไม่ลืมยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อจับทักทายกับอีกฝ่าย ขณะทักทายกลับคืน
“สวัสดีค่ะคุณอัสมาน”
“จะไม่กล่าวทักทายผมบ้างหรือครับ”
เจ้าชายทาริสท้วงติง เมื่อกันติศาลืมทักทายเขา จากนั้นก็ยื่นไปข้างหน้ารอให้หญิงสาวจับทักทาย และขณะรออยู่นั้น ดวงตาคมกริบก็ทอดมองด้วยแววตากรุ่มกริ่ม บอกกับตัวเองว่า ตัวจริงของกันติศาน่าฟัด! กว่าในรูปเยอะ!
ด้วยหลงกลคิดว่าคนตรงหน้าคือองครักษ์ของเจ้าหญิงอลิยาจริงๆ กันติศาจึงคลี่ยิ้มให้อีกครั้งพร้อมกับยื่นมือไปจับทักทายกับอีกฝ่าย
“สวัสดีค่ะคุณทาริส ยินดีที่ได้รู้จักและขอบคุณที่มารับฉันไปเซอร์ไพรส์พี่บลู”
“ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่งครับ”
เจ้าชายทาริสยิ้มรับคำ และแทนที่จะปล่อยมือเล็กหลังจากได้จับทักทายแล้ว กลับจับยึดไว้แน่น แม้ผู้เป็นเจ้าของมือเล็กจะพยายามกระตุกมือหนีก็ไม่ปล่อยง่ายๆ กระทั่งหญิงสาวต้องร้องท้วงออกมา
“คุณทาริส ปล่อยมือฉันได้แล้วค่ะ”
กันติศาขึงตามองแกมออกคำสั่ง นึกขัดเคืองใจอยู่มากที่อีกฝ่ายจับยึดมือไว้แน่น แถมยังมีลูบไล้หนักเบาให้เธอสยิวใจเล่นด้วย
เจ้าชายทาริสยอมปล่อยมือเล็กนุ่มนิ่มในที่สุด แต่ไม่ทันได้เอ่ยพูดอะไรออกมาก็ถูกกันติศาตั้งคำถามให้เขาต้องลอบยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์อยู่ในใจ
“บอกตามตรงนะคะว่าฉันแปลกใจมากที่พวกคุณขึ้นมาบนห้องของฉันได้ เพราะปกติแล้วที่นี่มีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมาก หากไม่ใช่ผู้อาศัยบนคอนโดจะไม่สามารถขึ้นมาได้เป็นอันขาด หรือหากใครต้องการมาพบญาติหรือเพื่อน ก็ต้องนั่งรอที่ล็อบบี้ของคอนโดเท่านั้น”
นอกจากการมาถึงห้องพักของเธออย่างรวดเร็วแล้ว สิ่งที่ทำให้กันติศาแปลกใจเป็นอย่างมากคือ ทำไมองครักษ์ทั้งสองคนนี้สามารถผ่านด่านเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกระทั่งขึ้นมาหาเธอได้
เจ้าชายทาริสกระตุกยิ้ม ก่อนจะให้ความกระจ่างกับกันติศาแค่เพียงบางส่วนเท่านั้น
“ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ผมจะขึ้นมาที่ห้องของคุณ เราได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ตรงล็อบบี้ครับ”
แน่นอนว่าพระองค์ได้รับการอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ จากเจ้าหน้าที่ที่ดูความปลอดภัยประจำคอนโด ซึ่งรีบเชื้อเชิญให้พระองค์เข้ามาในลิฟต์ในทันทีที่เห็นหน้าพระองค์ เพราะพระองค์ก็เป็นเจ้าของห้องสูทสุดหรูภายในคอนโดนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งห้องสูทของพระองค์อยู่ชั้น
บนสุดทั้งชั้นของคอนโด ซึ่งเป็นการบังเอิญซะเหลือเกินที่กันติศาก็ซื้อห้องพักในคอนโดนี้เหมือนกัน
เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากที่พระองค์จะขึ้นมาบนห้องพักของหญิงสาวได้ง่ายๆ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ได้รับแบงค์ดอลล่าร์ไปหลายร้อยดอลล่าร์ เพื่อเป็นการปิดปากไม่ให้พูดถึงฐานะอันแท้จริงของพระองค์
ทางด้านของกันติศาได้แต่พยักหน้ารับหลังจากได้รับคำตอบจากเจ้าชายทาริส ซึ่งเธอเชื่อสนิทใจว่าเขาเป็นองครักษ์ของเจ้าหญิงอลิยาจริงๆ จากนั้นก็เชื้อเชิญองครักษ์ทั้งสองให้เข้ามาห้องพักของเธอ
“เชิญเข้ามาในห้องก่อนค่ะ”
ผายมือเชิญแล้วกันติศาก็เดินนำหน้าเข้ามาในห้องพัก พอบุรุษทั้งสองทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาก็เอ่ยบอกพร้อมกับตั้งถามไปด้วย
“เดี๋ยวฉันเอากาแฟมาเสิร์ฟนะคะ ว่าแต่พวกคุณจะเดินทางกลับประเทศคานาร์เมื่อไรคะ”
“ถ้าคุณพร้อม เราก็จะบินกลับประเทศคานาร์ภายในวันนี้ อีก 4 ชั่วโมงข้างหน้า”
คำตอบที่ได้รับจากเจ้าชายทาริส ทำเอาเท้าเล็กชะงักอยู่กับที่ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง ถามกลับคืนเสียงหลงด้วยความตกใจกับการเดินทางแบบกะทันหันพลันด่วนจริงๆ
“อะไรนะคะ ภายใน 4 ชั่วโมง”
กันติศาทวนคำเสียงหลง จากที่คิดจะหากาแฟมาให้องครักษ์ทั้งสองดื่มคลายความกระหาย ก็เปลี่ยนเป็นทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามพวกเขา แล้วตั้งคำถามต่อ
“ทำไมเร็วนักล่ะคะ ฉันคิดว่าพวกคุณจะบินกลับประเทศคานาร์ในวันพรุ่งนี้ซะอีก”
“ผมใจร้อน”
เจ้าชายทาริสตอบทันควัน พอเห็นกันติศาขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่งกับคำพูดสั้นๆ ของพระองค์ก็รีบเอ่ยโกหกต่อว่า
“อ้อ...ผมและเจ้าหญิงอยากพาคุณไปเซอร์ไพรส์พี่ชายเร็วๆ ยังไงละครับ”
“แล้วเรื่องวีซ่าล่ะคะ ฉันไม่มีวีซ่าเข้าประเทศคานาร์”
กันติศาท้วงติง แม้ตนเองเป็นแขกพิเศษของเจ้าหญิงอลิยา แต่ก็ต้องมีวีซ่าเพื่อเข้าประเทศคานาร์ด้วย
เจ้าชายทาริสหันมามองสบตากับองครักษ์อัสมาน จากนั้นก็เอ่ยตอบพร้อมด้วยรอยยิ้มที่กันติศามองไม่ออกว่าแฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์เหลือร้าย
“ไม่ต้องห่วงเรื่องวีซ่าครับ ประเทศของผมเปิดฟรีวีซ่าตลอดชีพสำหรับคุณครับ”
แน่นอนว่าพลเมืองไทยหากจะเข้าประเทศคานาร์ของเจ้าหญิงอลิยา และประเทศนิรานซึ่งมีพระองค์เป็นรัชทายาท จำเป็นต้องมีวีซ่าเพื่อเป็นการอนุญาตให้เข้าดินแดนทะเลทราย อีกทั้งต้องใช้เวลาอย่างต่ำๆ 7 วัน เพื่อขอวีซ่าจากสถานทูตประเทศนิราน
แต่ในเมื่อว่าที่เจ้าผู้ปกครองประเทศได้มาเชื้อเชิญด้วยตัวเอง แถมยังให้เกียรตินำเครื่องบินเจ็ทมารับถึงที่ กันติศาก็ไม่จำเป็นต้องใช้วีซ่า...
กันติศาพยักหน้ารับ คลี่ยิ้มออกมาได้หลังจากเจ้าชายทาริสบอกเรื่องวีซ่า แน่นอนว่าเธอคิดเสมอว่าบุรุษหนุ่มจากดินแดนทะเลทรายจะพาเธอไปยังประเทศคานาร์เพื่อเซอร์ไพรส์พี่ชาย
“อ๋อค่ะ ถ้ายังงั้นก็ไม่มีปัญหาถ้าหากจะเดินทางภายใน 4 ชั่วโมง เพราะฉันจัดกระเป๋าเดินทางเกือบเสร็จแล้ว ตอนแรกฉันตั้งใจจะบินกลับประเทศไทย แต่ก็เปลี่ยนใจอยากไปเซอร์ไพรส์พี่บลูที่ประเทศคานาร์ และก็ประจวบเหมาะจริงๆ ที่เจ้าหญิงอลิยาใจตรงกันกับฉัน ส่งพวกคุณให้มารับฉันไปเซอร์ไพสร์พี่บลู”
“เซอร์ไพรส์แน่ นายบลูจะเซอร์ไพรส์สุดๆ จนลืมไม่ลงเลยครับ”
เจ้าชายทาริสกระตุกยิ้ม ดวงตาคมกริบเป็นประกายวาววับด้วยความสนุกในยามที่นึกถึงใบหน้ากระอักแค้นของภูมินิท เมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าพระองค์ได้ลักพาตัวน้องสาวสุดรักสุดหวงไปแล้ว และภูมินิทก็ทำอะไรพระองค์ไม่ได้
“ถ้ายังงั้นก็ไม่มีปัญญาค่ะ ฉันก็พร้อมเดินทางเช่นเดียวกัน แต่ขอเวลาสักหนึ่งชั่วโมงเพื่อเตรียมตัวเดินทางนะคะ”
“เชิญตามสบายครับ พวกผมรอได้...”
“ถ้าอยากดื่มกาแฟเชิญตามสบายนะคะ ในห้องครัวมีกาแฟและขนมปังอบใหม่ๆ อยู่ เชิญคุณทาริสกับคุณอัสมานหยิบทานได้ตามสบายค่ะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงพวกผมครับ เชิญคุณไปเตรียมตัวเดินทางดีกว่าครับ ผมอยากบินกลับบ้านแล้วครับ”
“ได้ค่ะ รอไม่เกินหนึ่งชั่วโมงค่ะ”
กันติศาคลี่ยิ้มให้เจ้าชายทาริสอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องนอน ซึ่งหญิงสาวหารู้ไม่ว่ารอยยิ้มหวานเต็มไปด้วยความจริงใจที่ขยันยิ้มให้กับบุรุษทั้งสอง กำลังทำให้เจ้าชายทาริสเริ่มหลงใหลในตัวเธอโดยไม่รู้ตัว
ทว่า...ความหยิ่งทระนงที่มีมากกว่าได้สั่งการให้เจ้าแห่งดินแดนทะเลทรายคิดเสมอว่า กันติศาไม่มีทางเข้ามานั่งอยู่ในใจของพระองค์ได้
แต่...องครักษ์อัสมานซึ่งนั่งฟังอยู่และจับสายตาเฝ้ามองทั้งเจ้าเหนือหัวของตนและกันติศาอยู่เงียบๆ กล้าเอาหัวเป็นประกันว่า...
ณ นาทีนี้ เจ้าชายทาริสแห่งดินแดนฟ้าจรดทรายได้หลงรักกันติศาเข้าให้แล้ว ก็แน่นะสิ! เพราะกันติศา...เธอเกิดมาเพื่อเป็นเจ้าแห่งความรัก!