บทย่อ
ชื่อของเธอ! แปลว่า ‘เจ้าแห่งความรัก’ และ ‘ชีคทาริส’ ก็คาดไม่ถึงว่า ชีคผู้ทะนงตนต้องสยบให้กับ...‘กันติศา’...หญิงสาวที่เกิดมาเพื่อเป็นเจ้าแห่งหัวใจของพระองค์เท่านั้น “ผมอยากให้คุณกินผมเป็น ‘ของหวาน’ ตบท้ายมื้อเที่ยง”“ยะ...อย่าเพิ่งดีกว่าค่ะ...เก็บของหวานไว้กินหลังอาหารคาวดีไหมคะ สัญญาว่าจะกินโดยไม่มีบิดพลิ้วเลยค่ะ”“โอ้วว...ผมรอไม่ไหวแล้ว ผมรู้ว่าคุณก็อยากกินมัน...ถึงเวลาที่คุณจะจูบและกินของหวานแล้ว...”ชีคทาริสไม่รอช้า เอื้อมจับมือเล็กให้มากอบกุมท่อนเนื้อลำใหญ่ที่พองโตคับแน่นกางเกง ส่งสายตาหิวกระหายเชิญชวนให้กันติศากิน ‘ของหวาน’ ที่มีไว้สำหรับเธอคนเดียวเท่านั้นและเหมือนมีมนต์สะกดสั่งการให้กันติศาอ้าปากกลืนกิน ‘ของหวาน’ ตามคำกระซิบสั่งของเจ้าแห่งทะเลทราย...
บทที่ 1
ก๊อก...ก๊อก...
เสียงเคาะประตูห้องทำงานที่ดังขึ้นทำลายความเงียบ ทำให้คนที่นั่งหลับตาเอนกายพิง
ผนักเก้าอี้หนานุ่ม ต้องลืมตาขึ้นมอง ก่อนจะเอ่ยอนุญาตเสียงเข้ม
“เข้ามา”
ดวงตาคมกริบดุจดวงตาพญาอินทรีจ้องมององครักษ์คนสนิทที่เดินเข้ามาในห้องทำ
งานพร้อมกับถือไอแพค (iPad) อยู่ในมือด้วย และเมื่อเห็นองครักษ์คลี่ยิ้มในตลอดเวลาที่เดินตรงมาหา ก็เอ่ยถามด้วยความคาดหวังว่า
“มีข่าวดีมาบอกเราใช่ไหม นายถึงยิ้มกว้างฟันหน้าโผล่มาแต่ไกล”
ถูกผู้เป็นเจ้าเหนือสัพยอกในตอนท้าย ทำเอา องครักษ์อัสมาน อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานแล้วตอบรับคำว่า
“แน่นอนครับ กระหม่อมนำข่าวดีมาบอกเจ้าชายครับ”
และผู้ที่กำลังจะรับฟังข่าวดีก็ถึงกับกระตุกยิ้ม เอนกายพิงผนักเก้าอี้ด้วยท่วงท่าสบายๆ พลางเอ่ยเร่งเร้าองครักษ์
“ว่ามาสิ...มีข่าวดีอย่างไรบ้าง”
องครักษ์อัสมานยืนไอแพคให้เจ้าเหนือหัว พร้อมกับบอกด้วยความภาคภูมิใจกับงานที่ตนเองถูกสั่งให้สืบเสาะค้นหา และสามารถค้นหานำมารายงานให้เจ้าเหนือหัวทราบภายใน 24 ชั่วโมง
“กระหม่อมได้ประวัติและภาพถ่ายของเธอมาแล้วครับ”
“ทำงานได้ดีมาก”
เอ่ยชมแล้วปลายนิ้วยาวก็กดไอแพคเพื่อเลือกดูภาพของคนที่ตกเป็นเป้าหมายของการค้นหา เพราะผู้หญิงคนนี้กำลังได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษจากพระองค์ ผู้เป็นรัชทายาทของประเทศนิราน
“คนนี้หรือที่ชื่อชมพู่”
เจ้าชายทาริส เฟริสส์ นิราน รัชทายาทแห่งประเทศนิราน เอ่ยเรียกชื่อของหญิงสาวที่พระองค์สนใจ และสั่งให้องครักษ์อัสมานได้สืบเสาะหาประวัติของผู้หญิงคนนี้ เพราะต้องการแกล้งให้คนที่บังอาจชกพระองค์จนหน้าคว่ำ ต้องเต้นเป็นเจ้าเข้า เมื่อรู้ว่าถูกพระองค์แกล้งกลับ
คืนตรงจุดที่ทำให้เจ้าของหมัดหนักๆ ที่ชื่อ ‘ภูมินิท เอิร์สคามอน’ ต้องเดือดพล่านนั่งไม่ติด
และเมื่อพูดถึงภูมินิท เจ้าพ่อแห่งเอิร์สคามอน ผู้เป็นคู่หมั้นของเจ้าหญิงอลิยา ราชิต เจ้าชายทาริสก็ถึงกับหน้าตึงขึ้นมา เมื่อย้อนนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่พระองค์ถูกภูมินิทซัดหมัดลุ่นๆ ใส่โดยที่พระองค์ไม่ทันได้ตั้งตัวในขณะพระองค์กำลังนั่งจิบชากับเจ้าหญิงอลิยา เพื่อพักเหนื่อยจากการเตรียมงานพิธีอภิเษกของเจ้าหญิงอลิลา ผู้เป็นผู้พี่ลูกน้องของพระองค์
‘คนนี้ใช่ไหมที่มันคิดมาแย่งอลิยาไปจากพี่บลู ขอสักหมัดเถอะ!’
ไม่พูดพล่ามทำเพลง เพราะถูกพิษของความหึงหวงเข้าเล่นงานจนลมออกหู ภูมินิทก็ปล่อยหมัดลุ่นๆ เข้าปะทะกับใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าชายทาริสเต็มแรง
ผัวะ!!!
เจ้าชายทาริสไม่ทันระวังตัว พอถูกชกเต็มแรงก็ถึงกับผงะเซถลา ท่ามกลางเสียงหวีดร้องด้วยความตกใจของเจ้าหญิงอลิยา
‘กรี๊ด...เจ้าชาย’
เจ้าหญิงอลิยาหวีดร้องด้วยความตกใจ กำลังจะเข้าไปช่วยเจ้าชายทาริส แต่ก็ถูกภูมินิทดึงต้นแขนไว้ พร้อมกับเอ่ยบอกเสียงห้วนจัด
‘อลิยา คู่หมั้นของคุณอยู่ตรงหน้านี้แล้ว ทำไมยังสนใจผู้ชายคนอื่นอยู่’
เจ้าหญิงอลิยาหันมาถลึงตามอง ตวาดกลับด้วยความโมโห ‘พี่บลูเป็นบ้าอะไรคะ มาถึงก็ระรานคนอื่นไปทั่ว’
‘อ๋อ...เข้าข้างไอ้เจ้าชายคนนี้ใช่ไหม ถ้ายังงั้นต้องชกอีกหมัด’
ยิ่งเจ้าหญิงอลิยาเข้าข้างและเป็นห่วงเป็นใยผู้ชายคนอื่น ยิ่งทำให้ภูมินิทโกรธมากเท่านั้น ร่างใหญ่เดินปรี่เข้าหาเจ้าชายทาริส แต่แล้วก็เกิดอาการลอยเคว้ง เห็นดาวเห็นเดือนลอยอยู่ตรงหน้า เพราะถูกเจ้าชายทาริสสวนหมัดเข้าใส่อย่างจังเต็มปากเต็มจมูก
ก่อนหน้านี้เจ้าชายทาริสไม่ทันได้ตั้งตัวจึงถูกชกจนเซถลาไม่เป็นท่า แต่พอตั้งหลักได้แล้ว ก็ทำเสียงฮึ่มๆ อยู่ในลำคอ เดินเข้าใส่ภูมินิทพร้อมกับชกกลับเต็มรักไม่แพ้กัน
ผัวะ!!!
‘พี่บลู’
เจ้าหญิงอลิยาต้องหวีดเสียงร้องอีกครั้ง และคราวนี้ต้องตกใจกว่ารอบแรก เพราะนอกจากจะถูกชกล้มหน้าหงายแล้ว ยังมีเลือดออกจากปากของภูมินิทด้วย
เจ้าชายทาริสยืนเท้าสะเอวค้ำหัวเขาอยู่ เค้นเสียงเยาะเย้ยด้วยความสะใจ
‘ว่าไง! ไอ้หนุ่ม คิดว่ามีมือคนเดียวหรือยังไง แต่หมัดนายไม่ค่อยหนักสักเท่าไร คราวหน้าคราวหลังก็ชกให้มันหนักๆ กว่านี้หน่อย’
‘เฮ้ย! ไม่ต้องคราวหน้าหรอก มาดวลกันใหม่เดี๋ยวนี้เลย’
คำพูดที่ว่า ‘ฆ่าได้ แต่หยามไม่ได้’ คงใช้ได้ดีกับทั้งสองหนุ่ม พอถูกเจ้าชายทาริสท้าทาย ภูมินิทก็เช็ดคราบเลือดออกจากปาก และจากที่แสร้งสำออยร้องโอดครวญให้เจ้าหญิงอลิยาสงสาร คราวนี้ก็ลุกพรวด กำหมัดตั้งการ์ด กระโดดเต้นเหยงๆ ทำท่าจะรำแม่ไม้มวยไทยใส่เจ้าชายทาริส
และฝ่ายตรงข้ามก็ใช่ย่อย ไม่มีทางยอมให้หนุ่มต่างแดนมาหยามพระองค์ถึงถิ่น พอ
ภูมินิทกำหมัด เตรียมจะปล่อยหมัดแย็บ พระองค์ก็พร้อมจะสวนกลับในทันทีเหมือนกัน
แต่!!! ทั้งสองหนุ่มไม่ทันได้ดวลกันตามที่ต้องการ เจ้าหญิงอลิยาก็ตีหน้าบึ้งจ้องมองเขม็ง ขณะทำหน้าที่เป็นกรรมการจำเป็นห้ามมวยคู่เอก
‘หยุดเดี๋ยวนี้นะ ทั้งสองคนเลย ทั้งเจ้าชาย ทั้งพี่บลู แยกกันไปอยู่คนละมุมเลย’
ถูกเจ้าหญิอลิยาตวาดแว้ด ผลักทั้งสองหนุ่มเต็มแรง ทำเอาทั้งภูมินิทและเจ้าชายทาริสถึงกับตีหน้าจ๋อย ยอมลดหมัดลง แล้วก้าวถอยห่างจากกันคนละก้าวตามคำสั่งของกรรมการคนสวย
‘อลิยา ผู้ชายคนนี้คือใคร’
เจ้าหญิงอลิยาไม่ทันได้ตอบคำถามของภูมินิท ก็มีเสียงของเจ้าชายทาริสเค้นถามแกมถากถางว่า
‘แล้วไอ้ผู้ชายเลือดร้อน สมอกลวงคนนี้คือใคร’
ได้ยินคำถามดูถูกดูแคลนเช่นนั้น ภูมินิทก็เดือดพล่าน จ้องเขม็งถามกลับในทันควัน
‘คุณว่าใครสมองกลวง’
‘นี่! หยุดเลยนะ’
เจ้าหญิงอลิยาตวาดสั่งอีกครั้ง คราวนี้หันไปเล่นงานเจ้าชายทาริส ซึ่งยักไหล่ใส่ราวกับไม่แยแสต่อใครหน้าไหนทั้งนั้น
‘เจ้าชาย กลับตำหนักไปก่อน เดี๋ยวจัดการกับทางนี้เสร็จแล้ว อลิยาจะตามไปคุยรายละเอียดของงานที่เหลือค่ะ’
‘ไปก็ได้’
ดูเหมือนจะเป็นการรับคำสั่งง่ายๆ ทว่า...ขณะเดินผ่านภูมินิท ก็ไม่ลืมขู่ฟ่อด้วย
‘อย่าเดินเพ่นพ่านคนเดียวละ ไม่ยังงั้นจะโดนเชือดหมกทะเลทรายโดยไม่รู้ตัว’
‘กลัวซะเหลือเกิน’
ภูมินิทโต้กลับโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ดวงตาคมกริบจ้องเจ้าชายทาริสไม่ลดละ และก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินพ้นห้องโถงใหญ่ ก็ไม่ลืมตะโกนฝากรอยแค้นไว้ด้วย
‘ว่างเมื่อไร มาดวลกันสักตั้ง เอาให้หมอบกันไปข้าง’
‘เออ...นัดวันเวลาได้เลย’
เจ้าชายทาริสรับคำท้าพร้อมกับหัวเราะร่วน ก่อนจะเดินออกจากห้องโถงภายในตำหนักของเจ้าหญิงอลิยา
พอนึกถึงเหตุการณ์ที่แลกหมัดกับภูมินิท เจ้าพ่อแห่งเอิร์สคามอน เจ้าชายทาริสก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ และเมื่อปลายนิ้วกดเลื่อนดูภาพของหญิงสาวที่เป็นแก้วตาดวงใจของตระกูลเอิร์สคามอน ก็กระตุกยิ้มตรงมุมปาก พลางเอ่ยออกมาอย่างนึกสนุกว่า
“คนนี้นะหรือที่ชื่อชมพู่ คนที่นายบลูมันหวงนักหวงหนา กระทั่งโกหกเราว่าไม่มีน้อง
สาว”
“ใช่แล้วครับ ผู้หญิงที่ดูดื้อรั้นเอาเรื่อง ที่อยู่ในภาพคือกันติศา หรือที่พ่อและพี่ชายของเธอเรียกว่าหนูชมพู่ เธอเป็นดวงใจของตระกูลเอิร์สคามอนเลยก็ว่าได้ครับ”
องครักษ์อัสมานรายงานตามข้อมูลที่สืบเสาะหามาเกือบทั้งคืน เพื่อนำมารายงานให้เจ้าเหนือหัวของตนทราบ
เจ้าชายทาริสพยักหน้ารับ มีรอยยิ้มปรากฏตรงมุมปาก เห็นด้วยกับข้อมูลที่องครักษ์อัสมานรายงาน
“เราเชื่อว่านายบลูหวงน้องสาวมาก เราเคยถามเขาว่ามีน้องสาวหรือเปล่า ปรากฏว่าไอ้หมอนี่รีบปฏิเสธแทบไม่ทัน”
ตอบองครักษ์อัสมานแล้ว เจ้าชายทาริสผู้จะขึ้นปกครองเป็นชีคแห่งประเทศนิรานแทนพระบิดาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ก็แหงนศีรษะหัวเราะกับการปะทะคารมกับภูมินิทในขณะนั้น
‘นายบลู นายมีน้องสาวหรือเปล่า’
ภูมินิทถึงกับชะงักฝีเท้าและหันมาขึงตามองขณะถามกลับเสียงห้วนๆ ว่า
‘ถามทำไม’
เจ้าชายทาริสยักไหล่ใส่ ตีสีหน้ายียวน เอ่ยตอบราวกับเป็นเรื่องปกติ
‘ก็ถ้ามี...จะฉุดน้องสาวของนายมาทำเมีย’
ได้ยินคำตอบเช่นนั้น ภูมินิทถึงกับสะดุ้งโหยง ตอบกลับเสียงดังอย่างรวดเร็ว
‘ไม่มีโว้ย!’
‘โกหกว่าไม่มีก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปสืบเอาเองก็ได้ว่านายมีน้องสาวหรือเปล่า’
“นายบลูปฏิเสธเสียงเข้มว่าไม่มีน้องสาว แทบยังตีหน้ายักษ์ใส่เราตอนเราบอกว่าจะสืบหาตัวน้องสาวของเขา”
เจ้าชายทาริสยังคงเอ่ยบอกกลั้วเสียงหัวเราะ รู้สึกสนุกในทุกครั้งที่นึกถึงการปะทะคารมกับภูมินิท และทำให้อีกฝ่ายเดือดพล่านด้วยความหวาดกลัวกับเรื่องที่พระองค์จะสืบเสาะตามหาน้องสาวของเขา
“ภูมินิทคงไม่รู้ว่า...ไม่มีอะไรปิดบังพระองค์ได้”
“และไม่มีสิ่งใดเข้ามาขวางเราได้ ถ้าหากเราต้องการตัวน้องสาวของเขา”
เจ้าชายทาริสเอ่ยเสียงเข้มเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวขณะพูดต่อท้ายองครักษ์อัสมาน จากนั้นก็หลุบสายตาลงมองภาพของผู้หญิงที่พระองค์สนใจและอยาก ‘ฉุด’ ตามที่ได้ขู่ฟ่อให้ภูมินิทนึกหวาดกลัว...