บทที่ 2
“เล่าประวัติของหนูชมพู่ให้เราฟังสิ” ขณะเอ่ยสั่ง เจ้าชายทาริสก็ยังคงจ้องมองภาพของกันติศาในไอแพคโดยไม่กะพริบตา
“ครับ”
องครักษ์อัสมานรับคำ จากนั้นก็เริ่มเล่าประวัติของหญิงสาวผู้ตกเป็นที่สนใจของเจ้าชายทาริสให้พระองค์ฟังพอสังเขปเน้นเนื้อๆ ตรงประเด็นที่สุด
“กันติศา หรือที่ใครๆ ก็เรียกเธอว่า ‘หนูชมพู่’ เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของครอบครัวเอิร์สคามอน ทั้งพ่อและพี่ชายหวงเธอมาก”
“แน่นอนว่าต้องหวงมาก ก็เป็นนางฟ้าคนเดียวในตระกูลนี่”
เจ้าชายทาริสเอ่ยแทรกพลางกระตุกยิ้มกับความคิดที่แล่นอยู่ในหัวสมอง ก่อนจะพยักพเยิดให้องครักษ์อัสมานเล่าต่อ
“ใช่ครับ...หวงมาก แต่คนที่หวงหนูชมพู่ที่สุดก็คือคุณบลู...พี่ชายของเธอ นอกจากนั้นคุณบลูยังเป็นคนแนะนำและหามหาวิทยาลัยให้หนูชมพู่เรียน เธอจบจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส (University of California, Los Angeles - UCLA) เมืองลอส
แอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนียครับ”
“ว้าว...จบจากมหาวิทยาลัยดังทางด้านคณิตศาสตร์ด้วย และไม่อยากเชื่อว่าเธอจะจบจากมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเรา”
เจ้าชายทาริสอดชมกันติศาไม่ได้ ถ้าหากหญิงสาวจบจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ก็ถือได้ว่าเป็นระดับหัวกะทิคนหนึ่ง เพราะมหาวิทยาลัยแห่งนี้ถูกจัดอันดับว่าเป็นหนึ่งในเรื่องการปั้นนักคณิตศาสตร์ที่เก่งๆ และแน่นอนว่าเธอเป็นรุ่นน้องของพระองค์ เพราะพระองค์ก็จบจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้เช่นเดียวกัน
“ใช่ครับ เธอจบจากมหาวิทยาลัยเดียวกันกับพระองค์” องครักษ์อัสมานรับคำ และก็อดเอ่ยชมกันติศาไม่ได้ “หนูชมพู่ ทั้งสวย ฉลาด รวย เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่ครบเครื่องเลยครับ”
“ฉลาดและรวยอาจจะใช่ แต่เรื่องสวย ไม่สวยสักเท่าไร หนูชมพู่สวยไม่ถึงครึ่งของบรรดานางแบบที่เคยเข้ามาในชีวิตของเรา”
เจ้าชายทาริสเอ่ยวิเคราะห์หลังจากดวงตาคมกริบจับจ้องอยู่ที่ภาพถ่ายของกันติศาในหลายๆ อิริยาบถที่องครักษ์อัสมานได้สืบเสาะหามาให้ชม
แต่องครักษ์อัสมานกลับคิดต่างจากผู้เป็นเจ้าเหนือหัว และก็ไม่คิดกักเก็บความคิดของตัวเองไว้ จึงเอ่ยค้านออกมาว่า
“หนูชมพู่อาจจะไม่สวยสะเด็ด แต่กระหม่อมคิดว่าเธอน่ารักและมีเสน่ห์มาก กระหม่อมดูภาพถ่ายของเธอหลายรอบมาก ยอมรับว่าดูแล้วไม่เบื่อจริงๆ แถมรอยยิ้มของเธอก็ดูสดใส จริงใจ กระหม่อมคิดว่าหากพระองค์ได้อยู่กับเธอ พระองค์คงมีความสุขมากครับ”
“ทำไมนายถึงคิดว่าเราจะลงหลักปักฐานกับหนูชมพู่”
เจ้าชายทาริสหรี่ตามององครักษ์คนสนิทที่คิดจับคู่ให้พระองค์อย่างเสร็จสรรพ
คราวนี้องครักษ์อัสมานก็เลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความแปลกใจกับคำพูดของเจ้าเหนือหัว
“อ้าว! กระหม่อมคิดว่าพระองค์ชอบหนูชมพู่ซะอีก ถึงได้สั่งให้กระหม่อมสืบประวัติ และหาภาพถ่ายของเธอเป็นการเร่งด่วน”
“เปล่า! เราไม่ได้ชอบเธอ เราแค่ต้องการแก้แค้นนายบลูเท่านั้น เขาชกเราซะเลือดกบ
ปากตั้งแต่นาทีแรกที่เจอกัน ชกหน้าใครไม่ชก! ดันมาชกใบหน้าหล่อๆ ของเจ้าชายทาริส เพราะฉะนั้นเราจะสั่งสอนนายบลูกลับคืนบ้าง”
องครักษ์อัสมานลอบกลอกตากับคำพูดของเจ้าเหนือหัว จากนั้นก็หลุบสายตาลงมองภาพถ่ายของกันติศาที่อยู่บนไอแพค เป็นภาพที่กันติศาแย้มยิ้มได้หวานงดงามมาก ขนาดเขายังละสายตาจากภาพของหญิงสาวได้ยาก ซึ่งเขามั่นใจว่าผู้เป็นเจ้าเหนือหัวต้องตกหลุมรัก
กันติศาอย่างแน่นอน ทว่า...ได้เก็บความคิดนี้ไว้ในใจ และก็นึกสนุกหาเงินมาซื้อม้า ซื้ออูฐสักสองสามตัวด้วยการไปพนันขันต่อกับเพื่อนองครักษ์ด้วยกันว่า...เจ้าชายทาริสจะสวามิภักดิ์มอบหัวใจให้กับกันติศาภายในกี่วัน
“ถ้าพระองค์ไม่ได้ชื่นชอบเธอ แต่แค่ต้องการแก้แค้นคุณบลู แล้วพระองค์จะให้กระหม่อมทำอย่างไรต่อไปกับหนูชมพู่”
“เตรียมเครื่องบินเจ็ทให้พร้อม เราจะบินไปลอสแอนเจลิส”
เจ้าชายทาริสสั่งการเป็นการเร่งด่วนกับการตัดสินใจของตนเอง และนั่นทำให้องครักษ์อัสมานต้องเบิกตาโพลงถามกลับคืนด้วยความสงสัย
“บินไปลอสแอนเจลิส พระองค์จะไปทำไมหรือครับ”
“ถามได้”
เจ้าชายทาริสเหน็บองครักษ์คนสนิท ก่อนจะเค้นถามเป็นเชิงเปรียบเปรยอย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตาไหววาบขณะหลุบสายตาจ้องมองภาพถ่ายของกันติศา
“ถ้านายหิว...นายต้องเดินเข้าห้องอาหาร ต้องหาอาหารมากิน ไม่ใช่รอให้อาหารลอยมาหานาย...ถูกต้องใช่ไหม”
“เอ่อ...ก็ถูกตามที่พระองค์พูด ว่าแต่เกี่ยวอะไรกับหนูชมพู่ครับ”
องครักษ์อัสมานยังตามไม่ทันความคิดของเจ้าเหนือหัว และก็ต้องบางอ้อ พยักหน้ารับหงึกๆ เมื่อได้รับคำตอบว่า
“เราต้องการตัวหนูชมพู่ เพราะฉะนั้นเราจะไปเชิญเธอให้มาเป็นของเราโดยละม่อมถึงลอสแอนเจลิส”
“แน่ใจหรือครับว่าโดยละม่อม”
องครักษ์อัสมานถามกลั้วเสียงหัวเราะ ก่อนจะเอ่ยบอกตามที่ตนมองภาพถ่ายของกันติศาแล้วคิดว่าคงเป็นเช่นนั้น
“กระหม่อมคิดว่าหนูชมพู่รั้นและพยศไม่ใช่น้อย พระองค์คงเชิญตัวมาโดยละม่อมไม่ได้แน่ๆ”
“ขอให้มั่นใจในฝีมือเราสิ อัสมาน”
เจ้าชายทาริสตอบด้วยความมั่นอกมั่นใจ ดวงตาไหวระริกกับความสนุกที่รออยู่ตรงหน้า แน่นอนว่าสิ่งใดที่เจ้าชายทาริสต้องการแล้วไม่มีคำว่า ‘พลาด’
และเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ ก็เอ่ยถามองครักษ์คนสนิทก่อนจะสั่งงานต่อ “คำว่า ‘ชมพู่’ หมายถึงผลไม้รสชาติเยี่ยมของประเทศไทยใช่ไหม”
“ใช่ครับ”
องครักษ์อัสมานรับคำ ทำการบ้านมาดี ทั้งที่มาของชื่อเล่น และชื่อจริงของน้องสาวของภูมินิทที่กำลังจะตกเป็นหมากในเกมของเจ้าชายทาริส
“ถ้ายังงั้น เราก็จะกินหนูชมพู่นี่แหละ อยากรู้จริงๆ ว่าชมพู่ลูกนี้จะหอมหวานสักเพียงใด”
ยิ่งพูดก็ยิ่งตื่นเต้นจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ จนเผยออกมาทั้งทางดวงตาคมกริบและใบหน้าที่กระตุกยิ้มในตลอดเวลา เมื่อนึกถึงเกมที่ตนจะกินชมพู่แสนหวาน
“หวังว่าชมพู่ลูกนี้ยังไม่ถูกแมลงเจาะให้ต้องเป็นแผลเน่าเฟะ” เจ้าชายทาริสเอ่ยเป็นนัยๆ หลังจากความคิดหนึ่งได้แล่นเข้ามาในหัว
และองครักษ์อัสมานก็ให้คำตอบว่า “ยังไม่หนอนหรือภมรดอมดมทั้งนั้นครับ”
“ดี! นายไปเตรียมเรื่องเครื่องบินและสั่งนักบินให้เตรียมพร้อมด้วย เราจะเดินทางในทันทีที่พวกนายจัดการขออนุญาตบินเข้าอเมริกาได้แล้ว”
“ครับ กระหม่อมจะจัดการเดี๋ยวนี้ครับ คิดว่าไม่เกิน 5 ชั่วโมงก็สามารถออกบินได้ครับ”
“นานเกินไป เอาสัก 3 ชั่วโมงก็พอ”
เจ้าชายทาริสถอยร่นเวลาให้องครักษ์คนสนิท และรู้ว่าด้วยอำนาจเงินที่พระองค์มีอยู่อย่างมหาศาลจะช่วยเป็นใบเบิกทางให้องครักษ์อัสมานสามารถจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยภายใน 3 ชั่วโมงตามที่พระองค์ต้องการ ซึ่งองครักษ์อัสมานก็ตอบรับในคำสั่งเช่นเดียวกัน
“ครับ ภายใน 3 ชั่วโมงพระองค์ได้บินไปหาหนูชมพู่แน่ครับ”
“ดีมาก”
เจ้าชายทาริสเอ่ยชม จากนั้นก็ผุดลุกขื้นยืน ทำท่าจะเดินออกจากห้องทำงาน แต่ไม่ทันเดินถึงประตูห้อง ก็ถูกองครักษ์อัสมานถามตามหลังว่า
“เจ้าชาย พระองค์รู้หรือไม่ครับว่าชื่อจริงของหนูชมพู่แปลว่าอะไร” ไม่ได้รอให้เจ้าเหนือหัวตอบรับ องครักษ์อัสมานก็เป็นฝ่ายตอบให้เสร็จสรรพ
“กันติศาแปลว่า...เจ้าแห่งความรัก”
เจ้าชายทาริสชะงักฝีเท้า หันมามององครักษ์คนสนิท พลางยักไหล่ใส่อย่างไม่แยแสขณะตอบกลับคำถามขององครักษ์
“ทำไมเราต้องสนใจด้วยว่าชื่อของเธอแปลว่าอะไร ซึ่งจะแปลว่าอะไรก็ช่างเถอะ ยังไงๆ หนูชมพู่ก็จะถูกราชสีห์คนนี้ขย้ำกินเนื้อหวานจนได้ในที่สุด”
เอ่ยตอบด้วยความทะนงแล้ว เจ้าชายทาริสก็เดินออกจากห้องทำงาน ปล่อยให้องครักษ์อัสมานกระตุกยิ้มอยู่เพียงลำพัง คว้าไอแพคมาดูภาพของกันติศา จากนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ กับคำพูดของตนเองที่พึมพำพูดกับภาพของกันติศา
“เจ้าชายไม่รู้และไม่สนใจฟังว่าชื่อของคุณแปลว่าอะไร แต่ผมรู้... ‘กันติศา’ แปลว่า ‘เจ้าแห่งความรัก’ และหนูชมพู่ผู้นี้จะเป็นผู้พิชิต! สยบเจ้าชายทาริสผู้ยิ่งใหญ่ให้อยู่หมัด”