บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

มนตราเดินหน้าง้ำหน้างอตามหลังพี่สาว เข้ามาในคอนโดหรูสุดอลังการของซูเปอร์สตาร์หน้าปีศาจ สาเหตุที่เธอหน้าคล้ายกับจวักแบบนี้ เนื่องจากเมื่อเช้ามายานำสมุดโน้ตซึ่งในนั้นมีคิวงานต่างๆ ตลอดทั้งหนึ่งสัปดาห์ที่เธอไม่อยู่ มาให้มนตราดู พอรู้ว่าต้องเดินทางไปต่างจังหวัดพร้อมกับวิศรุตในวันศุกร์นี้ ทำให้มนตราไม่อยากรับงานนี้เลย

“เดินเร็วๆ หน่อยสิมน”

พี่สาวหันมาเร่งน้องสาวที่กว่าจะก้าวเท้าแต่ละก้าว เชื่องช้าอย่างกับเต่าคลาน

“ไม่เห็นต้องรีบเลย พ่อเจ้าประคุณมีงานตอนเย็นไม่ใช่เหรอ นี่เพิ่งบ่ายโมงเอง ไม่รู้ว่าจะรีบอะไรกันนักกันหนา คอนโดไม่ได้โดนธรณีสูบเสียเมื่อไหร่” มนตราอดบ่นไม่ได้

“ไม่ต้องบ่นรับปากพี่แล้วก็ต้องทำ”

มายาหันมาพูดเสียงเขียวกับผู้เป็นน้อง ที่เริ่มงอแงมากขึ้นเรื่อยๆ มนตราเร่งฝีเท้ากระแทกเดินนำหน้าพี่สาวตรงไปที่ลิฟต์ มายาเริ่มรู้สึกว่าคิดผิดที่ให้มนตรามาทำงานแทนตน แต่ก็ยังดีกว่าไหว้วานคนอื่น ในที่สุดสองสาวพี่น้องก็เดินทางมาถึงห้องพักหมายเลข 4801 ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของอาคาร อีกทั้งมีเพียงห้องเดียวด้วย

“อู้หู!!...ทำไมมันกว้างใหญ่อย่างนี้ล่ะ?...ใหญ่กว่าบ้านของเราอีกนะพี่ยา ดูสิเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย เห็นวิวรอบกรุงเทพฯ เลย แจ๋วจริงๆ ห้องของนายมาร์ชเนี่ย”

มนตราพูดกับพี่สาวด้วยความตื่นเต้น เกิดมาในชีวิตไม่เคยเห็นห้องใครสวยเท่าห้องนี้มาก่อนเลย ในความคิดของมนตราคำว่าคอนโดคือห้องสี่เหลี่ยม มีห้องน้ำ มีระเบียงสั้นๆ เหมือนกับคอนโดที่เพื่อนสนิทอาศัยอยู่ ทว่าที่นี่ไม่ใช่มันดูกว้างใหญ่ มีห้องพักส่วนตัวถึงสามห้อง มีห้องโถงขนาดใหญ่ ห้องนั่งเล่นที่แยกออกไปต่างหาก ห้องครัวที่มีขนาดกะทัดรัดมีอุปกรณ์การทำอาหารพร้อมสรรพ ที่เธอชอบมากที่สุดน่าจะเป็นระเบียงด้านนอก ความกว้างของตัวระเบียงนั้นใหญ่พอๆ กับบ้านของเธอ ที่ระเบียงมีต้นไม้ที่ไม่น่าจะมีในอาคารสูงแต่ที่นี่มีนับสิบต้น

“ดูพอหรือยัง?...มานี่พี่จะพาไปห้องของคุณมาร์ช”

มายาจูงมือน้องสาวไปที่ห้องของวิศรุตซึ่งเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุด ภายในห้องตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาล ดูสงบลึกลับ และน่าค้นหา ก่อนที่มายาจะอธิบายการทำงานในแต่ละวันให้มนตราได้รับฟัง

“โอ้โห!!...ต้องทำให้หมดเลยเหรอ?...จะสบายเกินไปหรือเปล่า? เป็นง่อยก็ไม่ได้เป็น ต้องปลุกให้ตื่น ต้องหาข้าวหาน้ำ เตรียมเสื้อผ้า กันนักข่าว กันแฟนคลับ และอื่นๆ อีกมากมาย คุ้มกับเงินเดือนมากๆ เลย”

มนตราบ่นอุบเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เธอจะต้องทำนั้นมันขัดกับใจของเธอทั้งสิ้น จะถอยหลังกลับตอนนี้ไม่ทันเสียแล้ว เพราะมายาต้องเดินทางไปกระบี่เย็นนี้

“คุณมาร์ชเขางานยุ่ง กินนอนก็ไม่เป็นเวลา พี่เป็นผู้จัดการส่วนตัวมีหน้าที่ดูแลเขาเพียงคนเดียว พี่ก็ต้องทำให้เต็มที่ แล้วอีกอย่างคุณมาร์ชเขาไม่เลวร้ายอย่างที่มนพูดหรอก บางทีเขาก็ทำเอง อีกอย่างเงินเดือนที่พี่ได้มันก็มากพอๆ กับความเหนื่อยของพี่ ที่สำคัญเงินเดือนพวกนี้แหละที่ส่งเราเรียนหนังสือจนจบ”

มนตราหยุดบ่นทันทีเมื่อพี่สาวยกข้อนี้มากอ้าง เป็นอย่างที่พี่สาวพูดมายาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของวิศรุตตั้งแต่เรียนจบ เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้ ส่วนหนึ่งส่งเสียเธอให้เล่าเรียนศึกษา อีกส่วนหนึ่งรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ มนตราเองไม่ได้นิ่งนอนใจ ทำงานที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งเพื่อแบ่งเบาภาระของผู้เป็นพี่อีกแรงหนึ่ง

“แหม!!...คุณมาร์ชของพี่ยานี่ดีไปหมดซะทุกอย่าง ดีขนาดนี้มนจะพูดอะไรได้ แต่ว่าถ้าพี่ยากลับมาก่อนวันศุกร์ก็ดีนะ จะได้ไปต่างจังหวัดแทนมนเลย” มนตราพูดอย่างมีความหวัง

“มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก พี่ลางานคุณมาร์ชเขาอาทิตย์หนึ่ง แล้วอีกอย่างมนรับเงินของพี่ล่วงหน้าไปแล้ว ทีนี้พี่ก็จะได้เที่ยวให้ชุ่มปอดไปเลย”

มายาเอ่ยเสียงใส นานแล้วที่เธอไม่มีโอกาสไปเที่ยวต่างจังหวัด ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบสองปี และที่สำคัญเป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ไปเยี่ยมเยียนครอบครัวของคนที่เธอรัก

“ก็หวังนิดๆ ไง”

เสียงบานประตูห้องพักเปิดออกและตามด้วยเสียงปิด ทำให้สองสาวที่อยู่ในห้องนอนของวิศรุตเดินออกมาด้านนอก เจ้าของห้องมองหญิงสาวสองคนที่มีใบหน้าที่คล้ายคลึงกัน มีความสวยที่แตกต่างกัน มายาดูสวยหวานเหมือนนิสัยที่ดีงาม แต่อีกคนดูหวานซ่อนเปรี้ยว ท่าทางเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย ดูจากสายตาและท่ายืนที่ก๋ากั่น

“คุณมาร์ชมาแล้วเหรอคะ?...นี่น้องสาวของยาเองค่ะชื่อมนตรา จะมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวชั่วคราวระหว่างที่ยาไม่อยู่ค่ะ”

มายาเอ่ยบอกนักร้องหนุ่มที่มองมนตราอย่างสำรวจ แต่งตัวเหมือนกุ๊ย มองเขาอย่างไม่เป็นมิตรเนี่ยนะ จะมาทำงานแทนมายา

“แน่ใจเหรอ? ยา ว่าน้องสาวของยาจะทำได้ ทำงานเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้”

เขาพูดสบประมาท ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกไม่พอใจ อย่างกับอยากทำนักนี่

“งานง่ายๆ ไม่เห็นยากแค่อยู่ดูแลคนพิการ ที่ต้องปลุก ต้องหาข้าวหาน้ำ หาเสื้อผ้า นี่ดีนะที่ไม่ต้องใส่รองเท้าให้ สวมแว่นตาดำและจูงเดินไปตามท้องถนน ถ้าทำแบบนั้นล่ะใช่เลยคนตาบอด”

มนตราย้อนจนวิศรุตสะอึกก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นแดงจัดด้วยความโกรธ

“นี่ เธอกล้าว่าฉันเหรอ? ไม่ต้องทำแทนใครทั้งนั้น ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ”

เขาพูดเสียงดัง...ดังจนมนตรารับรู้ได้ถึงรังสีของความโกรธที่มีอยู่มากมาย มายาหันไปมองน้องสาวด้วยสายตาที่เว้าวอน ร้องขอ เธอไม่อยากตกงานเพราะการเป็นผู้จัดการส่วนตัวของวิศรุตแม้จะเหนื่อย หากแต่เงินเดือนที่ทางต้นสังกัดมอบให้มากมายเอาการอยู่ เงินเดือนสามหมื่นห้าพันบาท ไม่ใช่น้อยๆ เลย ปริญญาตรี ประสบการณ์มีไม่มากอย่างเธอ ได้เงินเดือนเท่านี้ถือว่ามากมายนัก มายาไม่ต้องทำงานอื่นในบริษัทเลยคอยดูแลเรื่องคิวงานและเรื่องส่วนตัวของเขาเท่านั้น

สายตาของพี่สาวที่มองมา ทำให้มนตรารู้สึกผิด เธอต้องรับผิดชอบในคำพูดและหน้าที่ของตัวเองที่กำลังจะเกิดขึ้น คิดอีกแง่ทำเพื่อพี่สาว เพื่ออนาคต แค่นั้นก็คงพอ

“ฉันขอโทษ หงุดหงิดมากไปหน่อย แต่ที่ฉันพูดเมื่อกี้หมายถึงงานเดิมของฉันนะ ฉันเป็นผู้ช่วยพยาบาลดูแลคนพิการ” มนตราพยายามหาข้ออ้างไปเรื่อย

“คุณมาร์ชคะ...มนจะมาทำงานแทนยาหนึ่งอาทิตย์นะคะ ยาสอนงานน้องเรียบร้อยแล้วค่ะ รวมทั้งสมุดโน้ตจดคิวงาน ยาทำธุระเสร็จจะรีบกลับนะคะ” มายาพูดเสียงนุ่ม ทำให้ชายหนุ่มใจเย็นลงเยอะ

“รีบกลับมาก็แล้วกัน ฉันไม่อยากได้ใครเป็นผู้จัดการส่วนตัวนอกจากเธอ” เขากระแทกเสียงใส่หญิงสาวอีกคนทียืนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับคำพูดของเขา

“ค่ะ...ยาไปก่อนนะคะคุณมาร์ช มนพี่ไปก่อนนะ”

มายาเอ่ยลาทั้งสองด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินออกไปจากห้องชุดสุดหรู เนื่องจากเธอต้องไปซื้อของติดไม้ติดมือไปฝากบิดาและมารดาของคนรัก ก่อนจะไปสถานีขนส่ง

เมื่ออยู่กันตามลำพังมนตราเดินไปเดินมาเป็นการแก้เก้อ เนื่องจากเธอไม่เคยอยู่ตามลำพังสองต่อสองกับชายที่ไม่คุ้นหน้า อีกทั้งเป็นชายที่เธอไม่ชอบหน้าเอามากๆ ทำให้หญิงสาวทำอะไรไม่ถูก

“จะเดินอีกนานหรือเปล่า?...ฉันมาเหนื่อยๆ ไปเอาน้ำมาให้ดื่มหน่อยสิ”

เขาสั่งเสียงเข้ม มนตรามองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง อยากจะเข้าไปตะบันหน้าหล่อๆ ให้หายเจ็บใจ แต่พอนึกถึงใบหน้าของพี่สาวเมื่อครู่ที่ทำเหมือนจะร้องไห้ หากเธอไม่ช่วยเหลืองานในครั้งนี้ มนตราจึงเดินกระแทกส้นเท้าไปหยิบน้ำให้ซูเปอร์สตาร์ง่อยคนนี้กิน มือทำงานปากบ่นไม่ยอมหยุด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel