บทที่ 3
“ให้ลูกไปเถอะคุณ งานของมาร์ชที่ทำอยู่มีความรับผิดชอบสูง มาร์ชจะไปตรงเวลาเริ่มงานเป๊ะคงไม่ได้ อย่างที่ลูกพูดต้องเผื่อเวลาไว้สำหรับการแต่งหน้าทำผมบ้าง”
วิมุตรู้ดีว่าเหตุผลเหล่านี้เป็นเพียงข้ออ้างของลูกชาย วิมุตสังเกตสีหน้าที่เบื่อหน่าย ก้มหน้าก้มตาทานข้าวอย่างไม่สนใจใคร แม้แต่มองขวัญดาวผู้หญิงที่ศจีคาดหวังไว้ว่าจะเป็นลูกสะใภ้ ลูกชายของเขาไม่ชายตามองเลยแม้แต่นิด คงอยากจะออกไปจากสถานการณ์ที่อึดอัดนี้เร็วๆ จึงพูดออกไปอย่างนั้น เขาเองจึงพยายามช่วยลูกชายอย่างเต็มที่
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะลูก แต่ต้องสัญญากับแม่ก่อนนะว่าคราวหน้าจะต้องพาหนูขวัญไปทานข้าว เพื่อเป็นการแก้ตัวที่มาร์ชไม่อยู่คุยกับน้อง” ศจีมีข้อต่อรอง
“ต้องรอให้ผมว่างนะครับ ช่วงนี้มีงานรัดตัวมากเลย” เขาพยายามออกตัวไม่รับปากแต่ก็ไม่ปฏิเสธ
“เราก็เคลียร์งานสักวันหนึ่งสิลูก จะได้พักผ่อนไปในตัวด้วย” ผู้เป็นมารดาไม่ยอมลดละ
“ผมจะให้ยาเขาดูตารางงานให้ก็แล้วกันนะครับ ว่าวันไหนพอจะเจียดเวลาพาน้องขวัญไปรับประทานอาหารได้บ้าง”
ลักขณาและขวัญดาวยิ้มกับคำพูดของชายหนุ่ม ไม่ต่างอะไรกับศจีที่ยิ้มเต็มใบหน้าที่ลูกชายไม่หักหน้ากลางอากาศ ปฏิเสธทุกอย่างที่นางพูดและขอร้อง
“ไปเถอะมาร์ชเดี๋ยวจะไม่ทัน”
วิมุตเร่งลูกชายเมื่อเห็นวิศรุตทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก มันหมดยุคคลุมถุงชนแล้วสมัยนี้จะหาคู่ครอง มันต้องเต็มใจทั้งสองฝ่าย ต้องเกิดขึ้นเพราะความรัก ไม่ใช่ความเหมาะสม
“ผมลานะครับ...สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่ คุณหญิงป้า น้องขวัญ”
วิศรุตเอ่ยลาบุคคลที่อยู่ร่วมโต๊ะอาหาร ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหาร ด้วยความโล่งอก
“ต้องขอโทษคุณพี่กับหนูขวัญด้วยนะคะ ที่มาร์ชเขาขอตัวไปทำงานก่อน นึกว่าจะอยู่คุยกับหนูขวัญถึงบ่ายแก่ๆ แล้วค่อยไปทำงาน”
ศจีขอโทษขอโพยสองแม่ลูก เนื่องจากงานนี้นางเป็นตัวตั้งตัวตีให้ทั้งสองฝ่ายมาพบหน้ากัน
“ไม่เป็นอะไรค่ะคุณน้อง คนดังก็อย่างนี้แหละคะ หาเวลาเป็นส่วนตัวยาก คุณพี่เข้าใจค่ะ”
ลักขณาจีบปากจีบคอพูด แต่ในใจไม่คิดเช่นนั้น
“แหม!!...คุณลักขณาคิดได้อย่างนี้ผมก็สบายใจครับ ลูกชายของผมเป็นคนดัง งานรัดตัว เวลาเป็นส่วนตัวแทบจะไม่มี ถ้าคนที่มาเป็นลูกสะใภ้ของผมเข้าใจในจุดนี้ได้ ยิ่งดีใหญ่ชีวิตครอบครัวมันถึงจะราบรื่น แต่ถ้าจะมาเกี่ยวดองด้วยเรื่องเงินเรื่องทองนี่คงยากหน่อย เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ลูกชายเขาให้ผมเก็บไว้ดูแลทั้งหมด โดยเก็บไว้เฉพาะใช้ส่วนตัวเท่านั้น”
วิมุตพูดดักคออย่างรู้เท่าทันความคิดของสองแม่ลูก แม้ว่าเขาจะออกจากราชการมาได้สองปี แต่หูตาของเขาก็ยังดีอยู่ รู้ว่าใครเป็นอะไรอย่างไร เขาไม่พูดเพราะไม่อยากให้ภรรยาเสียใจ อยากให้นางรู้ด้วยตัวเองจะดีกว่า สองแม่ลูกสะอึกเล็กน้อยกับคำพูดของวิมุต ดูท่าทางงานนี้จะไม่ง่ายอย่างที่คิด คนที่นี่ฉลาดพอดูจะมีโง่และหลอกง่ายที่สุดคงจะเป็นศจี
“จริงค่ะ ดิฉันก็คิดเหมือนท่านนายพล การเป็นภรรยาที่ดีต้องรู้จักปรับตัวกับทุกสิ่งที่อยู่รอบด้าน ยิ่งเป็นภรรยาของคนดังด้วยแล้วต้องทำใจให้หนัก อดทนให้มาก เพราะสามีของเราเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ ทั้งหลาย ส่วนเรื่องเงินเรื่องทองคงจะไม่มีปัญหาหรอกค่ะ เพราะดิฉันก็มีเหลือเฟือ”
ลักขณาเห็นดีเห็นงามกับคำพูดของวิมุต เกทับเรื่องเงินในกระเป๋าที่มีมากมาย ทั้งๆ ที่ตอนนี้มีเงินติดตัวไม่ถึงหนึ่งพันบาท
“ใช่ค่ะคุณลุง เป็นภรรยาของคนดังต้องอดทน เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของขวัญเลยค่ะ ถึงไม่มีเงินแต่ถ้าขวัญรักขวัญต้องยอมรับกับคำว่าอดทนและลำบาก ซึ่งขวัญเองไม่เคยกลัวเลยค่ะ”
ขวัญดาวพูดเพื่อให้ความเชื่อมั่นในตัวของเธอและมารดามีมากขึ้นในสายตาของวิมุต
“เอาเถอะครับการดูละครมันต้องดูให้จบมันถึงจะรู้บทสรุปทุกอย่าง ที่ผมพูดไม่ใช่ว่าผมจะแดกดันใคร หรือดักคอใคร ผมพูดในฐานะที่ผมเป็นพ่อของมาร์ช ซูเปอร์สตาร์ชื่อดังของเมืองไทย ผมไม่อยากให้ชีวิตครอบครัวของลูกชายผมต้องพังพินาศเพราะคำว่าไม่เข้าใจ ไม่มีเวลาให้กัน ซึ่งคู่รักหลายคู่ที่อยู่ในวงการบันเทิงมักเลิกราด้วยเหตุผลนี้กันหลายคู่ หวังว่าคุณหญิงลักขณากับหนูขวัญคงจะไม่ถือโทษโกรธผมที่พูดตรงๆ แบบนี้นะครับ”
วิมุตอยากจะพูดว่า ไม่อยากได้ลูกสะใภ้ที่เห็นแก่เงิน เห็นแก่ชื่อเสียงของลูกชาย แต่อยากได้ลูกสะใภ้ที่มอบความรักให้ลูกชายจากใจจริงมากกว่า นึกในใจถึงพูดออกไปขวัญดาวก็ไม่มีสิ่งที่เขาคาดหวังไว้อยู่แล้ว
“คุยอะไรกันคะเนี่ย ศจีไม่เห็นรู้เรื่องเลย ไปนั่งคุยกันต่อที่ห้องนั่งเล่นดีกว่าค่ะ”
“คุณไปคุยกันต่อเถอะ ผมขอตัวไปสวดมนต์ก่อนก็แล้วกัน วันนี้รู้สึกว่าตัวเองบาปยังไงก็ไม่รู้”
นายพลวิมุตเดินออกไปจากห้องอาหารทันทีที่พูดจบ เขารับรู้ความอึดอัดที่ลูกชายมีได้เป็นอย่างดี เพราะตอนนี้เขารู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน
“ท่าทางคุณลุงจะไม่ชอบขวัญกับคุณแม่นะคะ” ขวัญดาวอิดออดพูดอย่างน่าสงสาร
“คิดอะไรแบบนั้นจ๊ะ...คุณลุงก็นิสัยแบบนี้แหละ คุยกับใครเขาไม่ค่อยเก่ง ถ้าคุยกับคนดูพระเครื่องด้วยกันอย่าให้บอก คุณกันเป็นวันก็ไม่จบ เราไปนั่งคุยจิบน้ำชากันดีกว่านะ”
สองแม่ลูกเดินตามศจีไปที่ห้องนั่งเล่น หัวข้อการสนทนามีอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องของวิศรุต ขวัญดาวถามข้อมูลจากศจีให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ไม่ว่าจะหลอกถามเรื่องที่อยู่ของคอนโดหรู เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อชายหนุ่มได้ โดยให้เหตุผลว่าเผื่อวันดีคืนดีเธอจะไปทำเซอร์ไพรส์ให้กับชายหนุ่ม และช่วยดูแลวิศรุตแทนศจีในทุกๆ เรื่อง ซึ่งตรงกับความคิดของศจีที่จะให้ทั้งสองได้ใกล้ชิดกัน จึงให้คำตอบทุกอย่างที่ขวัญดาวเอ่ยถาม เมื่อได้ข้อมูลอย่างมากมายมาเก็บไว้ในสมองแล้ว อีกสักพักสองแม่ลูกก็ลากลับบ้านทันที