ตอนที่ 6 จุดเริ่มต้นของแผนการร้าย
ฟางซินกลับเข้ามายังงานเลี้ยง พร้อมกับของกินอร่อยๆ ในมือ นางเดินไปรอบๆ งานนี้มีแต่ผู้คนที่น่าสนใจ มาจากต่างถิ่น ท่านอ๋องคงอยากเชื่อมสัมพันธ์กับเหล่าพ่อค้า เพื่อให้แคว้นต่างๆ อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขสินะ เป็นงานเลี้ยงที่ยอดเยี่ยมมาก
“แหมม ฮูหยินลู่ ข้าได้ยินข่าวว่าไม่ช้าก็เร็ว ท่านก็คงจะได้รับสินสอดแล้วรึมิใช่ 555 บุตรสาวของท่าน สตรีอันดับ 1 ของเมืองหลวง กับท่านอ๋องเฉิงเชียวนะ เหมาะสมกันมาก ข้า ยินดีล่วงหน้าๆๆ”
ใต้เท้ากรมโยธา กล่าวกับฮูหยินใหญ่ลู่
“ที่ไหนกันล่ะ ใต้เท้าจางก็ เรื่องของหนุ่มสาว ข้าไม่ค่อยได้เข้าไปยุ่งเท่าไหร่ ปล่อยให้เป็นตามลิขิตฟ้าเถอะ”
นางแอบลอบยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ท่านดูนั่นสิ นั่นน่าจะเป็นคู่หญิงสวย ชายงาม ของเมืองหลวงเป็นแน่ เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก น่าอิจฉาท่านอ๋องเฉิงจริงๆ”
พ่อค้าท่านนึงกล่าวกับสหายของเขา
ฟางซินรู้อยู่แล้ว สักวันคงได้ยินคนพูดเรื่องพวกนี้ งานเลี้ยงคืนนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางใด ผู้คนต่างพูดคุยกันถึงแต่เรื่องท่านอ๋อง กับพี่สาวนาง พวกเขาดูสนิทกันขนาดนั้น สักวันคงมีข่าวการวิวาห์ หญิงงามอันดับ 1 กับแม่ทัพหน้าหยก นี่เป็นเรื่องที่เหมาะสมอย่างยิ่ง หันกลับไปอีกด้าน ท่านอ๋องกับหนิงเซียน กำลังคุยอยู่กับพ่อค้ากลุ่มหนึ่ง ซึ่งน่าจะมาจากต่างแคว้น แต่งตัวแปลกตา มีผ้าโพกอยู่บนศีรษะ หนวดเครารุงรัง แต่ภาพที่ทั้งคู่ยืนคู่กัน คุยกันอย่างสนุกสนาน ยิ่งมอง ก็ยิ่งเหมาะสมกันยิ่งนัก
ถ้าพี่ใหญ่อยู่ด้วยคงดี จินเยว่ได้รับคำสั่ง ทำให้ต้องกลับไปที่ชายแดนฝั่งตะวันตก เพื่อดูแลเรื่องปัญหาเรื่องกองทัพ คงอีกหลายเดือนกว่าจะได้กลับมาเมืองหลวง ยิ่งอยู่ ยิ่งอึดอัด ออกไปเดินเล่น รับลมด้านนอกดีกว่า
บรรยากาศในสวนของจวนอ๋องช่างดียิ่งนัก คืนนี้จันทร์เต็มดวง สวยจริงๆ ดอกไม้ในสวนนี้จัดได้สวยมาก ศาลากลางสระตรงกลาง ประดับด้วยไฟ และซุ้มดอกไม้ ตลอดทางเดินเข้าไป มีพุ่มดอกไม้เป็นระยะ เสียงพูดคุยในงานเลี้ยงดังขึ้นเรื่อยๆ คงมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นกระมัง ลมเบาๆ พัดผ่าน ทำให้ผมนาง ปลิว ไปข้างหลัง ลมเริ่มแรงขึ้นแล้ว ไม่แน่ว่าคืนนี้อาจจะมีพายุฝนก็เป็นได้ ออกมานานแล้ว คงต้องกลับเข้าไปสักที น่าจะใกล้เวลากลับจวนแล้ว
“ต่างหูหยก ถูกแล้ว เป็นนาง เตรียมลงมือได้”
ไม่ทันได้ระวัง เหมือนมีอะไรทุบที่ท้ายทอย และฟางซินก็หมดสติไปในทันที
ผ่านไป 1 ชั่วยาม ท่านอ๋องเฉิง ทยอยส่งแขกกลับ ยังคงเหลือแค่คนสนิท และขุนนางไม่กี่คน ที่ยังคงดื่มกินอยู่ เป็นปกติที่นานๆ จะเจอกันข้างนอก จึงคุยกันจนติดลมเป็นธรรมดา ท่านอ๋องขอตัวแขกที่ยังเหลืออยู่ ไปห้องหนังสือ
“ตามสบายท่านอ๋อง ไม่ต้องเป็นห่วงพวกกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
เขาเดินเขามาในห้องหนังสือ ซึ่งบัดนี้เต็มไปด้วยของขวัญ ที่แขกนำมามอบให้ในงานเลี้ยงคืนนี้ เขาตั้งใจมาหา .. เจอแล้ว
“ขอให้ท่านอ๋องอายุยืนหมื่นปี มีสุขภาพแข็งแรงเพคะ … ลู่ฟางซิน”
เขาเปิดดูกล่องนั้นอย่างระวัง ของด้านในเหมือนจะเริ่มส่องแสงออกมา เขาสงสัยเป็นยิ่งนัก สาวน้อยผู้นี้มักมีเรื่องทำให้ประหลาดใจเสมอ
“สิงโตหยกขาว คาบแก้ว งดงามมากจริงๆ แสงส่องมาจากแก้วสินะ”
กระดาษแผ่นน้อยตกลงมาใส่แขนของเขาในจังหวะที่เขายกสิงโตขึ้น เขาเปิดดู
“ในคืนพระจันทร์ข้างขึ้น แสงจันทร์จะทำให้ลูกแก้วส่องแสงได้ สีจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล หม่อมฉันไม่แน่ใจ ว่ามันจะเป็นอย่างที่พ่อค้าแจ้งหรือไม่ รบกวนท่านอ๋อง ทดสอบดู แล้วบอกหม่อมฉันที ว่าหม่อมฉันถูกหลอกหรือไม่เจ้าค่ะ”
เขาถึงกับขำกับข้อความในกระดาษแผ่นน้อยนั้น เขาพับกระดาษเก็บลงไปยังกล่องที่เดิม และลองนำสิงโตหยกตัวหนึ่ง ยกขึ้นไปนอกหน้าต่าง แก้วนั้นเริ่มส่องแสง เป็นสีฟ้า เขาตกตะลึงไปชั่วครู่ นี่มันช่างน่าประหลาดมาก แก้วใดกันถึงได้ทำแบบนี้ได้ ทั้งแปลก ทั้งงดงาม หญิงสาวผู้นี้ พิถีพิถันในการคัดเลือกของขวัญได้เก่งมากจริงๆ สิงโตหยกขาวคาบแก้ว
“ยอดเยี่ยมยิ่งนัก”
เขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชม และต้องยอมรับว่า หลายปีมานี้ ไม่เคยพึงพอใจของขวัญชิ้นไหน เท่ากับสิงโตตัวนี้มาก่อนเลย เอ๋ กล่องมี 2 ชั้นหรือ ชั้นล่างเป็นอะไร เขาดึงชั้นไม้ออกมาอย่างระวัง
“ป้ายห้อยหยกขาวคู่”
งานประณีตมาก หยก 2 ชิ้นประกบกันเป็นหยกคู่ มีอัญมณีสีแดงฝังอยู่ตรงกลางชิ้นละ 1 เม็ด เยี่ยม นี่มันของขวัญชั้นยอด เขาได้ยินเสียงเคาะประตู
“นั่นใคร” เขาตะโกนถาม
“เรียนท่านอ๋อง หม่อมฉันลู่หนิงเซียนเพคะ”
นางเหรอ นางน่าจะกลับไปพร้อมท่านลุงลู่แล้วมิใช่เหรอ เขาเดินมาเปิดประตู
“ทำไมเจ้ายังอยู่ที่นี่ล่ะ ท่านลุงกลับไปแล้วมิใช่เหรอ”
“ใช่เจ้าค่ะ เพียงแต่ หม่อมฉันลืมที่จะมอบของขวัญ ให้ท่านอ๋องเพคะ เลยรีบกลับไปเอาของขวัญมาถวายเพคะ รถม้ารออยู่ด้านนอก มอบของขวัญแล้ว หม่อมฉันก็จะกลับเลยเพคะ”
“งั้น เชิญคุณหนูรอง”
ที่เขาบอกว่าเชิญ คือจะออกไปด้านนอก แต่นางเดินพรวดพราดเข้ามาด้านในห้อง พร้อมกับปิดประตู
“ท่านอ๋องเพคะ นี่เป็นสุราพยัคฆ์คาบเมฆา สุราชั้นเลิศของชนเผ่าทางตะวันตก เป็นของขวัญที่ข้ามอบให้ท่านอ๋องเพคะ”
ว่าแล้วนางก็รินสุรา ส่งให้
“วันนี้ข้าดื่มมากแล้ว ดื่มอีกคงไม่เหมาะ”
เขารีบบอกปัด
“แต่นี่เป็นของขวัญที่ข้าตั้งใจมอบให้พระองค์ หวังว่าพระองค์จะได้ลองลิ้มรส เป็นคนแรกเพคะ หวังว่าพระองค์จะไม่ปฏิเสธ”
นางออดอ้อน อ๋องเฉิงจนใจ หากไม่ยอมดื่ม นางคงไม่ยอมกลับไปเป็นแน่ และคงไม่เหมาะนัก หากมีใครมาพบว่าเขาอยู่กับนางเพียง 2 คน ในห้องหนังสือแห่งนี้
“สุราดี ข้าย่อมไม่ปฏิเสธ ขอบคุณน้ำใจของคุณหนูรองมาก”
เขายกจอกสุราขึ้นมาดื่ม นางมองเขา ด้วยสายตาทั้งชื่นชม ทั้งดีใจ นี่แสดงว่าเขารับไมตรีนางแล้ว ตำแหน่งพระชายา คงอีกไม่นานแล้วสินะ
สุรานี้รสชาติไม่เลวเลย ไม่ต่างกับสุราทางฝั่งตะวันออกที่เขาคุ้นเคย แต่แอบมีรสขมเล็กน้อย คงเพราะฤทธิ์ของสมุนไพรที่ใช้ในการหมักกระมัง
“สุราเยี่ยมจริงๆ คุณหนูรอง ข้าจะไปส่งท่านนะ ขอบคุณสำหรับของขวัญ ข้าชอบมากจริงๆ”
“หากท่านอ๋องชอบ ข้ารินให้อีกจอกนะเพคะ ข้าดีใจเหลือเกินที่สุรานี้ ถูกใจท่าน”
นางไม่รอช้า นางรินเหล้าในปริมาณที่มากกว่าจอกแรก และส่งให้ท่านอ๋อง เขารับมา อีกจอกจะเป็นไร เขาไม่เคยเมาเพราะสุราแค่นี้หรอก เหล้าตามชายแดนที่เขาเคยดื่ม แรงกว่านี้เยอะ ว่าแล้วก็ยกขึ้นดื่ม รวดเดียวหมดจอก ใช้เวลาในนี้นานมากไปคงไม่เป็นผลดีแน่
ข้างนอกโถงรับแขก ยังมีเหล่าขุนนางยังอยู่กันอีกหลายคน เขาไม่อยากให้มีเรื่องซุบซิบเกิดขึ้นอีก คืนนี้เขาฟังมามากพอแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่อาจจะมีงานมงคลระหว่างเขากับลู่หนิงเซียนเร็วๆ นี้ กับ ความสนิทสนมที่ไม่ธรรมดาของข้าและท่านลุง และความเหมาะสมราว กิ่งทองใบหยกนั่นอีก
ทำไมอากาศเริ่มร้อนขึ้น สุราฤทธิ์แรงใช้ได้ แค่ 2 จอกก็รู้สึกมึนงงได้ วันนี้ข้าคงดื่มมากไป
“คุณหนูรอง ข้าจะให้คนไปส่งเจ้านะ”
“เพคะท่านอ๋อง”
หนิงเซียนแกล้งรับคำ นางรู้ดีว่า อีกไม่นานแล้ว นางจงใจเคลื่อนตัวช้าๆ ทำท่าจะเดินออกไป
“อุ๊ย ท่านอ๋อง”
นางร้องขึ้น ทำท่าตกใจ และล้มลงมา พร้อมกับปัดเหยือกสุราให้ตก เพื่อทำลายหลักฐาน
ท่านอ๋องคว้าแขนนางไว้ ดึงเข้ามา
“เจ้าจะไปไหน”
ได้เวลาแล้วสินะ
“ท่านอ๋องเพคะ ทำแบบนี้ มันไม่เหมาะนะเพคะ”
นางกล่าว และทำท่าบิดไปบิดมาในอ้อมแขนของเขา เหมือนการยั่วยวน มากกว่าการป้องกันตัว นางมองที่เหยือกเหล้า ตอนนี้ สุราไหลออกจากเหยือกหมดแล้ว
“ท่านอ๋องเพคะ ไม่ได้นะเพคะ”
คราวนี้นางไปกระซิบข้างหู นางจงใจกระตุ้นพิษในตัวเขา
อารมณ์ของชายหนุ่ม ซึ่งโดนฤทธิ์ยาเข้าไป แทบสิ้นสติสัมปชัญญะ ทันใดนั้นเอง แสงจากปากสิงโตส่องมากระทบตาเขา เขาหรี่ตา และตบศีรษะตัวเอง นี่เขาเป็นอะไร กำลังทำอะไรอยู่ เขาเกือบทำร้ายคุณหนูรองแล้ว นางคงตกใจมาก
“คุณหนูรอง ข้าจะเรียกคนไปส่งเจ้า ต้าหรง”
ต้าหรงมาอย่างรวดเร็ว เปิดห้องทันที
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง กระหม่อมมาแล้ว”
หนิงเซียนตกใจ อะไรกัน ข้าตรวจดูก่อนจะเข้ามาแล้ว ที่นี่ไม่มียาม ไม่มีสาวใช้ และทหารองครักษ์ แล้วเขา มาจากที่ใดกัน ทำไมถึงเข้ามาได้รวดเร็วขนาดนี้
“เจ้าพาคุณหนูรอง ไปส่งที่จวนที เร็วเข้า”
เขารีบสั่ง ก่อนที่สติของเขาจะเตลิด เขาต้องแช่น้ำเย็น และใช้ปราณเพื่อขับพิษในร่างกายออก
“คุณหนูรองลู่ เชิญขอรับ”
หมดกัน เสียแผนหมด เจ็บใจยิ่งนัก ข้าอุตส่าห์เตรียมการมาอย่างดีแล้วเชียว ช่างเถอะ ไว้โอกาสหน้าก็แล้วกัน
“หนิงเซียน ทูลลาเพคะ”
ข้าคงต้องรีบกลับก่อน หากเขาสงสัยขึ้นมาคงจะไม่ดีแน่ ดีที่ข้าปัดสุราจนหกหมดแล้ว เขาจึงไม่ทันได้สังเกต เอ๊ะ ในโถงยังมีคนเหลืออยู่เหรอ ขุนนางพวกนี้ช่าง … เดี๋ยวสิ หึหึ
นางจงใจเดินช้าๆ เพื่อให้มีสักคนที่สังเกตเห็น
“อ้าวนั่น คุณหนูรองสกุลลู่ใช่หรือไม่”
นางทำท่าชะงัก และรีบหันกลับไป
“คารวะทุกท่านเจ้าค่ะ วันนี้ดึกแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อนเจ้าค่ะ คารวะใต้เท้าทุกท่าน”
แล้วนางก็เดินออกไป นางได้ยินเสียงตามหลังว่า
“ข้าบอกท่านแล้ว อีกไม่นาน คงมีข่าวดีของ 2 จวนนี้เป็นแน่ เอ๊า ดื่มๆๆ”
นางยิ้ม แล้วเดินออกไป
เฉิงลี่หมิงรีบพาตัวเองกลับไปที่ห้องนอน น้ำ กระหายน้ำเหลือเกิน เขาเทน้ำที่ตั้งบนโต๊ะแล้วยกดื่มทันที ไม่ นี่มันเหล้านี่ เขาเจอเหยือกน้ำแล้ว เขาดื่มจากเหยือกจนเกือบหมด ข้างนอกลมแรงมาก ฝนเริ่มตกแล้ว คืนนี้คงมีพายุกระหน่ำ
“ทำไมยังไม่หายร้อนสักทีนะ เกิดอะไรขึ้น”
เขานั่งลง และเริ่มใช้พลังปราณเพื่อขับพิษ เหงื่อเริ่มไหลออกมา
เขาต้องอาบน้ำ แช่น้ำเย็นๆ เพื่อให้พิษที่เหลือคลายออก ต้าหรงไม่อยู่ เพราะไปส่งคุณหนูรอง ร้อน ร้อนมาก
เขาเริ่มถอดเสื้อข้างนอกออกเพื่อระบายความร้อน ซึ่งตอนนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาพยายามดึงสติไว้ และนึกเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ใครเป็นคนใส่ยานั่น ในสุรา แล้วให้นางถือมา หรือว่า หนิงเซียนงั้นเหรอ นางไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้น นางเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์แห่งเมืองหลวง นางจะเอาศักดิ์ศรีมาแลกกับเรื่องแบบนี้ได้เช่นไร ไม่น่าจะเป็นนาง นางดูตกใจและหวาดกลัวมาก ยังดีที่เขาไม่ได้ทำอะไรนาง เขาไม่อยากนึกเรื่องต่อจากนั้น โชคดีที่ได้สติทัน
ฟางซินค่อยๆ ลืมตาขึ้น ที่นี่คือที่ใดกัน ข้ากลับมาที่ห้องข้าแล้วเหรอ นางมองไปรอบๆ กับสถานที่นี้ มันค่อนข้างมืด นางไม่เคยมาที่นี่ นี่นางนอนอยู่บนเตียงของใครกัน นางค่อยๆ ลุกขึ้นมา นางไม่ได้ถูกมัด โอ้ยย นางยังเจ็บที่ท้ายทอยอยู่ พลันนึกย้อนไป นางอยู่ในสวน นั่งมองศาลากลางน้ำอยู่ และกำลังจะกลับเข้าไปในงานเลี้ยง แล้วก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย …..เอ๊ะ นั่นเสียงอะไร ฝนตกหนักขนาดนี้แล้วเหรอ ที่นี่มันที่ไหนกัน ทางออกอยู่ที่ไหนกัน นางค่อยๆ หย่อนขาลงจากเตียง ลุกขึ้นยืน และสำรวจภายในห้อง มองหาประตูทางออก และนางก็เริ่มเดินออกไป
เฉิงอ๋องตัวสั่น เขาเริ่มร้อน ทำไมพิษยังถอนไม่หมด เขาแปลกใจ เขาใช้ทั้งพลังปราณ และกำลังภายในเพื่อถอนพิษ จริงๆ ควรออกไปแล้ว แต่ทำไม เขานึกออกแล้ว
เหล้า!! ใช่แล้ว เหล้าในห้องนี้ ก็มียาพิษนั่นใส่อยู่ มิน่าล่ะ ทั้งเหล้าที่หนิงเซียนให้เขาดื่ม แล้วยังมาเจอเหล้าในห้องนอนของเขาอีก เขาเลยมิอาจทนพิษที่มากขนาดนี้ได้ เป็นแผนร้ายของผู้ใดกันแน่
“มีใครอยู่มั้ยเจ้าคะ ที่นี่มันที่ไหนกันล่ะเนี่ย”
นางตะโกนถาม เสียงฝนตกหนักพร้อมกับพายุที่แรงขึ้น ด้านนอกตอนนี้คงไม่มีใครได้ยินเสียงนางเป็นแน่ แล้วนางจะกลับบ้านได้เช่นไร
เฉิงอ๋องหันไปตามเสียง นั่นเสียงใครกัน ผู้บุกรุกงั้นเหรอ เขาเดินหาเสียงนั้น สติเริ่มเลอะเลือน เขาไม่สามารถขับพิษออกได้หมด เหมือนกับว่า ตอนนี้ พิษนั่น จะเริ่มทำงานแล้ว เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว เขามองเห็นแค่ด้านหลังของหญิงสาว ความทรงจำสุดท้ายของเขาคือ เขาไม่แน่ใจว่าเป็นหนิงเซียนที่ทำเรื่องนี้ หรือว่ามีคนแอบทำเพื่อให้หนิงเซียนต้องมาส่งสุราให้เขา เขารู้แต่ว่า ต้องส่งหนิงเซียนกลับบ้าน และตอนนี้ เขาคงต้านทานฤทธิ์ของยานี่ ไม่ไหวอีกแล้ว
“ว๊าย ท่าน ท่านเป็นใครกัน ปล่อยข้านะ”
ฟางซินตกใจ กับผู้ที่จู่โจมมาจากด้านหลัง เขากอดนางไว้แน่น นางดิ้นรนจนหลุดออกมา หันกลับมาเผชิญหน้า
“ท่านอ๋อง เป็นท่านเองหรือเพคะ ที่นี่ที่ไหน หม่อมฉันจะกลับบ้าน”
บัดนี้ เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว เขาพ่ายแพ้ต่อพิษนี้เสียแล้ว หญิงสาวตรงหน้า พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน
“ข้าไม่ให้เจ้ากลับ คืนนี้ เจ้าต้องอยู่กับข้าที่นี่”
เขาตอบ เสียงแหบพร่า
“ท่านอ๋อง ท่านเป็นอะไรเพคะ ท่าน ดูท่าทางแปลกๆ”
นางไม่ทันระวัง ชายหนุ่มก็จู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็ว นางรีบดันแผงอกของชายหนุ่มออกไป
“ท่านอ๋อง ท่านตั้งสติก่อน ท่านอ๋อง อย่าทำอะไรหม่อมฉันเพคะ”
“หนิงเซียน หนิงเซียน เป็นเจ้าใช่หรือไม่ หนิงเซียน”
เขาเอาแต่เรียกชื่อนาง เขาคิดว่าข้าเป็นนาง ใจนางเจ็บร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่รู้ว่าเจ็บ หรือโกรธกันแน่ นางรวบรวมกำลังทั้งหมดของตน ผลักชายหนุ่มออกไป
“ข้าไม่ใช่นาง ข้าลู่ฟางซิน ข้าไม่ใช่ลู่หนิงเซียน ออกไปนะ ออกไป ท่านดูให้ดี ปล่อยข้านะ”
นางต้องหาทางออกจากที่นี่ให้ได้ ก่อนที่เรื่องมันจะแย่ไปมากกว่านี้ นางรู้แล้วว่าเขาโดนอะไรมา แต่นางจะหาวิธีแก้ไขอย่างไร
เฉิงอ๋องในตอนนี้ไม่ได้สติ สิ่งเดียวที่เขารู้คือ เขาอยากรู้ว่าคนที่ทำการนี้ขึ้นมา ใช่ลู่หนิงเซียนหรือเปล่า เขาอยากถามนาง เขาอยากทราบความจริง
“หนิงเซียน หนิงเซียน เป็นเจ้าใช่หรือไม่ เจ้าทำ ใช่หรือไม่”
“ข้าไม่ใช่นาง ข้าไม่ใช่หนิงเซียนของท่าน ไปให้พ้นหน้าข้า ข้าจะกลับบ้าน”
นางโกรธมากที่สุด นางไม่เคยโกรธใครได้ขนาดนี้ จนถึงตอนที่สิ้นสติเพราะพิษ เขาก็ยังเรียกหาแต่พี่สาวนาง นางช่างโง่ โง่มากจริงๆ ที่แอบรักเขาข้างเดียวมาได้ขนาดนี้ พอกันที นางต้องหนีออกจากที่นี่ให้ได้ และจากนี้ไป นางขอไม่พบเจอกับเขาอีกต่อไป รักแรกของข้า จบสิ้นภายในคืนนี้แหล่ะ นางเหลือบไปเห็นประตูแล้ว นางต้องวิ่งไปให้ถึงประตูนั่น นางถึงจะสามารถหนีไปได้
นางผลักเขาสุดแรงที่มี และวิ่งไปอย่างสุดกำลัง แต่เขาเห็นนางแล้ว เขาวิ่งตามแค่ไม่กี่ก้าวก็สามารถคว้านางเอาไว้ได้ เขารวบนางไว้จากข้างหลัง และพานางกลับไปที่เตียง นางดิ้นรนเพื่อหาทางหนีสุดชีวิต
“ท่านอ๋อง ได้โปรดคืนสติ ท่านมองข้าให้ดี ข้าไม่ใช่นาง ข้าไม่ใช่ลู่หนิงเซียน ท่านอ๋อง ท่านมันชั่วช้า อย่าทำอะไรข้านะ ท่านมันเลว ต่ำช้าที่สุด ออกไปนะ ออกไป…”
บัดนี้เขาไม่ได้สติ เขาเริ่มรำคาญเสียงที่เริ่มด่าเขา เขาต้องการให้นางหุบปากเสีย เขาอยากรู้นักว่าปากที่คอยด่าเขาอยู่ตอนนี้มันจะมีรสชาติแบบไหน ทำไมถึงได้สรรหาคำมากมายออกมาต่อว่าเขาได้ขนาดนี้
ตอนนี้นางออกแรงดิ้นจนสามารถหลุดออกมา จังหวะที่เขาเหวี่ยงนางลงบนเตียงนุ่ม นางรวบรวมกำลังทั้งหมด
“เพี๊ยะ”
นางตบหน้าเขาอย่างแรง
“ท่านได้สติสักทีสิ ข้าไม่ใช่นาง ข้าต้องการออกไปจากที่นี่ ท่าน ปล่อยข้านะ ปล่อยยย…. ช่วยด้วย ใครก็ได้ ช่วยด้วยย”
นางร้องตะโกนแข่งกับเสียงฝน ข้างนอกคงมีพายุแล้ว ไม่ว่านางจะตะโกนอย่างไร คงไร้คนได้ยิน …………..