บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 งานเลี้ยงจวนท่านอ๋อง

รถม้าของเฉิงอ๋อง จอดอยู่หน้าจวนสกุลลู่ อ๋องเฉิงลงมาก่อน ฟางซินค่อยๆ ขยับตัวลงมา เพื่อจะลงจากรถ ไม่ทันไรก็ถูกท่านอ๋อง อุ้มลงจากรถได้อย่างง่ายดาย ตรงไปยังห้องโถงกลางสำหรับรับแขก

แม่ทัพลู่ตกใจ เมื่อเห็นเฉิงอ๋องอุ้มบุตรสาวเขามา

“เกิดอะไรขึ้น ลี่หมิง ซินเอ๋อเป็นอะไรไป ทำไมขาเป็นแบบนี้ล่ะ”

“เรียนท่านลุง คุณหนู 3 เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยขอรับ ชนเข้ากับกระถางหน้าหอจันทรา เลยทำให้ข้อเท้าพลิกขอรับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เดินไม่ค่อยสะดวก ข้าเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี เลยช่วยไว้ได้ทัน เลยพาไปรับการรักษาที่จวนกับท่านหมอก่อน แล้วจึงพาคุณหนู 3 มาส่งขอรับ ต้องขออภัยท่านลุงที่ทำให้เป็นห่วงขอรับ”

“ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดี เจ้านี่นะ ซนจนได้เรื่อง แล้วยังต้องเดือดร้อนท่านอ๋องอีก”

แม่ทัพลู่ตำหนิบุตรสาว

“ข้าขอโทษเจ้าค่ะท่านพ่อ”

แม่ทัพลู่นึกสงสัย เหตุใดวันนี้นางถึงได้เงียบนัก มันผิดปกติของลูกสาวคนเล็ก ปกตินางจะหาสารพัดข้ออ้างเพื่อให้พ้นผิด หรือไม่ก็ออดอ้อนจนต้องยอมละโทษให้

“เจ้าสำนึกผิดรึยัง พ่อจะกักบริเวณเจ้า ห้ามออกไปไหนนะช่วงนี้ อยู่แต่ในจวนนี่แหละ”

“ท่านพ่อเจ้าคะ ถึงลูกอยากจะไป แต่เดินแทบไม่ได้แบบนี้ จะไปไหนได้เจ้าคะ นอกจากลูกจะมีปีกงอกออกมาแล้วบินไป”

นางยังมีอารมณ์แหย่บิดา

“เจ้านี่ ขนาดขาเดินไม่ได้ แต่ปากยังใช้ได้นะ เจ้า พาคุณหนูของเจ้าไปพักในห้อง ข้ามีเรื่องจะหารือกับท่านอ๋อง”

“ขอบพระทัยสำหรับเรื่องวันนี้ด้วยเพคะท่านอ๋อง ฟางซินทูลลา”

นางค่อยๆ ใช้ไม้ค้ำ เดินออกไป โดยมีชุนเอ๋อประคองอยู่

หนิงเซียนรอจังหวะจะออกไปอยู่แล้วเลยแกล้งเดินชน จนทำให้ไม้ค้ำตกพื้น และฟางซินกับชุนเอ๋อ ก็ล้มลงไป

“ทำไมเจ้าเดินไม่ระวังเลย นั่นขาเจ้าไปโดนอะไรมาอีกล่ะ ไปทะเลาะกับนักเลงที่ไหนรึ ถึงได้เป๋มาขนาดนี้”

“ข้าเดินของข้าอยู่ดีๆ ท่านพี่เดินอย่างไรเจ้าคะ จะรีบไปไหน ถึงได้ไม่ระวังมาชนข้า ท่านต่างหากที่ควรขอโทษน่ะ ช่างเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว ไปกันเถอะชุนเอ๋อ”

เฉิงอ๋องได้ยินเสียงล้ม จึงรีบวิ่งเข้าไปตามเสียง พบฟางซินกำลังจะลุกขึ้นมา ชุนเอ๋อกำลังพยุงนางอยู่

“ท่านอ๋อง”

หนิงเซียนตกใจ เมื่อเห็นว่าผู้ที่วิ่งมาคือใคร นางไม่ทราบเลยว่าท่านพ่อรับแขกอยู่

ท่านอ๋องไม่ได้ยินที่นางเรียก แต่รีบวิ่งเข้าไปเพื่อพยุงฟางซินลุกขึ้น

“ข้าบอกเจ้าแล้วไง ว่าให้เดินระวังๆ”

“ห้องเจ้าอยู่ไหน”

ท่านอ๋องเอ่ยถาม

ชุนเอ๋อ

“ทางนี้เพคะท่านอ๋อง”

“นำทางข้าไป”

ไม่พูดเปล่า ท่านอ๋องช้อนตัวฟางซินขึ้นมาอุ้ม และเดินตามชุนเอ๋อไป

ทำไมท่านอ๋องต้องอุ้มนางไป นางไปสนิทสนมกับท่านอ๋องตอนไหน ถึงขั้นอุ้มกันไปขนาดนั้น ข้าต้องรู้ให้ได้ เจ้ามันบังอาจนักฟางซิน นางคิดแค้นอยู่ในใจ มองตามร่างของท่านอ๋อง ที่รีบร้อนอุ้มน้องสาวไปยังห้องของนาง

“ท่านอ๋องเพคะ ปล่อยหม่อมฉันลงเถอะเพคะ มันจะไม่งามเอานะเพคะ ต่อหน้าผู้คนมากมาย”

ฟางซินรีบบอก นางอับอายมากพอแล้วสำหรับวันนี้ และนางไม่อยากจะมีเรื่องกับพี่สาวของนางเพิ่มอีก แต่คงไม่ทันแล้ว หนิงเซียนเห็นทุกอย่าง จากนี้ นางอย่าหวังจะได้อยู่อย่างสงบอีกเลย เฮ้อออ คิดแล้วช่างน่าปวดหัวเสียจริง

“เจ้าบาดเจ็บอยู่ ข้าแค่ช่วยคน เจ้าอย่าคิดมาก ไม่มีใครคิดมากหรอก ถึงแล้ว”

เฉิงอ๋องค่อยๆ วางนางลงหน้าห้องของนางให้เท้ายืนกับพื้นได้ถนัดแล้วจึงคลายมือออก

“เจ้ารีบเข้าห้องไปพักผ่อน ทานยาตามที่หมอตู้สั่ง ข้าจะไปพบท่านลุงก่อน”

“ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันทูลลา”

เฉิงอ๋องเดินกลับมาเส้นทางเดิมเพื่อไปยังห้องโถงกลาง เจอกับหนิงเซียนเข้า ไม่สิ นางคงรอเขาอยู่

“คารวะท่านอ๋องเพคะ”

“คุณหนูรอง ไม่ต้องมากพิธี ตามสบายเถอะ”

“น้องข้าทำท่านอ๋องลำบาก ต้องขออภัยแทนนางจริงๆ เพคะ น้องข้าแต่ไหนแต่ไร ชอบหาแต่เรื่องเข้าบ้าน สร้างความวุ่นวายตลอด นางยังเด็ก เลยไม่ค่อยรู้กาลเทศะ หวังว่าท่านอ๋องคงไม่ถือสานางนะเพคะ”

“อ่อ อย่างนั้นเองหรอกเหรอ”

ยังเด็ก สร้างความวุ่นวาย ไม่รู้กาลเทศะ งั้นรึ หึ เฉิงอ๋องอดแสยะยิ้มไม่ได้ กับคำกล่าวพวกนี้ ช่างเถอะ เขาไม่มีเวลามาใส่ใจ

“ว่าแต่ท่านอ๋อง กับน้องสาม มันเกิดอะไรขึ้นเพคะ”

“ข้าบังเอิญเจอนางระหว่างทางน่ะ เห็นนางได้รับบาดเจ็บ เลยช่วยพามาส่ง”

เขาตอบแบบรวบรัด

“คุณหนูรอง ข้ามีเรื่องจะหารือกับท่านลุง ข้าต้องขอตัวก่อน”

“เดือดร้อนท่านอ๋องแล้ว ข้าต้องขอโทษแทนน้องสาวข้าด้วยเพคะ หนิงเซียนทูลลาเพคะ”

ที่แท้เป็นเพราะนางซุ่มซ่ามนี่เอง ทำเรื่องน่าอายได้ไม่เว้นแต่ละวัน หึ นางไม่จำเป็นต้องรีบ เพราะอีกไม่นาน ท่านจะหนีข้าไม่ได้อีกแล้ว แค่นี้ก็สร้างความไม่พอใจให้เขาไม่พึงใจฟางซินพอแล้ว นางคิดในใจ

“เตรียมการเรียบร้อยแล้วหรือไม่”

หนิงเซียนเอ่ยถามสาวใช้

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ คุณหนู รอแค่คุณหนูสั่งการเท่านั้นเจ้าค่ะ”

รุ่ยเอ๋อ สาวใช้ตอบ

“ดี อีกไม่กี่วัน ข้าคงต้องเปลี่ยนสถานะ เป็นพระชายาท่านอ๋องสักที”

“คุณหนูเจ้าคะ ท่าน… คิดดูอีกทีดีหรือไม่เจ้าคะ วิธีนี้ มันออกจะเสี่ยงมากเกินไปนะเจ้าคะ”

“เจ้าไม่ต้องพูดมาก เรื่องนี้ ข้าตัดสินใจเอง ของบางอย่าง มัวแต่รอ คงมิได้ครอบครอง”

นางตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหญิงงามอันดับ 1 ในใต้หล้า หรือสตรีที่น่าอิจฉาที่สุดในเมืองหลวง ล้วนต้องเป็นของนางทั้งสิ้น

ในที่สุดก็ไม่ต้องใช้ไม้ค้ำอีกต่อไป ฟางซินบอกลาไม้ค้ำ หลังจากวันที่ 6 นางเริ่มเดินได้ตามปกติ แผลหายเกือบสนิทแล้ว ใกล้จะถึงวันงานเลี้ยงของจวนอ๋องเฉิงแล้ว ที่จวนของสกุลลู่ก็ได้รับการเชื้อเชิญสำหรับงานเลี้ยงนี้เช่นกัน แม่ทัพลู่กำชับทุกคนในบ้าน ให้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ทุกคน เพื่อเป็นเกียรติกับท่านอ๋องเฉิง เอาล่ะ ข้าก็คงต้องเตรียมของขวัญสักหน่อย อย่างน้อยก็แทนคำขอบคุณที่เขาเคยช่วยไว้ครั้งก่อน ที่หอการค้า ช่วงนี้ของทุกปีจะมีการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างแคว้นต่างๆ คาดว่าคงมีสินค้าที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ลองไปสำรวจดูดีกว่า

วันนี้ฟางซินอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ เพราะนานแล้วที่นางไม่ได้ออกมาเดินเล่นเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าตลาดจะน่าเดินขนาดนี้นะเนี่ย สินค้าใหม่ๆ มากมายเริ่มออกมาวางขาย ข้างทางมีร้านขายร่มมากเป็นพิเศษ คงเพราะช่วงนี้ใกล้เข้าฤดูฝนแล้ว ร่มสีต่างๆ ทำจากวัสดุหลากหลายชนิด วางเรียงรายอย่างสวยงาม แต่วันนี้ฟางซินตั้งใจ ที่จะไปที่หอการค้า ที่นั่นคือจุดหมายที่มาของวันนี้ นางจึงไม่ได้แวะดูร้านค้าข้างทางมากนัก

หอการค้า ไท่สง

ข้างในหอการค้าแห่งนี้ เป็นทั้งแหล่งรวมสินค้าแปลกๆ มากมาย มาจากหลายๆ ที่ อีกทั้งยังเป็นแหล่งประมูลสินค้า สำหรับพ่อค้า นายทุนที่มีความชอบ สะสมสินค้าแปลกๆ หายาก และยังเป็นสมาคมพ่อค้า และดูแลในส่วนของการค้าย่านเมืองหลวงทั้งหมด เพื่อป้องกันการเอารัดเอาเปรียบในการค้าขายในเมืองหลวง

“ว่าแล้วว่ามาที่นี่ไม่ผิดหวังจริงๆ”

สินค้าแปลกตามากมาย วางเรียงรายกันอยู่ ราคาย่อมเยาหน่อยก็จะวางกับโต๊ะ และมีผู้ขายดูแล สินค้าที่แพงหน่อยจะจัดวางอยู่ชั้น 2 และ 3 ของหอการค้า ชั้น 4 คือชั้นประมูลสินค้าแปลกใหม่ ซึ่งจะมีการจัดประมูลขึ้นทุกๆ วันที่ 1 ,10 และ 20 ของทุกๆ เดือน ซึ่ง ไม่ใช่วันนี้

ฟางซินจึงทำได้เพียงมองหาสินค้าแปลกๆ แค่นี้ก็คงใช้เวลาเกือบทั้งวันแล้วกระมัง ไหนดูซิ มีอะไรบ้าง เครื่องเรือนไม้ ผ้าไหมทอมือ มังกรไม้สลัก สิงโตหินอ่อน ไม่ไหวเลย นี่มันสินค้าทั่วไป

ว๊าววว สิงโตหยกคาบแก้วตัวนี้ น่าสนใจ

“ข้าชอบสิงโตหยกตัวนี้”

“สวัสดีขอรับคุณหนู สิงโตหยกขาวคาบแก้วตัวนี้ทำจากหยกน้ำงามขอรับ แก้วที่คาบอยู่ก็เจียระไนด้วยมือ ยามที่แก้วได้รับแสงจันทร์ แก้วก็จะเปลี่ยนสีขอรับ สีก็จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลและอากาศ หยกนี้เป็นหินลาวาจากภูเขาไฟ ทับถมกันมาเกิน 200 ปีขอรับ ถึงจะได้เจอหยกขาวน้ำดีแบบนี้ซักก้อนหนึ่ง อ้อ แล้วก็สิงโตหยกขาวคาบแก้วตัวนี้มาคู่กับหยกคู่นี้ขอรับ ซึ่งทำมาจากหยกก้อนเดียวกัน ผู้ทำ ทำขึ้นมาเพื่อให้อยู่คู่กันกับสิงโตตัวนี้ขอรับ ยามร้อนทำให้เย็น ยามหนาวทำให้อุ่น ถือเป็นของมงคลอย่างยิ่งขอรับ”

น่าสนใจ สิงโตตัวนี้ ขนาดกำลังดี เหมาะกับวางบนโต๊ะหนังสือ

“ข้าเอาสิงโตตัวนี้แหละ ข้าไปจ่ายเงินก่อน ท่านช่วยห่อ และส่งไปยังจวนสกุลลู่ทีนะ ชุนเอ๋อ เจ้าช่วยดูความเรียบร้อยด้วย”

ฟางซินสั่งสาวใช้เสร็จก็เดินไปที่โต๊ะจ่ายเงิน

เสียเวลาไปมากกับการเดินอยู่ในหอการค้านี้ เกือบจะเย็นแล้ว คงต้องรีบกลับจวนก่อน อีก 3 วันจะถึงงานเลี้ยงแล้ว ข้าคงต้องเตรียมตัว ออ แวะร้านสมุนไพรก่อน ข้าสั่งสมุนไพรหายากไว้เพื่อไปมอบให้ท่านหมอตู้ เพื่อขอบคุณที่ครั้งก่อนช่วยข้าไว้

3 วันถัดมา : งานเลี้ยงจวนอ๋องเฉิง

"แม่ทัพลู่มาถึงแล้ว"

เสียงทหารหน้าประตู ประกาศแจ้ง ทั้งหมดเดินเข้ามาในงานเลี้ยง ไม่นาน ท่านอ๋องเฉิงก็เดินมาต้อนรับด้วยตนเอง

“คารวะท่านแม่ทัพลู่และฮูหยินทั้ง 2 ขอรับ”

อ๋องเฉิงกล่าวต้อนรับ

“คารวะท่านอ๋องเพคะ”

หนิงเซียน และฟางซินกล่าวทักทาย

“คุณหนูทั้ง 2 ไม่ต้องมากพิธี เชิญทุกท่านด้านใน”

ท่านอ๋องกล่าวเชื้อเชิญ สายตาเหลือบมองไปยังหนิงเซียน วันนี้นางก็ยังงดงามเช่นเดิม

“คุณหนูรอง วันนี้ก็ยังคงงดงามเช่นเดิม เอ๋ เจ้าใส่ต่างหูหยกคู่นั้นด้วย ช่างงดงามเกินคาดจริงๆ ”

หนิงเซียนเขินอายกับคำกล่าวชมแบบไม่ทันตั้งตัว

“ขอบพระทัยเพคะท่านอ๋อง”

แน่นอน ข้าต้องเตรียมตัวนานเกือบ 1 สัปดาห์ ทั้งดูแลผิวพรรณ สั่งตัดชุดใหม่ และทำเครื่องประดับใหม่ วันนี้ข้าใส่ต่างหูที่เขาซื้อให้มาด้วย ทั้งหมด ก็เพื่อวันนี้โดยเฉพาะ

เฮ้อ ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าจะต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ ก็ไหนคิดว่าทำใจได้แล้ว คุ้นเคยจนเป็นสหายกันได้แล้ว คิดอะไรมากกันเล่าฟางซิน นางพลางคิด จนไม่ทันมองว่าบิดาและพี่สาวนางเดินเข้าไปในงานเลี้ยงแล้ว

“ขาเจ้าหายดีแล้วใช่หรือไม่”

ท่านอ๋องเดินเข้ามาเพื่อไถ่ถามอาการ นางหลุดออกจากภวังค์เพราะเสียงเรียกนั้น

“ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ หายดีแล้วเพคะ”

สาวน้อยเริ่มใจเต้นแรงอีกแล้ว ทำไมเขาชอบมาแบบไม่ให้สุ้มเสียง ไม่ทันให้ตั้งตัวแบบนี้ตลอดเลยนะ

“ดีแล้ว งั้นตอนนี้ เจ้าก็ออกเที่ยวได้แล้วสินะ”

ท่านอ๋องถามพลางยิ้มเบาๆ

“เพคะท่านอ๋อง เพื่องานนี้โดยเฉพาะ หม่อมฉันได้เดินทั่วเมืองหลวงเพื่อหาของขวัญชิ้นเลิศมามอบให้ท่านเลยทีเดียวเพคะ”

นางยิ้มอย่างพอใจ และคาดว่าท่านอ๋องคงจะชอบของขวัญที่นางเตรียมมา

นางจะเตรียมของขวัญแบบใดมาให้ข้ากันนะ ข้าเริ่มอยากรู้แล้วสิ

“ฟางซิน”

เจียฟู่เฉิงเดินตรงมาหาฟางซิน ฟางซินหันตามเสียง

“พี่ฟู่เฉิง ทางนี้ๆ”

ฟางซินทักทาย พร้อมเดินไปหาสหายทันที โดยลืมที่จะหันไปบอกกับเจ้าของงานเลี้ยง

สายตาของความไม่พอใจ หงุดหงิด โกรธ ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของท่านอ๋องเฉิงในเวลานี้ได้เลยว่า เป็นอารมณ์แบบใดกันแน่ รู้เพียงว่าสายตานั้นไม่พอใจอย่างที่สุด และยังคงจับจ้องไปที่คนทั้งคู่ ที่ทักทายกันอย่างสนิทสนมตรงหน้า

“พี่ฟู่เฉิง พี่ก็มางานเลี้ยงเช่นกันหรือ ข้าแปลกใจมากเลย”

“ข้าและพวกพ่อค้าในหอการค้า ล้วนได้รับคำเชิญทั้งสิ้น ท่านอ๋องส่งบัตรเชิญให้ ข้าต้องให้เกียรติสิ และข้าก็คิดว่า คงจะเจอเจ้าที่นี่เช่นกัน”

เขารู้อยู่แล้ว ว่าเขาอาจจะได้เจอนางในงานนี้แน่ๆ งานเลี้ยงระดับนี้ มีหรือสกุลลู่จะไม่ถูกรับเชิญ แค่ไม่แน่ใจว่านางจะมาหรือไม่ แต่ด้วยอุปนิสัยของนาง คงไม่อยากพลาดโอกาสเช่นนี้เป็นแน่

“ข้าขอไปทักทายท่านอ๋องก่อน จะได้ไม่เป็นการเสียมารยาท”

“ไปกันๆ ทางนี้”

นางเดินนำทางมายังจุดที่นางเดินจากมา เขายังยืนอยู่ที่เดิม เอ๊ะ ข้าตาฝาดหรือไม่ ทำไมดูเหมือนท่านอ๋องจะอารมณ์ไม่ดี เมื่อกี้ยังคุยกันอยู่เลย

“ข้าน้อย เจียฟู่เฉิง คารวะท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ต้องเกรงใจ เชิญตามสบายเถิด วันนี้ท่านเป็นแขก ไม่ต้องมากพิธี”

ท่านอ๋องกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ

“พี่ฟู่เฉิง ท่านจะเข้าไปหรือไม่ เข้าไปพร้อมกับข้าเลยก็ได้ ข้าจะไปหาท่านแม่รองกับท่านพ่ออยู่พอดี”

“ท่านอ๋องเพคะ เจอกันในงานเลี้ยงนะเพคะ”

นางกำลังเดินไป แต่หากถูกมือหนึ่งดึงไว้ก่อน

“ข้ายังมีเรื่องจะถามเจ้าหน่อย อย่าพึ่งไป”

ท่านอ๋องจับแขนนาง

“คุณชายเจีย เชิญท่านเข้าไปก่อนได้เลย ต้าหรง นำทาง”

สิ้นเสียง ต้าหรงก็ทำหน้าที่นำทางเจียฟู่เฉิงออกจากที่นั่นทันที ทำไมต้องให้ข้าพามา ข้าต้องอยู่คุ้มกันท่านอ๋อง นี่ท่านอ๋องกล้าประมาทถึงเพียงนี้เชียว ช่างเถอะ รีบส่งรีบกลับไปแล้วกัน

“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉัน เจ็บเพคะ ท่านช่วยปล่อยมือหม่อมฉันก่อน จะได้หรือไม่เพคะ” ฟางซินกล่าว

อ๋องเฉิงเหมือนนึกขึ้นได้ รีบถาม

“เจ้าเจ็บมากหรือไม่ ขอโทษที ข้าลืมตัว”

(ข้าโกรธอะไรอยู่นี่ บ้าจริง ทำนางเจ็บตัวจนได้)

“ไปให้ท่านหมอตู้ดูอาการเจ้าหน่อยดีหรือไม่”

“ไม่ต้องเพคะ ๆ หม่อมฉันแค่ตกใจ ไม่ได้เป็นอะไรมาก อย่าทรงกังวล”

เขาเป็นอะไรไปนะ ไปโกรธใครมาถึงได้มาลงกับข้า

“แขกเข้าไปในงานกันหมดแล้วนะเพคะ ท่านอ๋อง พระองค์ไม่เข้าไปหรือเพคะ”

“ออ ท่านอ๋องว่ามีอะไรจะถามหม่อมฉันเพคะ”

นางนึกขึ้นได้ ที่เขารั้งไว้เพราะเรื่องนี้

“เอ่อ….. เจ้า ไปรู้จักกับพ่อค้านั่น ได้เช่นไรหรือ"

เข้าถามแบบไม่อ้อมค้อม

“อ่อ รู้จักกันโดยบังเอิญเพคะ ข้าช่วยเขาไว้ครั้งก่อน เขาโดนนักต้มตุ๋นหลอกเอาเงิน ข้าเข้าไปช่วยเขาไว้พอดี เลยได้รู้จักกันเพคะ”

นางตอบอย่างภาคภูมิใจ ว่าแต่เขาจะถามเรื่องนี้ทำไมกัน นางคิดในใจ

“ออ กระนั้นเอง อย่างไรเสีย ก็อย่าไปสนิทสนมมากจะดีกว่า ยังไงก็เป็นคนต่างแคว้น ระวังไว้หน่อยก็ดี”

“งั้นหรือเพคะ แต่หม่อมฉันว่า พี่ฟู่เฉิงเป็นคนดีนะเพคะ ทั้งจริงใจ และเปิดเผย ไม่น่าจะเป็นคนอย่างที่พระองค์ว่า”

นางแค่ตอบไปตามที่นางคิดเท่านั้น

“เจ้าจะรู้หรือ หากเขาเข้าหาเจ้าเพราะจุดประสงค์อย่างอื่น เกรงว่าคงไม่ทันระวังตัว เจ้าคง ..ช่างเถอะ ข้าเตือนให้เจ้า ห่างๆ เขาเอาไว้จะดีกว่า”

เปิดเผย จริงใจงั้นเหรอ หึ นางผู้นี้ช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว

อะไรกัน มาว่าข้าฉอด ๆๆ ข้าก็แค่คบสหายไม่ใช่หรือไง

“ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ตักเตือน หากไม่มีธุระอะไรแล้ว หม่อมฉันขอตัว ท่านพ่อรอข้าอยู่ ขอตัวเพคะ”

ว่าแล้วนางก็เดินจากไป ข้าแค่คบสหาย จะผิดอะไรนักหนา เขาเป็นใคร จะมาตักเตือนข้า นี่ยังไม่ทันได้แต่งเข้ามาเป็นพี่เขย ก็ทำตัววางอำนาจเป็นคนในบ้านข้าแล้วเหรอ ข้าเคยชอบเขาไปได้เช่นไร คนเผด็จการเช่นนี้ อยู่ด้วยคงน่าเบื่อตาย พูดแล้วหงุดหงิด โอ๊ยยย ของกิน ใช่ ต้องหาของกินปลอบใจกระเพาะสักหน่อย จะได้ดีขึ้น

เป็นงานเลี้ยงที่เรียบง่าย แต่แขกกลับเยอะมาก อาหารการกินช่างหลากหลาย ผู้จัดงานเตรียมงานมาเป็นอย่างดี ละเอียดพิถีพิถันมาก ขนาดแยกฝั่งอาหาร สำหรับผู้ที่กินเจ มังสวิรัติ และเนื่องจากแขกมาจากหลายๆ แคว้น บางท่านไม่ทานเนื้อหมู ก็มีโต๊ะแยกอาหารประเภทนี้ออกไป ฝั่งอาหารเจ ก็จะมีโต๊ะรับรองในสวน สำหรับผู้ที่ทานเจโดยเฉพาะ

“ท่านหมอตู้เจ้าคะ นี่ของขวัญให้ท่าน ขอบคุณที่ท่านช่วยรักษาข้าครั้งก่อนเจ้าค่ะ”

ฟางซินเจอท่านหมอพอดี

“คุณหนู เกรงใจข้าเกินไปแล้ว นี่มันสมุนไพรทำยาหายากทั้งนั้น คุณหนู ไม่น่าสิ้นเปลือง ข้าน้อยเกรงใจนัก”

"ไม่ได้สิท่านหมอ ข้าเจอสมุนไพรพวกนี้ก็นึกถึงท่าน อย่างน้อยก็จะได้เอาไว้ช่วยชีวิตคน สมควรๆ ท่านรับไว้เถอะนะเจ้าคะ ไม่งั้นข้าไม่สบายใจ"

ท่านหมอมองคุณหนูอย่างซาบซึ้งใจ นางช่างเป็นสตรีที่จิตใจงามยิ่งนัก

"ขอบคุณขอรับคุณหนู ข้าจะรับของมีค่าที่ท่านมอบให้ และรักษาอย่างดี วันหน้าต้องมีประโยชน์อย่างแน่นอนขอรับ"

“คนก็เจอแล้ว ของขวัญก็ให้แล้ว ท่านหมอ ข้าขอตัวเข้าไปในงานก่อนนะเจ้าคะ เดี๋ยวท่านพ่อจะหาข้าอีก”

“เชิญคุณหนูขอรับ”

ว่าแล้วท่านหมอตู้ก็รีบนำสมุนไพรมีค่านี้ ไปเก็บที่ห้องยาของเขาทันที
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel