มนตรารักท่านอ๋องขี้หึง (หึงโหด คลั่งรัก)

129.0K · จบแล้ว
ชาไทยเย็น
66
บท
22.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ลู่ฟางซินตกหลุมรักแม่ทัพหน้าหยก เฉิงลี่หมิงตั้งแต่ครั้งแรกที่เขามาวังหลวงพร้อมกับชัยชนะ แต่ในสายตาเขา มีเพียงพี่สาวนางคนเดียวเท่านั้น ด้วยแผนการร้ายของใครบางคน ทำให้นางต้องตกเป็นของเขาโดยไม่ตั้งใจ

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณท่านอ๋องนางเอกเก่งรักหวานๆรักแรกพบจีนโบราณฟินๆ18+

ตอนที่ 1 สบตาแม่ทัพหน้าหยก

ลู่ฟางซิน บุตรีคนรองแม่ทัพ ลู่ต้าตง ผู้ร่วมบุกเบิกแคว้นกับองค์ฮ่องเต้ หงซูลี่ ผู้เป็นทั้งสหายร่วมเรียน ร่วมรบกันมาตั้งแต่ครั้งวัยเยาว์ นางทราบเพียงว่า มารดาของตนคือหญิงรับใช้ในกองทัพของบิดา และถูกข้าศึกฆ่าตายระหว่างสงครามแคว้นฉินกับแคว้นจ้าว

เมื่อ 17 ปีก่อน บิดาผู้ซึ่งกลับเมืองหลวงพร้อมชัยชนะ ได้อุ้มบุตรีกลับมาที่จวน พร้อมกับความสงสัยของฮูหยินทั้ง 2 (ฮูหยินเอก ลู่เหลียน และฮูหยินรอง ลู่ถังซิน) พร้อมกันนั้น ท่านแม่ทัพก็ได้รับรู้ว่า ตนได้มีลูกสาวที่กำเนิดแล้วอีก 1 คน คือ ลู่หนิงเซียน ซึ่งฮูหยินเอกได้กล่าวว่าไม่อยากให้ท่านแม่ทัพเป็นกังวลในการออกศึก เลยไม่แจ้งข่าวการตั้งครรภ์ให้ทราบ เนื่องจากเป็นศึกยืดเยื้อยาวนานกว่า 1 ปี นางจึงคลอดก่อนที่ท่านแม่ทัพจะได้กลับมายังเมืองหลวง ท่านแม่ทัพดีใจยิ่งนัก ที่ได้รับรู้ข่าวนี้ ในวินาทีนี้ ไม่มีใครมีความสุขมากกว่าแม่ทัพลู่อีกแล้ว

แม่ทัพลู่ต้าตงยังมีบุตรชายคนโต ที่กำเนิดจากฮูหยินรอง ลู่ถังซินอีก 1 คน ชื่อ ลู่จินเยว่ ซึ่งรู้จักกันในนามรองแม่ทัพลู่นั่นเอง

จินเยว่ติดตามบิดาไปออกศึกเสมอ จนได้รับการยอมรับจากทั้งกองทัพว่า ทั้งเก่ง ความสามารถรอบด้าน ฉลาด และมีความเป็นผู้นำ ถอดแบบบิดามาไม่ผิดเพี้ยน

ผ่านมา 17 ปีแล้ว ที่ลู่ฟางซิน ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ในจวนท่านแม่ทัพ ท่านพ่อมีความยุติธรรมกับลูกทุกคนเสมอ แม้ว่าหนิงเซียน จะมีความเอาแต่ใจไปบ้าง แต่ต่อหน้าบิดา นางก็ยังมีความกลัวและเกรงใจอยู่มาก ถึงแม้ฮูหยินเอก และหนิงเซียน จะไม่ชอบ และรังเกียจฟางซินมากเพียงใด ก็ทำได้เพียงแค่เก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจเท่านั้น ผิดกับฮูหยินรอง หรือที่ฟางซินเรียกว่าท่านแม่รอง ฮูหยินรักและเอ็นดูฟางซินดั่งบุตรในอุทธรณ์ ฟางซินและ จินเยว่จึงมีความสนิทสนมกัน

ฟางซินเป็นเด็กสาวที่เติบโตมา โดยผ่านการอบรมเหมือนบุตรของขุนนางชั้นสูงโดยทั่ว ๆ ไป แต่สิ่งที่ฟางซินแตกต่างกับเด็กสาวรุ่นเดียวกันคือ นางชอบค้าขาย ชอบการทำเครื่องหอม เครื่องประทินโฉม นางชอบทดลองเพื่อการสร้างสรรค์กลิ่นใหม่ๆ เพื่อสร้างความประหลาดใจ และทุกครั้งที่ได้ผลิตเครื่องหอมใหม่ๆ นางมักจะแอบส่งไปขายที่หอจันทรา ซึ่งเป็นแหล่งขายเครื่องประทินโฉมขึ้นชื่อของเมืองหลวง ซึ่งตอนนี้เป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด สาวๆ ในเมือง รวมไปถึงสาวใช้ และพระสนมในวังหลัง ต่างก็ล้วนติดใจในสินค้าเครื่องหอมเหล่านี้ จนยอดการสั่งซื้อมากมาย ซึ่งนางเอง เปรียบได้เป็นเหมือนเศรษฐีนีในเมืองหลวงเงียบๆ คนนึงเช่นกัน

วันนี้ได้เวลาไปสำรวจตลาด และความต้องการใหม่ๆ กันแล้ว ร้านขายของในเมืองวันนี้เหมือนจะคึกคักมากเป็นพิเศษ ทำไมร้านขายดอกไม้ถึงมากมายเช่นนี้ อีกทั้งการประดับตกแต่งหน้าร้าน หน้าบ้าน ยังสวยเป็นพิเศษ มีทั้งโคมไฟที่เขียนคำอวยพร ทั้งซุ้มประตูดอกไม้แบบต่างๆ ที่สวยงามมากพอที่จะสร้างสรรค์กันออกมาได้ เรามีแขกบ้านแขกเมืองมาเยือนหรือ ทำไมทั่ว ทั้งเมืองหลวงแลดูคึกคักเช่นนี้ นี่ข้าตาฝาดไปหรือไม่ ทำไมสาวๆ เยอะมากขนาดนี้ เดินตามถนน เหมือนกับการจัดนิทรรศกาลการหาคู่ก็มิเชิง แต่ละคนแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งกายเต็มยศ สวยละลานตาไปหมด และทุกคนมีตะกร้าดอกไม้ น่าสนใจยิ่งนัก

“ขออภัยเจ้าค่ะ ทำไมวันนี้ถนนสายนี้ถึงคึกคักยิ่งนักเจ้าคะ”

ชุนเอ๋อ สาวใช้ประจำตัวฟางซินเอ่ยถามกับหญิงสาวที่ถือตะกร้ากลีบดอกไม้ที่มองไปยังประตูเมืองฝั่งตะวันออกอย่างใจลอย และตอบกลับมาว่า

“วันนี้เป็นวันที่ท่านอ๋องเฉิงกลับเข้าเมืองหลวง หลังจากชนะศึกปราบกบฏแคว้นเว่ยไง เจ้าไม่รู้เหรอ ท่านอ๋องเฉิงลี่หมิง แม่ทัพหน้าหยกคนนั้นน่ะ”

ว๊าวววว มิน่าล่ะ สาวๆ ถึงได้เต็มถนนขนาดนี้ ที่แท้

“คุณหนูเจ้าคะ ๆๆ”

ฟางซินกำลังสอบถามคนขายดอกไม้ข้างทางอยู่ ถึงสายพันธ์ดอกไม้ต่างๆ ที่นางมี และกำลังเจรจาขอซื้อจากสวนของนาง ต้องตกใจกับเสียงของชุนเอ๋อ

“เจ้าเป็นอะไร ใครรังแกเจ้างั้นเหรอ เรียกซะเสียงดัง”

“ไม่ใช่เจ้าค่ะๆ ข้าจะบอกว่า วันนี้ท่านอ๋องเฉิงจะเสด็จกลับเมือง ผู้คนเหล่านี้คือผู้ที่จะมาต้อนรับ และมาชื่นชมความน่าเกรงขามของท่านอ๋องหน้าหยกเจ้าค่ะ”

ฟางซินหันกลับมามอง

“แล้ว….ยังไงล่ะ”

ชุนเอ๋อ “คุณหนู เรารีบไปหาร้านน้ำชา แล้วนั่งรอดูเถิดเจ้าค่ะ อีกเดี๋ยวคงจะมาถึงกันแล้ว คนน่าจะเยอะกว่านี้มากเจ้าค่ะ ไปกันเจ้าค่ะๆๆ”

ว่าแล้วนางก็เดินนำคุณหนูไปร้านน้ำชาแห่งหนึ่งบนถนน และบอกเด็กร้านน้ำชาว่า

“ข้าจองห้องส่วนตัว ระเบียงชั้น 2 ให้คุณหนูข้า 1 ห้อง”

เสี่ยวเอ้อ เห็นกระนั้น จึงตอบว่า

“ขออภัยคุณหนู ห้องชั้น 2 ของเราเต็มหมดทุกห้องเลยขอรับ ตอนนี้ไม่มีที่ว่างเลยขอรับ”

อะไรกัน มาช้าไปเหรอ

“ข้าจ่าย 2 เท่า ขอห้องเรา 1 ห้อง เจ้าหามาสิ”

ฟางซินถึงกับดึงแขนสาวใช้

“ชุนเอ๋อ พอเถอะ ข้าไม่ได้อยากดื่มชา ข้าทำธุระเสร็จก็จะกลับแล้ว เหตุใดต้องมารอดูขบวนนี้ด้วยเล่า”

“ไม่ได้นะเจ้าคะคุณหนู โอกาสดี ๆ แบบนี้ จะปล่อยผ่านได้อย่างไรเจ้าคะ ขบวนกองทัพที่ชนะศึก เราไม่ได้เห็นกันบ่อย ๆ นะเจ้าคะ รอซักครู่ ให้เป็นหน้าที่ข้าเองเจ้าค่ะ”

“เสี่ยวเอ้อ ว่าอย่างไร มีมั้ย”

“เรียนคุณหนูทั้ง 2 มีห้องหนึ่งว่างอยู่ ผู้จองได้จองไว้ แต่ไม่มา ท่านสามารถใช้ห้องนั้นได้ขอรับ แต่…”

“แต่อะไรล่ะ”

ชุนเอ๋อถาม

“แต่ท่านต้องจ่าย 3 ตำลึงขอรับเพราะห้องนั้นคือห้องที่จองไว้ก่อนแล้ว และต้องเผื่อที่จะจ่ายคืนผู้จองเดิม หากเขากลับมาขอรับ

” ได้เลยๆ เอาไปๆ ทีนี้ นำทางข้ากับคุณหนูข้าได้หรือยัง”

“ขอรับๆ เชิญทางนี้เลยขอรับ”

ห้องส่วนตัวนี้ดีมาก ๆ เห็นวิวชัดมาก มีห้องกั้นเป็นสัดส่วน ชุนเอ๋อสั่งอาหารมา 2 -3 อย่าง พร้อมชาอย่างดีมาให้คุณหนู และมองผู้คนมากมายด้านล่างอย่างรู้สึกตื่นเต้น ฟางซินกลับมองว่า ผู้คนมากมายเช่นนี้ มาต้อนรับคนผู้เดียว เค้าจะเป็นอย่างไรนะ

“เฉิงลี่หมิง ใช่มั้ย ถ้าฟังไม่ผิด ชื่อที่เสี่ยวเอ้อบอกชุนเอ๋อ ชื่อนี้ข้าคุ้น ท่านพ่อเคยบอกว่า เขาเป็นแม่ทัพและท่านอ๋องที่อายุยังน้อย มิใช่เชื้อพระวงศ์ หากศักดิ์นี้ได้สืบทอดมาจากบิดา ที่ร่วมกันออกศึกเมื่อ 17 ปีก่อน พร้อมกับบิดาของนาง และองค์ฮ่องเต้ แต่บิดาของเขา สิ้นชีพกลางสนามรบ ยศอ๋องนี้เลยตกทอดมายังลูกชาย ซึ่งมีความสามารถไม่ต่างกับบิดา เมื่ออายุ 25 ปี เขาสามารถปราบกบฏที่เกิดขึ้นในแคว้นหานได้สำเร็จ ความชอบมากมาย เป็นที่น่าเกรงขาม เป็นทั้งแม่ทัพ และท่านอ๋องในคราวเดียวกัน”

“น่าสนใจ"

นางลำพึงเบาๆ

เมือถึงยามซื่อ (ประมาณ 10 โมง) เสียงกลองดังขึ้น ประตูฝั่งตะวันออก ได้ค่อยๆ เปิด ทันใดนั้นเอง เสียงผู้คนมากมายได้ดังขึ้น ทั้งตื่นเต้น ดีใจ ถึงเวลาซักที ทุกคนต่างเตรียมตะกร้าดอกไม้โปรยจนทั้งถนนตอนนี้ เหมือนมีใครนำดอกไม้นานาชนิดปูเป็นพรมก็มิปาน ขบวนกองทัพเข้าเมืองมาแล้ว!!

เสียงกีบมา เดินมาเป็นจังหวะ ทหารชุดแรก ถือธง มีป้ายว่า “เฉิง” นำขบวนมา ตามด้วยกองทหารเดินเท้า ทุกคนถือหอกสูงตามทหารม้า ผ่านซุ้มที่โปรยด้วยดอกไม้ทุกทิศทุกทาง เพื่อเป็นการต้อนรับกลับบ้าน บางคนก็ถือดอกไม้ ยื่นให้ทหารที่เดินผ่าน เป็นภาพที่น่าประทับใจยิ่งนัก

“นั่น ใช่เขามั้ย ใช่มั้ยๆ คนที่อยู่ตรงกลางขบวนนั่น”

เสียงเรียกมากมายเรียกให้ดู พร้อมกับเสียงกรี๊ดเบาๆ ของสตรีหลายคน ทำให้ฟางซินมองไปตามเสียงนั้น ทันใดนั้นเอง นางก็ได้เห็นเขาชัดๆ

ชายรูปงาม ขี้ม้าศึกสีดำ สวมเกราะเหล็กสีเงิน มวยผมรวบไว้ด้านหลัง ใบหน้าดั่งหยก จมูกเป็นสันชัดเจน ยิ่งมองด้านข้างยิ่งชวนตะลึง สายตาที่แน่วแน่ หากเพียงยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก คงจะทำให้สตรีรอบๆ เกิดอาการวิงเวียนได้ง่ายโดยแท้ ท่ามกลางผู้คนด้านล่างนั้น สิ่งเดียวที่เป็นจุดเด่นของหญิงสาวตอนนี้คือ ท่านแม่ทัพเฉิงผู้นี้

ฟางซินใจเต้นแรง สายตามองลงไปที่ท่านอ๋องเฉิงผู้นี้ ไม่กล้าละสายตา แม้บุรุษที่เคยเจอมาจะไม่มากก็จริง แต่หากด้วยบุคลิก และท่วงท่า หน้าตาแบบนี้ ไม่เคยเห็นมาก่อน นี่หน้าที่สวรรค์ปั้นมาใช่หรือไม่ นี่ข้า เป็นอะไรไป ทำไม ใจเต้นแรงแบบนี้ อาการแบบนี้ ข้าจะเป็นอันตรายหรือไม่ รู้เพียงว่า ไม่อาจละสายตาจากเขาได้เลย

เฉิงลี่หมิงมองไปรอบๆ ผู้คนมากมายที่ให้การต้อนรับ ผู้คนเหล่านี้ คือคนที่ข้าต้องปกป้อง พลังบริสุทธิ์ ส่งผ่านความห่วงใย ทุกครั้งที่ออกรบ เขามักจะให้กำลังใจทหารทุกคนว่า เขาอยากจะพาทุกคนกลับบ้าน วันนี้คือวันที่ได้เห็น สายตาพลันเหลือบขึ้นไปเห็น สตรีที่อยู่ชั้นบน หลายคนมองลงมา ทั้งดอกไม้ที่โปรยมาจากทุกทิศทุกทาง

“เมืองหลวงนี้มีแต่สาวงามจริงๆ”

“เค้ามองข้าๆๆๆๆ”

ห้องข้างๆ ฟางซินตะโกน

“เจ้าเห็นมั้ย เค้ามองข้า เค้าเห็นข้าจริงๆ ข้าตื่นเต้นจนจะเป็นลมอยู่แล้ว”

ฟางซินและชุนเอ๋อ ถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ไม่แปลกเลยที่จะมีอาการเช่นนี้

“แม่ทัพหน้าหยก อืม เป็นเช่นนั้นจริงๆ”

ขบวนผ่านไปแล้ว บัดนี้น่าจะถึงวังหลวงแล้ว ได้เวลากลับจวนเสียที ก่อนที่ท่านแม่ (ฮูหยินเอก) จะหาเรื่องทำโทษข้า