ตอนที่ 2 ยินดีที่ได้รู้จัก
เมื่อฟางซินกลับถึงจวน ในเรือนใหญ่นั้นดูแปลกกว่าทุกวัน ทำไมวันนี้ช่างวุ่นวาย บ่าวไพร่ สาวใช้ วิ่งสวนทางกัน ทั้งเข้า-ออก เกิดอะไรขึ้นกัน หรือที่จวนจะมีแขกมางั้นหรือ ชุนเอ๋อรีบเข้าไปสอบถาม
“อารุ่ย เกิดอะไรขึ้นเหรอ ที่จวนจะมีแขกรึ ทำไมช่างดูวุ่นวายกันเยี่ยงนี้”
“ฮูหยินใหญ่แจ้งว่า คืนนี้ทุกคนในจวนต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองในวังหลวง ท่านเลยสั่งให้เตรียมของขวัญ ของกำนัล และเครื่องแต่งกายให้คุณหนูรอง วุ่นวายไปหมด ข้าต้องไปเตรียมน้ำให้คุณหนูรองอาบก่อน ไปนะ”
ว่าแล้ว สาวใช้เรือนใหญ่ก็รีบวิ่งไป งานเลี้ยงเหรอ งั้นก็ได้กินฟรีน่ะสิ เยี่ยมเลย ฟางซินคิดในใจ ทุกครั้งที่มีงานฉลองที่วังหลวง นางมักจะเพลิดเพลินกับอาหารทั้งคาว-หวานที่ในวังจัดสรรมาให้แขกในงานได้ลิ้มลอง
“ต้องไปหาท่านแม่รอง ไปกัน ชุนเอ๋อ”
“ท่านแม่รองเจ้าคะ”
ฟางซินเรียกฮูหยินรอง ลู่ถังซิน
“มาแล้วเหรอ ซินเอ๋อแม่นึกว่าเจ้าจะกลับมาไม่ทันซะแล้ว แม่ส่งเครื่องแต่งกายไปให้เจ้าที่ห้องแล้ว เจ้าก็รีบเตรียมตัว ยามอิ๋น(บ่าย 3-4 โมง) มาเจอกันที่โถงรับแขกนะ”
“ในวังหลวงมีงานฉลองอะไรหรือเจ้าคะ หรือฉลองที่แม่ทัพเฉิงปราบกบฏ ได้หรือเจ้าคะ”
ฮูหยินแปลกใจเล็กน้อย
“เจ้ารู้จักท่านอ๋องเฉิงด้วยหรือ”
“เปล่าเจ้าค่ะท่านแม่ เพียงแต่วันนี้ข้าได้ทันเห็นขบวนของท่านอ๋องเข้าเมืองมาเจ้าค่ะ เลยเดาว่าวังหลวงอาจจะจัดงานฉลองให้ท่านอ๋องผู้นี้เจ้าค่ะ”
ฮูหยินรองยิมให้นาง
“เจ้าคาดเดาได้ถูกต้อง เจ้าไปเตรียมตัวเถิด เหลือเวลาไม่มาก เดี๋ยวจะไม่ทัน อย่าให้ผู้ใหญ่รอ”
“เจ้าค่ะท่านแม่” ฟางซินรับคำ และรีบกลับห้องเพื่อเตรียมตัวอย่างว่าง่าย
ณ ห้องโถงกลาง จวนแม่ทัพลู่
“ท่านแม่ ลูกว่า ปากลูกมันซีดไปหรือไม่เจ้าคะ ชุดนี้มันสีไม่เด่นไป หรือเครื่องประดับมันน้อยไปหรือไม่เจ้าคะ”
ลู่หนิงเซียนเฝ้าถามมารดาของนางเป็นรอบที่ 5 วันนี้นางใส่ชุดสีชมพู ประดับด้วยเครื่องเงินที่หรูหรา เครื่องประดับบนศีรษะล้วนประดับด้วยเงินและไข่มุกชั้นเลิศจากร้านเครื่องประดับชั้นนำ ที่สั่งทำขึ้นมาโดยเฉพาะ ปิ่นปักผมและต่างหูเข้าชุดกัน แต่งหน้าอ่อนๆ แต้มชาดที่แก้มสีชมพูเข้ม ปากทาชาดสีชมพูกลีบบัวช่างเข้ากับรูปปากเป็นกระจับของนางยิ่งนัก มองแล้วงดงามกว่าสตรีใด
“ท่านพี่ กับฟางซินทำไมยังไม่มาอีก ช้าตลอดเลย เสียมารยาทยิ่งนัก"
นางกล่าวแบบรำคาญ
“บ่นเป็นคนแก่เลยนะเซียนเอ๋อ เจ้ายังมิได้ออกเรือน บ่นเหมือนหญิงชราไปได้”
จินเยว่แหย่นาง
“ท่านว่าใครเป็นหญิงแก่ ท่านนี่ปากเสียซะจริง ถึงว่าล่ะ หาสตรีแต่งเป็นภรรยาไม่ได้สักที”
นางสวนกลับ
“พอแล้วๆ ยิ่งฟังยิ่งปวดหัว เจ้า 2 คนพี่น้องจะคุยกันดีๆ ไม่ได้เลยหรือไง”
ฮูหยินใหญ่ปรามทั้งคู่
“เยว่เอ๋อ ท่านแม่เจ้าล่ะ มารึยัง”
แม้ว่าฮูหยินใหญ่ ไม่ค่อยชอบฮูหยินรองนักก็จริง แต่นางรักและเอ็นดูบุตรชายคนเดียวของตระกูลดังบุตรของตนเลยทีเดียว
“มาแล้วขอรับท่านแม่ แม่รองไปรับซินเอ๋ออยู่ขอรับ”
“ต้องให้ผู้ใหญ่ไปรับ ไร้มารยาทอะไรเพียงนี้” หนิงเซียนกล่าว
“ข้ามาแล้วเจ้าค่ะ”
ไม่ต้องให้รอนาน ฟางซินพยุงฮูหยินรองมาพร้อมกัน ฟางซินในชุดสีขาวมีมุกประดับ ประดับเครื่องประดับมุกและทองเหลือง ซึ่งตัดกับสีชุดของนางได้อย่างหน้ามอง แต่งแต้มหน้าเพียงเล็กน้อย ชาดสีชมพูอ่อนบนริมฝีปากนั้น สีช่างเป็นธรรมชาติคล้ายดอกกุหลาบพันปีในวังหลวง ผิวขาวราวไข่มุกของนาง ทำให้เครื่องหน้าและผมของนาง ราวกับส่องประกายออกมาจากตัวได้ หนิงเซียนกัดปากและบิดผ้าเช็ดหน้า ข้าเตรียมตัวตั้งแต่เช้าเพื่องานเลี้ยงนี้ ทำไมต้องมาแต่งตัวแข่งกับข้า เดี๋ยวได้เห็นดีกันแน่ นางคิดในใจ
“ไปกันได้แล้ว”
ลู่ต้าตงเอ่ย รถม้า 2 คัน ออกจากจวนแม่ทัพ มุ่งหน้าไปยังวังหลวง
……วังหลวง …..
ห้องโถงใหญ่ สำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง และสำหรับเลี้ยงฉลองในโอกาสต่างๆ บัดนี้ได้ตกแต่งอย่างงดงามสำหรับงานฉลองครั้งนี้
“ท่านแม่ทัพลู่ ท่านมาแล้ว ยินดีๆ มาๆ ทางนี้ๆ”
ใต้เท้าซูหมิง เสนาบดีกรมคลัง รอต้อนรับอยู่
“ดีใจที่ได้พบท่านนะท่านซู มานานแล้วหรือ” แม่ทัพลู่ทักทาย
“สักพักแล้วๆ มาๆ ข้าแนะนำให้รู้จัก บุตรชายข้า ซูเผิง เค้าพึ่งได้รับราชการปีนี้ เข้ากรมคลังเหมือนข้า นี่แม่ทัพลู่ต้าตง แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ของแคว้นเรา”
ซูเผิง “คารวะแม่ทัพลู่ขอรับ”
ลู่ต้าตง “ท่านยกย่องเกินจริงไปแล้ว ใต้เท้าซู ข้ามิกล้ารับหรอก สวัสดีนะหลานชาย”
ซูหมิง “มิได้ๆ”
“ข้าแนะนำให้รู้จัก ฮูหยินทั้ง 2 ของข้า ลู่เหลียน และลู่ถังซิน และลูกๆ ของข้า จินเยว่ หนิงเซียน และ ฟางซิน”
“คารวะใต้เท้าซู”
ทั้ง 3 คำนับ ซูเผิงเงยหน้าตาม ตกตะลึงเมื่อเจอหญิงงามทั้ง 2 ตรงหน้า โลกนี้ยังมีหญิงงามขนาดนี้อยู่เหรอ พวกนางมาจากเมืองเซียนหรือเปล่า ช่างงามจริงๆ
“ดูลูกชายข้าสิ ไม่ทันไรก็อึ้งกับความงามไปเลย ใต้เท้าลู่โปรดอภัย อย่าถือสา”
ใต้เท้าซูรีบแจง
“เรื่องของหนุ่มสาว ย่อมเป็นธรรมดา ฮ่าๆๆท่านอย่าได้คิดมากไป เราเข้าไปข้างในกันเถอะ”
“ใต้เท้าลู่ เชิญก่อนเลย เชิญๆ ”
ซูหมิงกล่าว พร้อมเดินตามคณะของตระกูลลู่เข้าไป
“นั่นเขาเหรอ”
ฟางซินสะดุดกับชายหนุ่มที่ถูกรุมล้อมตรงกลางห้องโถง วันนี้เขาสวมชุดสีขาว ถักทอด้วยไหมสีน้ำเงิน ซึ่งตัดกับชุดสีขาวอย่างเข้ากัน ห้อยป้ายหยกที่ประณีตที่เอว ผมรวบไว้ด้านบนครึ่งศีรษะอย่างประณีต ในยามไม่มีชุดเกราะ เขาก็เป็นชายที่รูปร่างดีคนหนึ่งเลยทีเดียว
ใจหญิงสาวเต้นแรงไม่หยุด เอาอีกแล้วเหรอเนี่ย เกิดอะไรขึ้น ทำไมใจเต้นแรง มือไม้สั่นขนาดนี้ เก็บอาการไว้ หายใจลึกๆ ใจเย็นไว้ๆๆ นางบ่นในใจ ของกิน ใช่ หาของกินดีกว่า จะได้ใจเย็นลง
“ข้าน้อย เฉิงลี่หมิง คารวะท่านแม่ทัพลู่ และฮูหยินทั้ง 2”
ทันใดที่ชายหนุ่มเข้ามาทักทาย หนิงเซียนรู้ทันทีว่า ข้าต้องเป็นพระชายาของเค้าให้ได้
“ใต้เท้าเฉิง อย่าได้เกรงใจ เราคนกันเอง”
“ศึกครั้งนี้ ลำบากท่านแล้วนะ” แม่ทัพลู่กล่าว
“มิได้ขอรับท่านลุง เป็นหน้าของข้าขอรับ ท่านลุงสบายดีนะขอรับ”
เนื่องจากบิดา และลู่ต้าตง คือสหายร่วมรบ และเป็นสหายที่สนิทกัน เฉิงลี่หมิง และแม่ทัพลู่ จึงมีความสนิทสนมกัน
“ข้าสบายดี หลานชายอย่าได้ห่วง มา ข้าแนะนำให้รู้จักลูกๆ ของลุงนะ นี่จินเยว่ ลูกชายคนโตของลุง คงรู้จักกันแล้ว และนี่ก็ หนิงเซียน และ ฟาง….”
“ฟางซินไปไหนแล้ว”
“ท่านพ่อ น้องคงไปหาของรับประทาน เช่นเดิมเจ้าค่ะ” หนิงเซียนกล่าว
“หนิงเซียน คารวะท่านอ๋องเพคะ”
เฉิงลี่หมิงสะดุดไปครู่หนึ่ง ช่างงามจริง สมกับเป็นบุตรีท่านลุงลู่ ได้ข่าวว่าชื่อเสียงความงามของบุตรีลูกสาวแม่ทัพลู่มานาน พึ่งมาประจักษ์ต่อความจริง ก็วันนี้
“ลี่หมิง เจ้าพึ่งมาถึงเมืองหลวง ว่างๆ ให้เยว่เอ๋อ พาเที่ยวสิ”
แม่ทัพลู่กล่าว
“ยินดีขอรับท่านลุง แล้วข้าจะแวะไปเยี่ยมท่านลุงด้วยขอรับ จวนพระราชทานของข้า อยู่ใกล้จวนท่านลุง คงได้ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ขอรับ”
พูดแล้วก็แอบมองหนิงเซียน นางทำท่าเขินอาย และแอบตีแขนมารดาเบาๆ ฮูหยินรอง อดเอ็นดูหนุ่มสาวตรงหน้ามิได้
“ไปเถิด ฮ่องเต้และฮองเฮาจวนใกล้เสด็จแล้วล่ะ หาที่นั่งกันเถอะ” แม่ทัพลู่กล่าว
“เจ้าไปไหนมา แอบไปหาของกินมาอีกแล้วเหรอ”
จินเยว่ถามน้องสาวคนเล็ก
“แหม ท่านพี่ก็อย่ารู้ทันไปซะหมดสิเจ้าคะ ข้าน่ะ นอกจากของกินแล้ว ยังไปเจรจาเรื่องการค้ามาด้วยเจ้าค่ะ งานนี้คุ้มสุดๆ ไปเลย”
“ข้าเจอนางในหลายคนเลย ใช้เครื่องหอมของข้า ข้าเลยกระซิบบอกพวกนางว่า อีก 5-6 วันจะมีสินค้าออกใหม่ ข้ารอนับเงินเลยงานนี้”
“ฮ่องเต้ และ ฮองเฮา เสด็จ”
เสียงหวังกงกงตะโกน ทุกคนทำความเคารพ และนั่งลงในที่ตนเอง งานเลี้ยงดำเนินไปเรื่อย ๆ ฟางซินแอบมองท่านอ๋องเฉิง ซึ่งตอนนี้เขานั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม และนางพึ่งสังเกตเห็นตอนนี้เองว่า สายตาท่านอ๋อง ก็มองมาเช่นกัน แต่ทว่า….
ท่านอ๋อง มองผู้ที่นั่งอยู่ข้างหน้าของนาง นั่นคือ ลู่หนิงเซียน พี่สาวของนาง ทั้งคู่มองสบตากัน พร้อมกับยกจอกสุรา ก่อนจะดื่มพร้อมกัน ภาพเบื้องหน้า ทำให้หญิงสาวเกิดอาการเจ็บจิ๊ดๆ ที่ใจ อะไรกัน นี่มันคืออะไรกัน ทำไมรู้สึกกระอักกระอ่วน หม่นหมอง และเศร้าถึงเพียงนี้ ใบหน้าของท่านอ๋องตอนนี้ มีรอยยิ้มบางๆ เกิดขึ้น เพราะพี่สาวนางเช่นนั้นเหรอ เฮ้ออ และแล้วถึงเข้าใจ อ่านในนิยายพวกนั้นมาก็เยอะ ฟังเพลงงิ้วมาก็เยอะ ไม่นึกว่าจะเจอกับตัวเอง รักแรก ที่พบ และจบไปพร้อมกัน ช่างน่าเศร้าซะจริงๆ สายตาข้า มองไปที่คนๆ เดียว คือท่าน ช่างน่าขำที่สายตาท่าน ก็มองไปที่คนๆ เดียวเช่นกัน ซึ่งไม่ใช่ข้า ดื่มให้ตัวเอง แล้วจบเรื่องนี้ซะเถอะ ฟางซิน!