บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 พบกันอย่างเป็นทางการ

หลังกลับจากงานเลี้ยงเมื่อคืน ฟางซินแทบจะจำไม่ได้เลยว่ากลับมาที่ห้องได้อย่างไร รู้แต่ว่าเดินอย่างใจลอย มายังห้องของตน ปล่อยสาวใช้จัดการทุกอย่าง และนางก็หลับลง หวังว่าเรื่องในคืนนี้ จะเป็นเพียงฝันไป

ปวดหัวซะจริง สุราแค่นิดหน่อยเองนะ จากนี้ข้าคงไม่ดื่มอีกแล้ว

“คุณหนู ท่านตื่นแล้วเหรอเจ้าคะ สินค้าตัวใหม่ พร้อมนำไปส่งที่หอจันทราแล้วนะเจ้าคะ”

ชุนเอ๋อรายงาน

“ไปกัน แต่งตัวให้ข้าที ได้เวลาทำงานแล้ว”

ใช่แล้ว นางไม่มีเวลาคิดเรื่องพวกนี้ นางหวังเก็บเงินได้มากพอที่จะไปจากเมืองนี้ ไปแคว้นจ้าว เพื่อสืบหาเรื่องราวของท่านแม่ ถึงแม้ท่านพ่อจะดีกับนาง แต่ก็ไม่สามารถจะห้ามความอยากรู้ความจริงนี้ได้ นางไม่อาจทนให้ใครมาดูถูกมารดาของตนได้ ถึงจะไม่รู้ที่มาแน่นอน แต่นางก็ยังแอบสืบเรื่องนี้อย่างลับๆ มาตลอด

“ไปหอจันทรา”

นางบอกคนขับรถม้าของจวน

“ขอรับคุณหนู”

เอ๋ มีรถม้าจอดหน้าจวน รถของผู้ใดกัน มาเยือนแต่เช้าเช่นนี้ ม่านรถม้าเปิด จังหวะเดียวกันกับที่ฟางซินเปิดม่านหน้าต่างดู นางไม่มีทางจำผิด ชุดขาว รูปร่างสมส่วน หน้าตาดั่งหยก ท่านอ๋องเฉิง ใจนางเจ็บอีกแล้ว ไม่ต้องเดา คงมาหาท่านพี่สินะ หึ ดีแล้วที่ข้าออกมาก่อน จะได้ไม่ต้องเห็นท่านอีก

“ชุนเอ๋อ วันนี้ข้าอยากเที่ยว อยากซื้อเครื่องประดับใหม่ เจ้าอยากได้อะไรบอกข้า วันนี้ข้าเลี้ยงเอง”

ชุนเอ่อถึงกับงุนงงกับคำกล่าวของคุณหนู ปกติคุณหนูประหยัดมาก แม้แต่เครื่องประทินโฉม นางยังทำเอง เครื่องประดับก็ล้วนแต่เป็นฮูหยินรอง ที่จัดหาให้ นางบอกว่าเรื่องพวกนี้ไม่จำเป็น แต่วันนี้ นางว่าไงนะ จะซื้อเครื่องประดับ งั้นเหรอ ว๊าววว คุณหนูข้าโตแล้วสินะ เสร็จธุระจากหอจันทราแล้ว ทั้งคู่เลยออกมาเดินเล่นตลาด วันนี้ก็คึกคักเช่นเดิม เนื่องจากเริ่มเปิดเมืองให้ทำการค้าขายจากแคว้นอื่นๆ กันแล้ว แผ่นดินสงบ การค้ารุ่งเรือง

“ต่างหูหยกคู่นี้งามยิ่งนัก เอ๋ มี 2 คู่เชียว เถ้าแก่ ต่างหูหยกนี่ขายยังไง”

ต่างหูคู่นี้ช่างสะดุดตานัก หยกล้อมรอบเป็นระย้า มีพลอยสีแดงอยู่ตรงกลาง หยกนี้ช่างประณีตยิ่งนัก สะดุดตาเหลือเกิน

“เถ้าแก่ ข้าซื้อคู่นี้”

“ไม่ได้ออกมาเดินเล่นซะนาน ตลาดคึกคักนะเจ้าคะท่าน... เอ่อ พี่เฉิง”

หนิงเซียนคุยอย่างสนิทสนม เนื่องจากอยุ่ข้างนอก ฐานะย่อมต้องปิดบัง

“เจ้าเคยอยากออกมาด้วยเหรอ ปกติเห็นแต่อยากได้อะไรก็เรียกไปที่จวน”

จินเยว่กล่าว หนิงเซียนถึงกับหันมาค้อนพี่ชาย

ต่างหูนี่งามยิ่งนัก เฉิงอ๋องรำพึงในใจ

“เถ้าแก่ ข้าอยากได้ต่างหูคู่นี้”

“ข้าให้เจ้า คุณหนูหนิงเซียน ถือว่าเป็นของขวัญพบหน้านะ”

“ขอบพระทัย … ขอบคุณท่านพี่เฉิงเจ้าค่ะ”

หญิงสาวเอียงอาย เขาให้เรียกว่าท่านพี่เฉิง ถือว่าให้ความสนิทสนมอีกขั้น

“คุณชายช่างตาแหลมยิ่งนัก ต่างหูนี้ ช่างผู้ทำขึ้น ทำมาแค่ 2 คู่เท่านั้น”

“อ้าว แล้วอีกคู่นึงล่ะเถ้าแก่”

หนิงเซียนถามด้วยความใคร่รู้

“มีแม่นางคนนึงซื้อไปแล้วขอรับ”

แต่ข้าไม่อยากได้ของเลียนแบบใครนี่นา แต่คู่นี้ ท่านอ๋องเป็นคนซื้อให้เชียวนะ ช่างเถอะ คงไม่เจออีกคู่นึงง่ายขนาดมั้ง ราคาขนาดนี้ หญิงในเมืองนี้ มีหรือจะกล้าซื้อ

“คุณหนูเจ้าคะ วันนี้ซื้อหนักไปไหมเจ้าคะ ทั้งเครื่องประดับ เสื้อผ้าชุดใหม่ ไหนจะผ้าไหมเป็นม้วนอีก”

ชุนเอ๋อบ่นอุบอิบ

“นานๆ ทีน่ะ ซื้อให้ท่านแม่รองด้วย ใกล้จะถึงวันเกิดนางแล้ว ข้ายังไม่ได้เตรียมของขวัญให้ท่านแม่รองเลย”

“เอ๊ะ ข้างหน้ามีอะไรกันเหรอ ทำไมคนมุงกันเต็มเลยล่ะ”

พ่อค้า “รถของเจ้าชนข้าวของข้าเสียหาย เจ้าต้องรับผิดชอบสิ”

“รถข้าวิ่งมาเฉยๆ และกำลังจะจอด ท่านตั้งใจมาชนข้าเอง แล้วจะให้ข้ารับผิดชอบสิ่งใด”

เอ๋ หน้าตาพ่อค้านั่นคุ้นๆ นะ อ๋อ นักต้มตุ๋นในเมือง ที่ชอบหลอกคนเมืองอื่นนี่เอง

พ่อค้า “ไม่ได้ เจ้าต้องรับผิดชอบ ของข้าทั้งหมดนี่ 500 ตำลึงทอง”

“แพงขนาดนั้นเชียว นี่แค่กระถางดอกไม้ไม่กี่ต้นเองไม่ใช่เหรอ”

“ดอกไม้พวกนี้ ข้าจะส่งไปขายที่ร้านทำเครื่องหอม มันต้องปลูกด้วยดินและปุ๋ยชนิดพิเศษ เจ้าต้องจ่ายมา”

“เอ๋ เดี๋ยวก่อนๆ เจ้าว่าไงนะ เจ้าจะเอาไปส่งที่่ร้านเครื่องหอมเหรอ ร้านใดหรือ”

พ่อค้า “ข้าจะนำไปส่ง ร้านฟางหลิง เขาผลิตเครื่องหอมส่งที่หอจันทรา เจ้าอย่ามาขวางข้า”

“เจ้าบอกว่า ดอกไม้เหล่านี้ปลูกด้วยดินและปุ๋ยเฉพาะ แต่ข้าจำได้ว่าไม่เคยรับสินค้าจากบุคคลภายนอก แล้วยังไม่เคยใช้ดิน และปุ๋ยแบบพิเศษเพื่อปลูกมัน และที่สำคัญ ดูๆ ไปแล้ว ดอกไม้พวกนี้ เหมือนมาจากร้านขายต้นไม้ที่คัดออก เพราะมันใกล้จะตายแล้ว เจ้า กำลังจะนำมันไปทิ้ง แต่ได้โอกาสหลอกคนต่างเมือง เพื่อเอาเงินใช่หรือไม่”

พ่อค้า “เจ้าเป็นใครกัน อย่ามาทำเป็นรู้ดี ข้าไม่ได้มีเรื่องกับเจ้า ถอยออกไป”

“ก่อนหน้าไม่มี แต่ตอนนี้มีแล้ว เจ้าบอกว่าจะเอาไปส่งร้านฟางหลิง แอบอ้างชื่อร้านข้า แล้วจะไม่เกี่ยวกับข้าได้เช่นไรกันเล่า" ฟางซินกล่าว

“หน้าเจ้าคุ้นตาข้านัก เจ้าใช่นักต้มตุ๋นที่ทางการติดตามเมื่อ 4-5 วันก่อนหรือไม่ ข้าเห็นประกาศอยู่นะ”

ซวยแล้ว ไม่น่าเลย รีบหนีก่อนเถอะ ว่าแล้วนักต้มตุ๋นก็รีบเข็นรถฝ่าวงล้อมออกไปฟางซินไม่ทันระวังเซเกือบล้ม ยังดีที่มีมือหนึ่งดึงนางไว้

“แม่นาง ระวัง”

นางกลับมายืนมั่นคงอีกครั้ง

“ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่”

ฟางซินเอ่ยถาม พร้อมดึงมือกลับมา

มือนางช่างบอบบางนัก

“ข้าน้อยไม่เป็นไร ขอบคุณแม่นางมากที่ช่วยข้าไว้ในครั้งนี้”

“ข้าน้อยชื่อเจียฟู่เฉิง มาจากแคว้นจ้าวเพื่อค้าขายผ้าไหมที่นี่ นึกไม่ถึง พอมาก็เกิดเรื่องเลย น่าขายหน้ายิ่งนัก”

อะไรนะ เมื่อกี้เขาบอกว่า มาจากแคว้นจ้าวใช่มั้ย ข้าฟังไม่ผิด

“ท่านมาจาก แคว้นจ้าวงั้นเหรอ”

“อ้อ ข้า ลู่ฟางซิน ยินดีที่ได้รู้จักนะท่านเจีย”

เจียฟู่เฉิงพึ่งสังเกตุตอนนี้นี่เอง นางช่างงดงามยิ่ง กลิ่นหอมที่ติดตัวนางช่างเป็นเอกลักษณ์ ไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อน หน้าตางดงาม สตรีแคว้นนี้งดงามราวเทพธิดาจริงๆ

“ท่านบอกว่ามาทำการค้าหรือ แล้วท่านไปลงทะเบียนที่หอการค้ารึยัง ข้านำทางท่านได้นะ ถือว่าเราเป็นสหายกันก็แล้วกันนะ”

รอยยิ้มนั่น ช่างงดงามยิ่งนัก

“ข้าไปมาเรียบร้อยแล้ว ขอบคุณคุณหนูขอรับ หากท่านไม่รังเกียจ ให้ข้า เลี้ยงชาท่าน แทนคำขอบคุณได้หรือไม่”

ดีเลย ข้าอยากรู้เรื่องแคว้นจ้าวมากกว่านี้ เผื่อจะเจอเบาะแสอะไรบ้าง

“ได้เลยคุณชายเจีย งั้นข้าไม่เกรงใจนะ ข้ารู้จักร้านน้ำชา และโรงเตี๊ยม เหมาะสำหรับพักแรมระยะยาวพอดี เชิญ”

ที่แท้แคว้นจ้าวก็เป็นเมืองน่าอยู่ ค้าขายผ้าไหม น้ำผึ้ง และเครื่องเรือน อากาศน่าจะดี เพราะอยู่ทางเหนือ เดินเท้าอาจใช้เวลานาน แต่หากเดินทางทางเรือ จะย่นระยะเวลาได้ไวกว่า ออ แบบนี้นี่เอง

“คุณชายเจีย วันนี้ข้าต้องขอตัวกลับก่อน ไว้วันหน้า เจอกันที่หอจันทรานะเจ้าคะ”

เจียฟู่เฉิงแอบเสียดาย แต่ก็มิอาจรั้งสาวน้อยไว้ เนื่องจากพึ่งจะรู้จักกันไม่นาน แต่หากเจอนางอีกครั้ง เขาคงจะไม่ยอมปล่อยนางไปแน่

“วันนี้เจอกันกระทันหัน แม่นางลู่โปรดรับของขวัญชิ้นนี้ของข้าไว้ด้วย”

ผ้าไหมสีทองอร่าม ฝีมือปักเย็บมือที่ประณีตมาก สวยงามพริ้วไหวราวกับสายน้ำ

“ผ้าไหมนี่งดงามมากๆ คุณชาย ท่านให้ของมีราคากับข้าเช่นนี้ จะดีหรือเจ้าคะ”

“ดีแน่นอน วันนี้ท่านช่วยข้าไว้ ข้าต้องตอบแทน ถือว่าเป็นทั้งของขวัญและของขอบคุณ จากข้าแล้วกันนะ คุณหนูลู่”

“งั้น คุณชายเจีย ข้าไม่เกรงใจนะ ขอบคุณท่านมาก”

เขามองตามร่างเล็กๆ พร้อมขบวนสิ่งของมากมายที่บ่าวรับใช้ถืออยู่

“แล้วเราจะได้เจอกันเร็วๆ นี้ ลู่ฟางซิน”

เขายิ้มและเดินกลับเข้าไปในโรงเตี๊ยมเพื่อพักผ่อน

กลับถึงจวนแล้ว รถม้าคันเดิม ยังจอดอยู่ เขายังไม่กลับเหรอ ช่างเถอะๆ กลับห้องก่อนค่อยว่ากัน

“ฮูหยินรอง คุณหนู 3 กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”

แม่นมอู๋แจ้ง

“เจ้าไปเรียกนางมาหาข้าที”

“เจ้าค่ะ” สาวรับใช้รับคำ

“ท่านแม่รองเรียกหาข้าหรือเจ้าคะ”

ฟางซินไม่มาเฉยๆ นางรีบสวมกอดและเริ่มออดอ้อนทันที

“เจ้าแอบหนีเที่ยวทั้งวัน อีกแล้วสินะ”

ฮูหยินรองจำใจ ใจอ่อนทุกทีที่นางมาด้วยท่าทางเช่นนี้

“วันนี้เรามีแขก มาร่วมทานอาหารเย็นด้วย เจ้าก็เตรียมตัว ออกไปรับแขกพร้อมแม่”

นางไม่ต้องเดา นางรู้แล้วว่าแขกผู้นั้นคือใคร และนางก็ไม่อยากไปเจอเขาอีก

“ท่านแม่รอง ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย วันนี้ออกไปข้างนอกแดดแรง ข้าไม่ร่วมโต๊ะด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ” นางอ้อน

“ไม่ได้ มันเสียมารยาท ยังไงก็มาสักหน่อย แล้วค่อยกลับ เจ้าไปเตรียมตัวได้แล้ว"

อ้อนไม่ได้ผล เฮ้ออ ช่างเถอะ รีบไปรีบกลับแล้วกัน

โต๊ะอาหาร ตระกูลลู่

“มาๆ ท่านอ๋องเฉิง ไม่ต้องเกรงใจนะ เชิญนั่งๆ”

แม่ทัพลู่พูดอย่างเอ็นดู

“ขอบคุณท่านลุงขอรับ ท่านลุง เรียกข้าว่าลี่หมิง เหมือนตอนข้ายังเด็กก็ได้ขอรับ”

เฉิงลี่หมิงกล่าวอย่างนอบน้อม

“ได้ๆ ลี่หมิง มาๆ นั่งใกล้ๆ ลุง เอ้า เยว่เอ๋อ มาๆ นั่งข้างๆ พ่อ มาๆๆ”

จินเยว่ทำตามคำสั่งบิดา เขาเองเลื่อมใสทั้งบิดา และตัวอ๋องเฉิงคนนี้ยิ่งนัก

“ฮูหยินใหญ่และคุณหนูรองมาแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้แจ้ง

“ท่านพ่อ ลูกมาแล้วเจ้าค่ะ”

หนิงเซียนยิ้มอย่างพอใจ และไม่ลืมส่งยิ้มน้อย ๆ ให้อ๋องเฉิงด้วย

วันนี้นางก็ยังงดงามเช่นเดิม ช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก

“ฮูหยินรอง กับคุณหนู 3 มาแล้วเจ้าค่ะ”

สาวใช้รายงานอีกรอบ

ฟางซินเข้ามาพร้อมกับฮูหยินรอง ลอบถอนหายใจเบาๆ ผู้เป็นมารดาลอบสังเกตเห็น แต่มิได้ทักอะไร

เขามาถึงก่อนแล้วสินะ เป็นดังคาด นั่งมองตากัน เหมือนกับทั้งโลกมีแค่เขา 2 คน ข้าอยากกลับห้องแล้ว ไม่อยากอยู่แม้แต่วินาทีเดียว ใจเกิดอาการจี๊ดๆ อีกแล้ว อะไรกัน มือสั่นอีกแล้ว อดทนไว้ อีกนิดเดียว ๆๆๆ เดี๋ยวก็กลับแล้ว

เฉิงอ๋องแปลกใจ ทั้งยังไม่เคยเห็นคุณหนู 3 มาก่อน ลืมไปแล้วว่าแม่ทัพลู่มีบุตรสาว 2 คน งานเลี้ยงครั้งก่อนก็มิทันได้เจอกัน เพราะนางแอบออกไป นาง …..

ชุดสีเขียวอ่อนดุจน้ำทะเลในฤดูร้อน เครื่องประดับเรียบง่ายใบหน้าที่แทบจะไม่แต่งแต้มสีสัน ช่างดูงดงามเป็นธรรมชาติใบหน้าเรียวงาม ปากกระจับแต่แลดูอวบอิ่มราวกับได้รับการดูแลมาอย่างดี กลิ่นหอมของนาง ช่างรู้สึกสบายใจยิ่ง มันกลิ่นอะไรนะ ทำไมถึงหอมแบบนี้

“ครั้งที่แล้ว ท่านอ๋องยังไม่ได้เจอ นี่ลูกสาวคนเล็กของข้า ลู่ฟางซิน”

“ฟางซินคารวะท่านอ๋องเพคะ”

เงยหน้ามา สบตากันอีกครั้ง แย่แล้วๆๆ อดทนไว้ๆ นั่งลงๆ

“คุณหนู 3 ไม่ต้องเกรงใจ เชิญนั่งเถิด”

เฉิงอ๋องกล่าว “คารวะฮูหยินรอง”

“ท่านอ๋องมิต้องเกรงใจเจ้าค่ะ เชิญนั่ง”

ฮูหยินรองกล่าว

นาง งดงามราวกับเดินออกมาจากภาพวาด งดงามยิ่งกว่าหญิงใดในที่เคยเจอ แม้แต่ .. หนิงเซียน ที่เรียกได้ว่าเป็นสาวงามอันดับ 1 แล้วยัง… อืมมม น่าสนใจยิ่งนัก

“มาครบกันแล้วนะ เริ่มได้เลยๆ มาๆ ท่านอ๋อง ข้าดื่มให้ท่านก่อนหนึ่งจอก"

“ขอบคุณท่านลุงขอรับ”

ใช่ว่าหนิงเซียนจะไม่สังเกตเห็น กริยาแบบนั้นคืออะไร เหมือนตอนเจอข้าครั้งแรกเลยรึมิใช่ เจ้าอีกแล้วเหรอ ฟางซิน นางขบคิดแค้นอยู่ในใจ

“วันนี้ท่านอ๋อง พาลูกไปเดินตลาดมาเจ้าค่ะท่านพ่อ แถมยังซื้อของขวัญให้ลูกเยอะมากเลยเจ้าค่ะ”

“เรื่องเล็กน้อย คุณหนูมิต้องเกรงใจ” ลี่หมิงกล่าว

“ลุงขอบใจลี่หมิงที่เอ็นดูน้องนะ”

“มิได้ขอรับท่านลุง” เฉิงอ๋องกล่าว

เฉิงลี่หมิงแอบลอบมองฟางซินเล็กน้อย ทำไมนางต้องเอาแต่นั่งก้มหน้า อมทุกข์แบบนั้น การรับประทานอาหารร่วมกับเขา มันน่าอึดอัดขนาดนั้นเลยเหรอ

“ซินเอ๋อ วันนี้เจ้าแอบไปเที่ยวในเมืองทั้งวันอีกแล้วเหรอ แม่เจ้าหาเจ้าทั้งวัน”

แม่ทัพลู่ถามบุตรสาว

“ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกออกไปทำการค้าต่างหากเจ้าค่ะ วันนี้ลูกไปช่วยคนด้วย ลูกน่ะ ไปทำความดีนะเจ้าคะ อย่ามากล่าวหาลูกแบบนี้สิเจ้าคะ ท่านแม่รอง ท่านพ่อว่าข้าอีกแล้ว”

นางหันมาฟ้องฮูหยินรอง ทั้งโต๊ะหัวเราะเบาๆ แบบเอ็นดูกับกริยาขี้อ้อนของสาวน้อย มีเพียงฮูหยินใหญ่และหนิงเซียนเท่านั้น ที่ไม่คล้อยตาม

“เจ้าโตแล้ว เป็นสาวเป็นนาง ยังมิออกเรือน เที่ยวเดินเล่นทั้งเมือง ไม่เหมาะสมกระมัง” ฮูหยินใหญ่กล่าว

“ท่านแม่เจ้าคะ วันนี้พี่รองบอกเองว่าออกไปเที่ยวกับท่านอ๋องมา ท่านจะมาว่าแต่ข้าคนเดียว ไม่ถูกมั้งเจ้าคะ ใช่มั้ยเจ้าคะท่านพ่อ”

ฟางซินจงใจ โยนก้อนหินไปหาพ่อ ท่านพ่อย่อมยุติธรรมที่สุด

“อะแฮ่ม เอาล่ะ พอแล้ว ทานข้าวเถอะ วันนี้เรามีแขก เรื่องอื่น ว่ากันทีหลัง”

ฟางซินแอบยิ้มแบบผู้ชนะ ฮูหยินรองปรามเบาๆ ด้วยสายตา นางหงอยไปนิดนึง แล้วก้มหน้ายิ้มกับชัยชนะเล็กน้อยเหนือ 2 แม่ลูกนี้ได้ ถือว่าคุ้ม เงยหน้าขึ้นมา สบตากับเฉิงอ๋องแบบไม่ทันตั้งตัว เค้ามองมาเมื่อไหร่เนี่ยย ตายแล้วๆๆ หมดกัน พลาดไปแล้ว

ในใจเฉิงอ๋องกลับขำ คำว่า "ท่านอ๋อง" ที่หญิงสาวเอ่ยออกมา มันช่างเพราะยิ่งนัก ห้ามไม่ได้ที่จะแอบลอบมองนาง ท่าทางที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์นั้น อดขำไม่ได้ นางช่างน่ารักเสียจริง น่าสนใจ น่าสนใจมากจริงๆ

อาหารมื้อนี้ก็ไม่แย่เท่าไหร่ ถึงตอนนี้ การได้ระบายความรู้สึกบางอย่างออกไป ก็รู้สึกดีขึ้น มองหน้าเขา ก็ไม่ใจเต้นแรงมากเหมือนครั้งก่อนๆ อีกแล้ว ต่อไปคงสามารถพุดคุยเหมือนปกติได้แล้ว ต้องขอบคุณฮูหยินใหญ่กับพี่รองจริงๆ

เวลาบนโต๊ะอาหาร หมดไปกับการฟังเรื่องราวการปราบกบฏ ที่ผ่านมาของท่านอ๋อง แผนการรบและการโอบล้อมศัตรูถือว่ายอดเยี่ยม ท่านพ่อเองดูเหมือนจะภาคภูมิใจราวกับเป็นบิดาของท่านอ๋องเลยทีเดียว แม้ว่าหนิงเซียนจะพยายามเรียกร้องความสนใจจากท่านอ๋องเป็นบางเวลา ตอนนี้ ฟางซิน กลับรู้สึกขำในใจเล็กน้อย ถึงท่านอ๋องจะสนใจนาง แต่เหมือนในใจฟางซิน ก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว……

ถึงเวลาส่งแขก ในที่สุดก็อยู่จนจบงานเลี้ยงมื้ออาหารมื้อนี้

“เดี๋ยวลุงเดินไปส่งเจ้าเอง ลี่หมิง”

“ท่านแม่รอง เดี๋ยวข้าไปส่งท่านนะเจ้าคะ ข้ามีเรื่องจะเล่าให้ท่านฟังเยอะเลย”

“ทูลลาท่านอ๋องเพคะ”

ฟางซินและฮูหยินรองลาท่านอ๋อง และนางก็พยุงฮูหยินรองเดินกลับไป

สายตาเฉิงอ๋อง มองตามนางไปแบบไม่รู้ตัว จนกระทั่ง

“ข้าไปส่งท่านอ๋องกับท่านพ่อด้วยเพคะ” หนิงเซียนกล่าว

“ไม่ต้องหรอก เจ้ากลับเข้าไปกับท่านแม่เถอะ ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่านอ๋อง”

แม่ทัพลู่ปรามบุตรสาว เขารู้ดีว่านางรู้สึกอย่างไรกับอ๋องเฉิง แต่เพื่อไม่ให้เกินขอบเขต จึงต้องห้ามปรามไว้บ้าง

“ทูลลาท่านอ๋องเพคะ”

ฮูหยินใหญ่และหนิงเซียน จำใจต้องกล่าวลา แล้วเดินจากไป

เฉิงอ๋องกล่าวลาแม่ทัพลู่ ขึ้นรถม้ากลับจวน ระหว่างทางกลับ นั่งนึกย้อนเหตุการณ์ในวันนี้ ช่างน่าสนใจยิ่งนัก อยากรู้นักว่านางอยากเล่าอะไรให้ฮูหยินรองฟัง ข้าอยากฟังด้วยเหลือเกิน รอยยิ้มนั่น ลืมได้ยากมากจริงๆ …..
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel