ตอนที่ 4 ท่องเมืองจิ่งโจว
“ได้ ๆ แต่ตอนนี้ท่านลองชิมขนมนี่หน่อย อ้าปากสิ”
สีหน้าเบิกบานใจและรอยยิ้มที่สดใสตรงหน้าของสตรีอายุน้อยทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วน เจียงอี้หานแทบจะไม่เคยเจอสตรีที่ใจกล้าเช่นนางมาก่อน ยิ่งอยู่ใกล้ ๆ เช่นที่นางทำยิ่งไม่เคยพบ เขาจึงทำตัวไม่ถูก
“ข้าบอกว่าให้ท่านอ้าปาก”
“ข้ากินเองได้ ขอบใจเจ้ามากเจ้ากินเองไปเถอะ”
“อะไรกันขนมนี่เสี่ยวจูชอบมากเลยนะ ใช่หรือไม่เจ้าแมวอ้วนจอมขี้เกียจ!!”
นางพูดพลางเอาขนมที่จะป้อนเขาหันไปให้แมวที่นอนบนตักของนางกินแทน เจียงอี้หานรู้สึกอึดอัดมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าเขากินขนมแบบเดียวกับแมว แม้ว่าจะไม่อยากถือสาแต่ที่นางทำนี่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องปกติที่สตรีอื่นคิดจะทำเมื่อไหร่
“คุณหนูกู้ บ่ายนี้ข้ามีธุระคงจะอยู่ต้อนรับเจ้าไม่ได้แล้ว”
“ท่านจะไปไหนงั้นหรือ”
“คือข้า….”
เขายังไม่ทันได้คิดเรื่องนี้ แค่อยากจะสลัดจากสตรีน่ารำคาญตรงหน้านี้ไปเท่านั้น เขาอยากจะเดินดูให้ทั่วเมืองสักหน่อยเพื่อจะได้วางแผนจัดการเรื่องงานสืบสวนต่อ แต่สองวันมานี้กู้ม่านซีเอาแต่เกาะติดและมาหาที่จวนทุกวันจนเขาแทบจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งคุยกับนาง
“เรื่องนั้น…. คงไม่ต้องลำบาก…”
“ท่านไม่ต้องเกรงใจข้ามากหรอกน่า ท่านพ่อบอกแล้วว่าท่านพึ่งจะมาที่นี่ไม่รู้จักที่ทาง เช่นนั้นก็ไปเถอะข้าน่ะรู้จักหนทางทุกเส้นในจิ่งโจวเลยล่ะ ไปกันเถอะ”
“เอ่อ…. คุณหนูกู้นี่มันออกจะไม่เหมาะเท่าใดกระมัง เจ้าเป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือน…”
“โอ๊ยน่ารำคาญกับคำกล่าวพวกนี้ยิ่งนัก ออกเรือนไม่ออกเรือนแล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ รีบไปเถอะจิ่วหลงเอาเสี่ยวปิงมาให้ข้า”
“เสี่ยวปิง??”
“เป็นม้าของข้าเอง ท่านขี่ม้าเป็นหรือไม่หรือจะขี่เสี่ยวปิงไปกับข้า”
“ไม่ต้อง ๆ คือว่า….”
“หือ…ว่าอย่างไรนะ”
“ข้าขี่ม้าเป็น ข้า…ขี่ไปอีกตัวก็ได้”
“ก็แค่นั้นเองมัวอึกอักอยู่ได้ ไปเถอะเวลาไม่คอยท่านะ”
เจียงอี้หานหันไปมองต้าจื่อที่จูงม้ามาให้เขาแล้วถึงกับส่ายหัว เขาไม่ชอบคุณหนูกู้ผู้นี้เอาเสียเลย ตั้งแต่ย้ายมานางก็เอาแต่เข้ามาวุ่นวายในจวนไม่จบสิ้น แม้ว่าจะมาพร้อมกับอาหารดี ๆ และของใช้ที่จำเป็นสำหรับคุณชายของเขาแต่นางก็ยังเป็นสตรีที่น่ารำคาญสำหรับเขาอยู่ดี ซึ่งข้อนี้เจียงอี้หานเองก็เห็นด้วยกับต้าจื่อ
“เหตุใดเราต้องไปกับนางอีกแล้วเล่าขอรับคุณชาย”
“ข้าไม่มีช่องทางให้ปฏิเสธได้เลยนี่ ทำอย่างไรได้เล่าหากว่าคิดจะสืบเรื่องการทุจริตทางที่รวดเร็วที่สุด ก็คงต้องอยู่ใกล้ชิดกับขุนนางที่ดูแลเรื่องนี้มิใช่หรือ”
“ท่านจงใจย้ายมาจวนใกล้กับใต้เท้ากรมตุลาการ แต่ใครจะคิดว่าจะพ่วงคนน่ารำคาญอย่างคุณหนูกู้มาด้วย”
“ก็ไม่แน่นะ หมากตัวนี้อาจจะมีประโยชน์ในอนาคตก็ได้ใครจะรู้ ขี่ตามนางไปเถอะ”
กู้ม่านซีพาเขาค่อย ๆ ขี่ม้าลัดเลาะไปตามเส้นทางในเมืองจิ่งโจว คิดไม่ถึงว่าคุณหนูกู้ผู้นี้จะมิได้เก่งเพียงคำคุย เพราะว่านางรู้แทบจะทุกที่ในเมืองนี้จริง ๆ เขาหันไปมองต้าจื่อที่อ้าปากค้างเมื่อกู้ม่านซีค่อย ๆ อธิบายเส้นทางหลัก ทางรองและเส้นทางลัดในเมืองจิ่งโจวให้เจียงอี้หานฟัง
“ท่านไม่ต้องลำบากจดหรอกองครักษ์ต้า เดี๋ยวข้าจะพาพวกท่านไปที่ที่หนึ่ง ที่นั่นจะทำให้ท่านเข้าใจจิ่งโจวมากกว่าผู้ใด ตามมาเถอะ”
กู้ม่านซีขี่ม้านำพวกเขาขึ้นไปยังเนินเขาทางตะวันตกซึ่งเป็นเนินเขาร้างที่ไร้ผู้คนอาศัย เจียงอี้หานและต้าจื่อหยุดม้าเอาไว้ก่อนที่จะตามนางขึ้นไป
“นี่นาง คงมิได้หลอกพวกเรามาทำอะไรหรอกกระมังขอรับคุณชาย”
“เจ้าคิดว่าสตรีเพียงคนเดียวจะจัดการข้าได้งั้นหรือ”
“นี่นางคิดอะไรแผลง ๆ อีกแล้ว หลอกให้ท่านมาที่นี่คงมิใช่ว่า…. คุณชายถ้าอย่างไรเรากลับเถิดขอรับ”
“คุณชายเจียง!! เหตุใดพวกท่านช้านักเล่า อีกไม่นานก็จะเย็นแล้วเดี๋ยวจะไม่ทันเอานะ”
“คุณชาย!!”
อี้หานมองตามกู้ม่านซีที่นั่งยิ้มให้เขาอยู่บนหลังอาชาสีขาวของนาง สีหน้าของนางไร้พิษภัย และตลอดทั้งบ่ายนี้ก็เป็นนางที่ช่วยย่นเวลาในการท่องรอบเมืองจิ่งโจวด้วยความตั้งใจมิใช่หรือ หากครั้งนี้จะเชื่อนางอีกสักครั้งคงไม่มีปัญหา
“ขออภัยคุณหนูกู้ม้าของข้ามันแค่เหนื่อยน่ะ จะตามไปเดี๋ยวนี้”
“เช่นนั้นก็รีบมาเถอะ ข้าไม่อยากให้ท่านพลาดของดีเมืองจิ่งโจวหรอกนะ”
“นางคงมิได้หมายถึงตัวเองใช่หรือไม่ขอรับ คุณชายนี่อันตรายมากคุณชายคิดให้ดี…คุณชาย!! อย่าไปเลยขอรับ”
“เจ้าพูดเหลวไหลอะไรกัน เจ้าคิดว่านางจะทำอะไรข้าได้ จับข้าแล้วข่มขืนอย่างนั้นหรือ เจ้าลืมแล้วหรือว่าข้าเป็นใคร”
“แต่ว่า!! สตรีผู้นี้หาได้เหมือนสตรีทั่วไปไม่ ข้าเกรงว่า…”
“หากเจ้าไม่ไปก็รออยู่ที่นี่ เจ้าอย่าลืมสิว่านางช่วยเรามาทั้งวัน เส้นทางนอกใน ลับแค่ไหนในจิ่งโจวมิใช่นางหรอกหรือที่เป็นคนบอกเจ้าน่ะ”
“นั่นก็…แต่ว่านางก็ไม่น่าไว้ใจอยู่ดี”
“ย่าส์!!…”
“คุณชาย รอด้วยขอรับ”
ต้าจื่อควบอาชาตามผู้เป็นนายขึ้นไป เส้นทางที่กู้ม่านซีพาพวกเขาขึ้นไปดูเหมือนจะรกร้างตรงทางเข้าก็จริง แต่เมื่อเข้าไปกลับพบว่าที่นี่เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ เส้นทางก็มิได้น่ากลัวเหมือนกับทางเข้า ไม่นานนักก็ถึงเนินเขากว้างซึ่งตอนนี้กู้ม่านซีควบม้าเสี่ยวปิงของนางไปหยุดอยู่ที่นั่น
เมื่อเจียงอี้หานหยุดตามนาง สิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้าทำให้เขาต้องหันมามองใบหน้าของสตรีที่กำลังหันมามองเขาเช่นกัน สิ่งนี้ทำให้นางยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“นี่มัน…”
“ยอดเยี่ยมมากเลยใช่หรือไม่ หากมองจากเนินเขาตรงนี้ ท่านก็จะเห็นทุกช่วงถนนหนทางในจิ่งโจวชัดราวกับมีแผนที่กางอยู่ตรงหน้าท่านเลย ที่นี่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ข้าค้นพบเมื่อไม่นานนี้เองตอนมาหาสมุนไพรในป่านี้ ท่านเป็นคนแรกที่ข้าพามาที่นี่ เป็นอย่างไรคุณชายเจียงท่านชอบหรือไม่”
เจียงอี้หานคิดไม่ถึงเลยว่าสตรีที่เขาเอาแต่บ่นในใจว่าไร้มารยาทน่ารำคาญจะรู้จักเมืองจิ่งโจวและยังรู้จักที่ดี ๆ เช่นนี้ หากตัดความน่ารำคาญของนางออกไปนางนับว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถอีกคนหนึ่ง แม้แต่ต้าจื่อเองก็ต้องเลื่อมใสนางในครานี้เอง เพราะเขาไม่คิดว่ากู้ม่านซีจะพามาในที่ที่เป็นประโยชน์กับเขาเช่นนี้
“ตรงกลางนั่นเป็นวังหลวงของจิ่งโจว โดยรอบนั่นเป็นจวนขุนนาง ท่านเห็นนั่นหรือไม่ทางทิศตะวันออก นั่นเป็นหอประตูเมืองชั้นใน….”
ครั้งนี้เขาตั้งใจฟังนางพูดทุกคำ ต้าจื่อเองก็เผลอตัวฟังราวกับต้องมนต์สะกด เพราะที่กู้ม่านซีพูดและอธิบายล้วนแต่เข้าใจง่ายและเมื่อมองภาพจากมุมสูงเช่นนี้พวกเขายิ่งไม่ต้องเสียแรงที่จะมาสำรวจเอง
จวนของอี้หาน
ภาพแผนที่ถูกวาดขึ้นมาอย่างรวดเร็วกว่าเมืองอื่น ๆ ที่เขาเคยไป ต้าจื่อใช้เข็มปักลงไปตามที่ต่าง ๆ ตามคำบอกเล่าของคุณหนูกู้
“คิดไม่ถึงเลยว่าเราจะได้แผนที่โดยละเอียดของทั้งเมืองจิ่งโจวนี้มาได้ภายในเวลาไม่ถึงวัน เมืองอื่น ๆ ก่อนหน้านี้เราเสียเวลาไปเกือบสิบวันเลยนะขอรับ”
“เจ้ายังบ่นว่านางน่ารำคาญอยู่อีกหรือไม่ต้าจื่อ”
“ข้าน้อย!!…ถ้าเว้นเรื่องนี้ออกไป นางก็ยังเป็นสตรีที่เอาแต่ใจอยู่ขอรับ แต่ว่าเรื่องแผนที่นี่ต้องขอบคุณนางจริง ๆ”
“เห็นทีว่าข้าควรต้องจัดหาของขวัญชั้นเยี่ยมไปคารวะใต้เท้ากู้พรุ่งนี้เสียแล้ว”