บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 เพื่อนใหม่ข้างจวน

“ใช่เจ้าค่ะ เร็ว ๆ เข้าท่านหมอหลุน ข้ารีบวิ่งมาที่นี่ก็เพื่อให้ท่านช่วยมัน เสี่ยวจูเจ้าอดทนไว้ก่อนนะแมวน้อย”

“แมวน้อยงั้นหรือ คุณหนูกู้แมวตัวนี้มันแทบจะอ้วนเกือบจะเป็นลูกหมูได้แล้ว”

“ท่านหมอ รีบ ๆ เข้าเถอะน่าเดี๋ยวมันก็ตายหรอก”

“ท่านรออยู่ที่นี่ก่อน อีกเดี๋ยวข้าน้อยจะต้องใช้เครื่องมือคีบก้างออกมาจากปาก เสร็จแล้วจะรีบพามันออกมาส่ง”

“ได้ ๆ ฝากท่านด้วยเจ้าค่ะ”

หมอหลุนเดินเข้ามาอุ้ม “เสี่ยวจู” ที่กู้ม่านซีบอก มันมองหน้าหมอหลุนอย่างไม่ไว้ใจนัก มันครางเสียงขู่ในลำคอแต่ก้างที่ยังค้างในคอทำให้ไม่กล้าแผลงฤทธิ์มาก

“ข้าจะอุ้มมันแล้วตามท่านหมอเข้าไป มันไม่ไว้ใจให้คนอื่นอุ้มสักเท่าใดนัก”

“เช่นนั้นก็ได้ขอรับ เชิญคุณหนูอุ้มแมวตามข้ามาทางนี้”

ไม่นานท่านหมอก็ให้คุณหนูกู้เป็นผู้จับแมวยักษ์นั่นเอาไว้ ท่านหมอง้างปากมันออกและใช้คีมคีบก้างที่ยาวพอประมาณออกมาได้จนสำเร็จ แมวอ้วนเริ่มสบายคอและหันมากินน้ำที่หมอหลุนเตรียมเอาไว้ใน ในนั้นเขาผสมยาแก้ปวดลงไปให้มันกินด้วยเพื่อไม่ให้คุณหนูสกุลใหญ่ผู้นี้เป็นกังวล

“เฮ้อ รอดแล้วนะเสี่ยวจู วันหลังก็อย่าตะกละกินเร็ว ๆ แบบนั้น ถ้าไม่ได้ท่านหมอละก็เจ้าตายไปแล้วนะ มานี่ มาขอบคุณท่านหมอก่อนเร็วเข้าเจ้าหนูน้อย”

นางยกแมวยักษ์ที่หน้าตาบู้บี้ขึ้นมาต่อหน้าหมอหลุน

“เร็วเข้าขอบคุณท่านหมอก่อน”

แมวยักษ์หน้าตาไม่รับแขกแล้วยังแยกเขี้ยวใส่หมอที่พึ่งจะรักษาเอาก้างออกจากคอพร้อมกับเสียงขู่ในลำคอที่ทำให้ท่านหมอรีบโบกมือให้นางพามันลงและอยากให้นางรีบ ๆ ออกไปจากร้านของเขาเสียที

เงินก้อนโตวางเอาไว้เพื่อเป็นค่ารักษา แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขาแค่คีบก้างออกจากปากแมวแต่เขาก็อดขำไม่ได้หลังจากส่งนางกลับไป

“ฮึ ก้างติดคอแมว ข้าเป็นหมอมายี่สิบกว่าปีพึ่งจะเคยเห็น แมวโง่ที่กินปลาจนก้างติดคอ แมวอะไรตัวใหญ่กว่าลูกหมูเสียอีก”

หลังจากที่พาเจ้าแมวไปรักษาแล้วขากลับกู้ม่านซีก็ค่อย ๆ ขี่ม้ากลับไปยังจวนสกุลกู้ นางพึ่งสังเกตว่าจวนข้าง ๆ มีคนย้ายเข้ามาอยู่แล้วเพราะคนที่เริ่มขนของเข้าไปนางนึกสงสัยจึงหันมาถามองครักษ์ของตัวเอง

“นี่จิ่วหลง เจ้ารู้หรือเปล่าว่าผู้ใดที่ย้ายมาอยู่จวนข้าง ๆ”

“เห็นว่าเป็นคุณชายเจ้าสำอางคนหนึ่งขอรับคุณหนู ดูแล้วน่าจะเป็นบัณฑิตหรือไม่ก็คนในราชสำนักนะขอรับเพราะว่าข้าวของเครื่องใช้นั่นมีตราขุนนางฝ่ายกลาโหมของวังหลวงอยู่”

“อ้อ ที่แท้ก็ขุนนางจากวังหลวงหรอกเหรอ น่าเบื่อจริงเสี่ยวจูเจ้าพึ่งจะหายรีบเข้าไปพักข้างในดีกว่า”

แมวอ้วนที่เอาแต่นอนได้แต่ส่งเสียงตอบกลับเจ้านายของมันเท่านั้น นอกจากกินกับนอนแล้ว “เสี่ยวจู” แมวขี้เกียจของกู้ม่านซีก็แทบจะไม่ได้ออกกำลังกายเลย แม้ว่าเจ้าของจะหมั่นฝึกยุทธ์มากขนาดไหนก็ตาม

“ชุนหลิน”

“เจ้าค่ะคุณหนูท่านกลับมาแล้วเหรอเจ้าคะ”

“เอะอะทำไมกันเดี๋ยวท่านพ่อก็ดุข้าอีกหรอก เอาข้าวให้เสี่ยวจูกินหน่อยสิมันคงหิวแล้วไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้า อ้อ เอายานี่ผสมในน้ำให้มันกินด้วยนะ”

“เจ้าค่ะ มาเร็วเสี่ยวจูพี่สาวจะพาไปกินข้าวนะ มา ๆ”

เพียงแค่คำว่า “กินข้าว” เสี่ยวจูก็ยินดีที่จะเดินตามสาวใช้ของนางไปทันทีโดยที่ไม่ต้องเรียกซ้ำ กู้ม่านซีเดินเข้ามาในห้องส่วนตัว ไม่นานสาวใช้ก็เดินตามนางมาและทักนาง

“เอ๊ะ คุณหนูเจ้าคะ ปิ่นเงินของท่านหายไปไหนเสียเล่าเจ้าคะ”

“อะไรนะ ปิ่นหรือ”

นางเดินไปส่องที่คันฉ่องในห้องและพบว่าปิ่นสีเงินของนางหายไปอันหนึ่งจริง ๆ ซึ่งนางจำไม่ได้เลยว่าไปตกที่ใด

“แย่จริงไม่ทันได้มองเลยหากเจ้าไม่ทักละก็คงไม่รู้”

“ซีเอ๋อร์ ซีเอ๋อร์”

“ท่านพ่อ ลูกอยู่นี่เจ้าค่ะ”

“เจ้ากลับมาแล้วงั้นหรือ มาคุยกับพ่อสักหน่อยสิ”

“เจ้าค่ะ ชุนหลินฝากดูเสี่ยวจูด้วยนะเดี๋ยวข้ามา”

“เจ้าค่ะ”

เสี่ยวจูกินข้าวเสร็จแล้วชุนหลินจึงพามันไปนอนเล่นที่ระเบียงด้านหลังซึ่งเป็นสวนและมีต้นไม้ใหญ่เป็นที่ที่มันชอบไปฝนเล็บและมักจะไปปีนต้นไม้เล่นตอนยังเล็ก แต่ตอนนี้มันอ้วนและขี้เกียจแม้แต่จะกระโดดขึ้นกำแพงระเบียงเตี้ย ๆ นั่นด้วยซ้ำไป

ห้องโถงเล็ก

“ท่านพ่อท่านมีอะไรหรือเจ้าคะ”

“เจ้าเคยได้ยินชื่อของ "เพชฌฆาตไร้เงา" หรือเปล่า"

“มือปราบลับของฝ่าบาทที่มักจะปรากฏตัวในทุก ๆ ที่ที่มีการทุจริตในการสอบขุนนางท่านพ่อถามทำไมหรือเจ้าคะ หรือว่าท่านพ่อคิดว่าเขาจะมาที่นี่ เมืองจิ่งโจวนี้เพราะกำลังจะมีการสอบคัดเลือกขุนนาง”

“ใช่แล้วล่ะ เพียงแต่ว่าครั้งนี้การสอบมีคณะตรวจสอบจากเมืองหลวงที่ถูกส่งมาก่อนหน้านี้ตายไปแล้วสองคน ทั้งสองยังไม่ทันได้มาถึงเมืองจิ่งโจวนี่ด้วยซ้ำไป พ่อกำลังนึกสงสัยว่ากำลังมีคนวางแผนร้ายสำหรับการสอบครั้งนี้หรือไม่”

“แต่คนผู้นี้มีชื่อเสียงในยุทธภพและเป็นขุนนางลับของฝ่าบาท ร่ำลือกันว่าทำงานเงียบไร้สุ้มเสียง ผู้ที่ได้พบเขาคือผู้ที่ชะตากำลังจะถึงฆาตเพราะถูกจับได้ในคดีทุจริต ปลิดชีวิตไม่เคยรอดสักคนแม้ว่าเป็นสตรีก็หาได้สนใจไม่ ลงมือเด็ดขาดเลือดเย็นโดยไม่ต้องถือป้ายคำสั่ง”

“การทุจริตแม้ว่าจะมีร้อยหูพันตาก็มีช่องโหว่ ครั้งนี้เป็นการจัดการสอบในรอบสี่ปีของจิ่งโจว แน่นอนว่าต้องถูกจับตามองเป็นพิเศษ เห็นว่าฝ่าบาทส่งขุนนางที่ไว้ใจได้มาช่วยพ่อในการดูแลเรื่องการสอบครั้งนี้ นี่เขาก็ย้ายมาแล้วอยู่ที่จวนข้าง ๆ นี่เอง หากว่าเจ้ามีเวลาก็แวะไปดูแลเขาหน่อยก็แล้วกัน สองสามวันนี้เขาคงมาขอพบพ่อ เราก็ต้องต้อนรับขับสู้อย่างเหมาะสม”

“ขุนนางของฝ่าบาทแต่ทำไมลูกต้องดูแลด้วยล่ะเจ้าคะ ไม่เอาหรอกเสียเวลาเที่ยวข้าหมด”

“เฮ้อ เจ้าก็อย่าเอาแต่เที่ยวเล่นไปวัน ๆ เป็นถึงบุตรสาวขุนนางแล้วนี่ก็ถึงวัยที่จะออกเรือนได้แล้ว เป็นเช่นนี้จะมีบุรุษใดอยากมาสู่ขอเจ้ากันเล่า พ่อเองก็เริ่มแก่แล้ว อีกอย่าง....”

“ท่านพ่อ!! ลูกยังไม่ได้คิดเรื่องนั้นเสียหน่อยเจ้าค่ะเหตุใดท่านเอาแต่พูดเรื่องนี้ ทั่วทั้งจิ่งโจวนี้บุรุษใดจะเหมาะสมกับลูก ไม่ว่าจะเป็นบุตรขุนนาง หรือพวกแม่ทัพนายกองก็ไม่เข้าตาลูกสักคน”

“เฮ้อ…อย่างเจ้ายังจะเลือกอีกหรือ”

“ท่านพ่อ!”

“ไม่ใช่ พ่อหมายถึง…บุรุษที่ดีน่ะ…ช่างเถอะ ๆ อะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็ทำไปเถอะพ่อจะไม่ห้าม แต่เรื่องที่เจ้าขี่ม้าผ่าเมืองวันนี้น่ะอย่าได้ทำอีกเชียว พ่อไม่อยากฟังเสียงชาวบ้านบ่นตามหลัง”

“ข้ามิได้ทำเช่นนั้นนะเจ้าคะ ก็เสี่ยวจูกินปลาแล้วก้างติดคอข้ากลัวว่ามันจะตายเลยรีบพาไปหาหมอก็เท่านั้นเอง”

“เฮอะ เจ้าแมวโง่นั่นแม้แต่กินปลายังทำก้างติดคอ เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ”

“คุณหนูเจ้าคะ”

“อะไร มีอะไรทำไมหน้าตาแตกตื่นขนาดนี้”

“คือว่า…คือ…”

สาวใช้ของนางวิ่งมาเรียกถึงในห้องโถง ใต้เท้า “กู้เหว่ย” เจ้ากรมตุลาการที่นั่งอยู่ด้านในเคยชินแล้วกับท่าทีเช่นนี้ของสาวใช้บุตรสาว ซึ่งท่าทางเช่นนี้ไม่บอกก็รู้ว่าคงเกี่ยวกับแมวของบุตรสาวเป็นแน่

“เจ้าเป็นอะไรทำไมวิ่งหอบมาแบบนี้เสี่ยวจูเล่า”

“นั่นแหละเจ้าค่ะปัญหา คือว่าเสี่ยวจูแย่แล้วเจ้าค่ะ”

“ก่อเรื่องอะไรอีกล่ะครั้งนี้ นี่ซีเอ๋อร์แมวของเจ้าตัวนี้แม้ว่าจะน่ารักแต่พ่อว่ามันดูโง่ไปหน่อยนะ”

“ท่านพ่อ!! ข้าไม่ได้เลี้ยงแมวหลวงอย่างองครักษ์จั่นเจานี่เจ้าคะถึงจะได้เก่งวรยุทธ์แบบนั้น”

“ยังจะเถียงอีก ชุนหลินเจ้ารีบพูดมาเจ้าโง่เสี่ยวจูนั่นทำอะไร”

“ระ เรียนนายท่าน คุณหนู…เสี่ยวจูมันปีนต้นไม้หนีน้ำแล้วตอนนี้…. ลงมาไม่ได้เพราะกลัวเจ้าค่ะ”

""อะไรนะ!!""
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel