บท
ตั้งค่า

ร้ายกว่าหลินหลินก็หยางหยางนี่แหล่ะ2

เวลาผ่านไปจนถึงเวลาเคสหน้ากล้อง

หลินหลินสามารถเคสหน้ากล้องจนผ่านไปอย่างราบรื่น

ต่อมาหลังจากที่หลินหลินได้ทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอเพียงมานั่งสวยๆอย่างเงียบสงบอยู่ภายในห้องแต่งตัวปล่อยให้ข้างนอกพากันวุ่นวายตามแผนการของเธอ

เพียงไม่นานเสียงของพี่ทีมงานคนหนึ่งก็เดินกระหืดกระหอบมาทางหลินหลินก่อนเอ่ยถาม "คุณน้องหลินหลินคะ เห็นนภัทร์บ้างหรือเปล่าคะ"

หลินหลินละสายตาจากโทรศัพท์ในมือเงยหน้าขึ้นมองสบตากับพี่ทีมงานด้วยแววตาใสซื่อ ใบหน้าได้รูปทำท่าครุ่นคิดอย่างให้ความร่วมมือ

เธอขมวดคิ้วนิดนึงกลอกตาเล็กน้อยก่อนเอ่ย

"ขอหลินหลินคิดก่อนนะคะ อืม..."

หลินหลินคิดอย่างใจเย็นให้คนฟังรออย่างใจจดใจจ่อ ก่อนพูดด้วยประโยคที่ไม่ได้ช่วยอะไร "ไม่เห็นเลยค่ะ"

"ขอบคุณค่ะ คุณน้อง" พี่ทีมงานรีบขอบคุณตามมารยาทก่อนทำท่าจะเดินผละไป

"ให้หลินหลินช่วยตามหาให้มั้ยคะพี่" หลินหลินเอ่ยขึ้นอย่างมีน้ำใจไปทางพี่ทีมงาน

"ไม่เป็นไรค่ะ คุณน้องหลินหลินต้องรอถ่ายฟิตติ้งเซตต่อไป ขอบคุณค่ะ"

หลินหลินมองตามพี่ทีมงานไปก่อนจะนั่งก้มดูตารางงานในโทรศัพท์ที่บริษัทส่งมาให้อย่างใจเย็นอย่างต่อเนื่อง

"แย่จัง ห้องน้ำปิดทำความสะอาด" เสียงของผู้หญิงคนพลันหนึ่งดังขึ้นเพื่อบอกกล่าวแก่หลินหลิน เธอคนนี้เป็นช่างทำผมให้หลินหลิน "พี่ต้องอ้อมไปเข้าอีกฝั่งหนึ่ง เสียเวลาเลยค่ะน้องหลินหลิน"

"ไม่เป็นไรค่ะคุณพี่ หลินรอได้" หลินหลินตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบายอารมณ์

"น้องนภัทร์ล่ะคะ เห็นเขาวิ่งหากันให้วุ่น สงสัยถอดใจไม่เคสแล้ว" ผู้หญิงคนเดิมชวนหลินหลินคุยขณะเข้ามาทำผมให้หลินหลิน

"ออกไปกับหนุ่มหล่อที่ไหนแล้วหรือเปล่าคะ" หลินหลินพูดหยอกเล่นอย่างตั้งใจ

"อุ๊ยตาย! คุณน้องไปรู้อะไรมาคะ"

"หลินพูดเล่นค่ะคุณพี่ อาจจะแค่รูปลักษณ์เหมือนกัน คงไม่ใช่คนเดียวกันหรอกค่ะ แหม!"

"แล้วไปค่ะคุณน้อง" จบคำสองสาวเพียงหัวเราะให้กันคิกคักอย่างไม่มีความหมายตามมารยาทสังคม

หลังจากที่หลินหลินได้โชว์ฝีมือในการสวมบทบาทของนางเอกในละครเรื่องวุ่นนักรักซะเลยให้ผู้กำกับและทีมงานได้ชมโดยไร้คู่แข่งแล้วนั้น จึงเป็นอันสรุปได้ว่าบทนางเอกที่จะได้ฟิตติ้งในลำดับต่อไปคงไม่ใช่ใครนอกจากเธอ

เนื่องจากว่าหลินหลินนั้นมีเวลาให้กับงานละครอาทิตย์ละสามวันเพราะต้องแบ่งเวลาเอาไปเรียนและงานอื่นๆอีกตามเงื่อนไขของบริษัทต้นสังกัดของเธอ

ดังนั้นแล้วเมื่อเคสหน้ากล้องเสร็จแล้วจึงต้องเร่งทำการฟิตติ้งกันเลย

เรียกได้ว่าถ้าโผล่หน้ามาล่ะก็ถูกใช้งานกันคุ้มเลยทีเดียว

และในระหว่างที่หลินหลินกำลังนั่งรอการเซตฉากสำหรับฟิตติ้งนั้นเสียงโวยวายของนภัทร์ก็ดังขึ้นมา

"ภัทร์ถูกขังไว้ในห้องน้ำจริงๆนะคะ พี่" นภัทร์กำลังแก้ตัวกับพี่เลี้ยงของเธอที่พาเธอมาเคสติ้งในวันนี้

"มันจะเป็นไปได้ยังไง ถ้าถูกขังเอาไว้จริงๆ โทรศัพท์มาบอกก็ได้" พี่เลี้ยงของเธอถามขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์และไม่ต้องการรับฟัง เธอคงคาดหวังเอาไว้มากแล้วก็คงผิดหวังอย่างแรง

"ก็โทรศัพท์พัง" นภัทร์ยังคงเถียงพี่เลี้ยงคอเป็นเอ็น

"อะไรจะบังเอิญปานนั้น เมื่อเช้ายังโทรคุยกันได้อยู่"

"ก็..." นภัทร์อึกอักพลางหันมาทางหลินหลิน "ก็มีคนแกล้งภัทร์"

หลินหลินเห็นสายตาที่มองมาจากนภัทร์ที่ยืนคุยกับพี่เลี้ยงอยู่ไม่ไกลกันจึงมองตอบกลับไปด้วยสายตาที่บ่งบอกว่า อย่ามาหาเรื่อง!

ในเมื่อไม่มีหลักฐานชี้ชัดใดๆ แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าพูดจาพล่อยๆให้ตัวเองเสียหน้าเสี่ยงอื้อฉาว

นภัทร์จึงเงียบไป ก่อนจะเดินกระแทกกระทั้นด้วยอาการเอาแต่ใจอย่างไม่ปิดกั้นแล้วออกไปจากสถานที่แห่งนี้โดยไม่มีการร่ำลาผู้หลักผู้ใหญ่ในกองละครหรือทีมงานคนใด

หลินหลินเพียงปรายตามองตามอย่างนึกสะใจด้วยใบหน้าเรียบเฉยเก็บกดอารมณ์กรี๊ดกร๊าดสุดๆเอาไว้เป็นอย่างดี

อันที่จริง เรื่องราวของนภัทร์มีต้นเหตุมาจากหลินหลิน

เหตุการณ์ก่อนหน้านี้นั้น หลินหลินได้อาศัยจังหวะที่ยัย นภัทร์นั่นกำลังยกน้ำส้มขึ้นดื่ม เธอจึงทำทีลุกขึ้นพรวดพราดจนชนเข้ากับช่างทำผมของเธอ จนช่างทำผมของเธอเซถอยหลังไปชนเข้ากับนภัทร์ที่กำลังกระดกแก้วน้ำส้มดื่มอยู่

ผลที่ได้ก็คือน้ำส้มหกใส่เสื้อผ้าและโทรศัพท์ของนภัทร์

และในขณะที่นภัทร์ไปเข้าห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดคราบน้ำส้มนั้น หลินหลินก็แอบเดินตามไป รอจนยัยนั่นเข้าห้องน้ำแล้วเธอก็เอาป้ายทำความสะอาดมาแขวนไว้ก่อนจะล็อคประตูชั้นนอกแล้วค่อยๆเอาอะไรแข็งๆเล็กๆมาขัดไว้กับกลอนประตูห้องน้ำที่นภัทร์เข้าไป

เสร็จแล้วเธอก็มารอเรียกเคสติ้งอยู่อย่างใจเย็น

เดิมทีนั้นผู้กำกับสั่งทีมงานบอกว่าให้รอนภัทร์ให้มาเคส

แต่หลินหลินโวยวายว่าถ้ารอนภัทร์ เธอก็จะไม่เคส ให้ทางทีมงานเลือกเอาว่าจะเคสคนที่พร้อมตรงนี้หรือจะรอคนที่ยังไม่มา

ถ้ารอ เธอก็จะสละสิทธิ์

ให้ทีมงานรอจนเวลาล่วงเลยไม่ได้งานไม่ได้การ

สุดท้ายทุกคนก็ต้องยอมเธอด้วยเหตุผลนี้นั่นเอง

แต่จะว่าไป เขาคงเลือกเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้วมั้ง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีคู่แข่งแค่ยัยนภัทร์อะไรนั่นคนเดียวหรอก

หลินหลินคิดในใจอย่างหลงตัวเอง ขณะขับรถเลี้ยวเข้าไปที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเพื่อให้ทันเข้าเรียนตอนบ่ายโมง

วันนี้มีเรียนวิชาที่หลินหลินคิดว่ามันยากมากๆแถมยังต้องทำรายงานกันเป็นกลุ่มๆอีก

หลินหลินจึงตัดสินใจเข้าหาคนที่ท่าทางเรียนเก่งที่สุดในชั้นเรียนแล้วหลอกล่อด้วยอาหารมื้อค่ำกับหนุ่มหล่อสุดเพอร์เฟค ที่อยู่ในสังกัดเดียวกันกับเธอ

และมันก็ได้ผล

เพื่อนเธอคนนี้ยอมทำรายงานให้เธอแต่โดยดี

แม้เธอจะยังไม่รู้ว่าจะเลือกใครให้เป็นหนุ่มหล่อสุดเพอร์เฟคมาให้เพื่อนคนนี้ก็ตามที เดี๋ยวเอาไว้ค่อยเลือกจากผู้ชายใน สต๊อกของเธอก็แล้วกัน

เวลาเรียนที่ต้องนั่งเรียนในห้องเรียนนั้นหลินหลินไม่ค่อยจะมีปัญหา เพราะว่าเธอมักจะทำมันได้ดีอยู่เสมอ

เพียงแต่ว่า ถ้าหากจะต้องทำรายงานเป็นกลุ่มๆแล้วต้องให้มายุ่งวุ่นวายกันที่บ้านของเธอหรือจะต้องให้เธอคอยวิ่งตามไปที่นั่นที่นี่กับบรรดาสมาชิกในกลุ่มนั้น เธอไม่ค่อยจะชอบสักเท่าไหร่

มันจึงไม่แปลกที่วิชามนุษยสัมพันธ์ของเธอจึงเป็นวิชาที่เธอเรียนได้คะแนนน้อยที่สุดมาโดยตลอด

เวลาต่อมา...เมื่อเรียนเสร็จแล้วหลินหลินก็ตรงไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งเพื่อไปร่วมงานอีเว้นท์เครื่องสำอางสำหรับวัยรุ่นต่อเลย

ภายในห้องแต่งตัวเธอเห็นดาราวัยรุ่นอีกคนหนึ่งที่จะได้ร่วมอีเว้นท์กับเธอในวันนี้ เธอเพียงทักทายตามมารยาทก่อนจะนั่งให้ช่างแต่งหน้าทำผม

เพียงไม่นานทีมงานก็นำชุดที่จะต้องใส่ขึ้นบนเวทีในวันนี้เข้ามา

มีชุดสีแดงหนึ่งชุดกับชุดสีส้มอีกหนึ่งชุด

ทีมงานให้เธอกับอีกคนหนึ่งเลือกชุด

และแน่นอนเธอต้องจะต้องได้เลือกก่อน แต่...

แต่ยัยดาราอีกคนหนึ่งนั้นดันตะโกนออกมาว่าจะเอาชุดสีแดงในขณะที่หลินหลินกำลังคิดอยากจะใส่ชุดสีแดงเหมือนกัน

ศึกการแย่งชุดจึงเกิดขึ้น…

ช่วยไม่ได้!

เรื่องนี้ต้องโทษทางทีมงานที่ให้ดาราเป็นฝ่ายเลือกชุดด้วยตัวเอง

และสุดท้ายความชุลมุนที่ทวีความรุนแรงด้วยความบ้าคลั่งของหลินหลินที่ไร้ซึ่งขีดจำกัดจึงจบลงด้วยการที่หลินหลินได้ใส่ชุดสีแดงขึ้นเวทีนั่งเอง...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel