พาเที่ยว2
เวลาผ่านไปอีกครู่ใหญ่
หลินหลินและหลี่หงจินหยางยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ผ้าใบตัวเดิมจนเวลาล่วงเลย
แสงแดดและสายลมเริ่มอ่อนลง
บรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติต่างทยอยพาลูกน้อยมาลงเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน
หลินหลินและหลี่หงจินหยางยังคงนั่งอยู่ที่เดิมอย่างสบายอารมณ์
อาการตึงเครียดที่สะสมคล้ายกับว่าจะมลายหายไปด้วยบรรยากาศของชายทะเลแห่งนี้เปรียบเสมือนชีวจิตชนิดหนึ่ง
ชายหนุ่มเพียงนั่งนิ่งๆด้วยมาดเคร่งขรึมตามแบบฉบับของเขาดังเดิม ที่เพิ่มเติมคือดวงตาคมเฉี่ยวฉายแววนุ่มนวลอ่อนโยนขึ้นมา ความกังวลและตระหนกหวาดระแวงต่างๆลดลงอย่างเห็นได้ชัด
หลินหลินเองก็ไม่ต่างกัน
เธอเพียงนั่งทอดอารมณ์นิ่งๆมองไปเรื่อยๆแบบรอบทิศทางด้วยกิริยาเป็นธรรมชาติ
เธอเห็นภาพของเด็กๆกำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานจึงนึกสนใจขึ้นมา
หญิงสาวเพียงปรายสายตามองออกไปอย่างเหม่อลอย พลันคิดถึงเรื่องเก่าๆขึ้นมาอย่างอดใจเอาไว้ไม่ได้
ครั้งนั้นเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็ก พ่อของเธอกับแม่ใหญ่และแม่แท้ๆของเธอพร้อมกับพี่ๆฝาแฝดพ่อเดียวกันแต่ต่างแม่พากันมาจากประเทศจีนเพื่อมาเที่ยวยังประเทศไทย
พ่อของเธอเป็นนักธุรกิจชาวจีนหน้าตาหล่อเหลามาพบเจอกับแม่ที่เป็นผู้หญิงสวยโดดเด่นที่เมืองไทยเมื่อครั้งที่มาติดต่อธุรกิจ ทั้งสองจึงเกิดการปิ๊งปั๊งรักกันขึ้นมา
ต่อมา เมื่อแม่ตกลงปลงใจกับพ่อจึงตัดสินใจตามพ่อไปอยู่เมืองจีนด้วยกัน
และที่นั่นแม่จึงได้รับรู้ว่าพ่อมีเมียหลวงอยู่แล้วซึ่งก็คือแม่ใหญ่
ครอบครัวของหลินหลินจึงเป็นครอบครัวใหญ่ไปโดยปริยาย
หลินหลินมีแม่สองคนซึ่งก็คือเมียหลวงของพ่อที่เธอจะต้องเรียกว่าแม่ใหญ่และเมียรองซึ่งก็คือแม่แท้จริงของเธอ
ต่อหน้าพ่อแล้ว แม่ใหญ่และพี่ๆฝาแฝดต่างแม่ของเธอมักจะทำดีกับแม่และตัวเธอเสมอ
แต่พอลับหลังพ่อ ก็จะทำตัวอีกอย่างหนึ่ง
ซึ่งแม่ของเธอกับตัวเธอก็ต้องยอมรับสภาพเป็นอย่างดี
เมียน้อยกับลูกเมียน้อยจะทำอะไรได้ นอกจากยอมรับสภาพอย่างจำนน
ต่อมา เมื่อพ่อพาครอบครัวมาเที่ยวที่ประเทศไทยและมีโอกาสพากันมาเที่ยวทะเล
วันนั้นเธอกับพี่ๆต่างแม่ของเธอได้ลงเล่นน้ำทะเลด้วยกัน
สองคนนั้นแกล้งเธอ จับเธอกดน้ำทะเล จนเธอสำลักน้ำและเกิดกลัวจมน้ำตายขึ้นมา
เธอจึงคิดต่อสู้
ความชุลมุนของเด็กทั้งสามจึงเกิดขึ้นฉับพลัน
เธอสู้จนยิบตาจับจังหวะได้ก็ถีบหน้าท้องพี่อีกคนจนจุกแล้วล้มคะมำจมน้ำไป
และจับพี่อีกคนที่กดเธอก่อนหน้าด้วยเล็บแหลมคมของเธอแล้วกดพี่คนนั้นให้คว่ำหน้าอยู่กับน้ำทะเลจนหน้าของพี่คนนั้นจมมิดอยู่กับผืนทรายใต้ทะเลจนทรายละเอียดเข้าตาเข้าจมูกและเข้าปากของพี่คนนั้น
และภาพนั้นพ่อกับแม่ใหญ่ก็เข้ามาเห็นเข้าพอดี
พี่ๆต่างแม่พากันฟ้องว่าถูกเธอทำร้ายต่างๆนานา
และยังแต่งเสริมเข้าไปอีกว่า เวลาที่เธออยู่กับพี่ๆลับหลังพ่อก็จะทำอย่างนี้สม่ำเสมอ แม่ใหญ่จึงลำเลิกว่าพ่อมีเมียน้อยก็ร้ายพอตัวแล้ว แต่นี่ยังปล่อยให้ลูกของเมียน้อยมาทำร้ายลูกๆของเธออีก
วันนั้นพ่อของเธอจึงโกรธเธอมาก
เพราะอะไรน่ะเหรอ
ก็เพราะว่าพี่ของเธอคนหนึ่งมันสำออย
พอมันฟ้องพ่อเสร็จมันก็สลบไสลหมดสติไป พ่อจึงต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลกะทันหัน
และเหตุการณ์วันนั้นพ่อของเธอจึงทิ้งเธอกับแม่ไว้ที่ประเทศไทย เพราะว่าพ่อโกรธเธอมากแล้วพาลโกรธแม่ของเธอด้วย
แม่ของเธอก็เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญจนเธอต้องนั่งปลอบใจอยู่ทั้งวันทั้งคืนอย่างหงุดหงิดไม่ได้หลับไม่ได้นอน
กว่าแม่จะตั้งตัวได้ก็กินเวลานานเป็นเดือนๆ
ต่อมาไม่นานแม่ได้เจอคนรักคนใหม่
แม่รักผู้ชายคนนั้นมาก
ผู้ชายของแม่ก็รักแม่มาก
รักมากจนเผื่อแผ่มาถึงเธอ
ด้วยหน้าตาและรูปร่างของเธอที่สวยโดดเด่นตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อสาว จึงทำให้พ่อเลี้ยงของเธอมักจะมองเธอด้วยความรักแบบแปลกๆ
เธอจึงเริ่มระแวงและระแวดระวัง
แล้ววันหนึ่งสิ่งที่เธอหวาดกลัวก็เกิดขึ้น
เมื่อพ่อเลี้ยงของเธอพยายามจะเข้าหาเธอ
โชคดีที่เธอระวังตัวเอาไว้อยู่แล้วเป็นอย่างดีจึงไหวตัวทันและหนีออกจากบ้านมาได้
และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
เธอก็ไม่กลับบ้านอีกเลย
เมื่อแม่รู้ความจริงแม่จึงให้เธอเช่าห้องอยู่เองข้างนอกใกล้ๆกับโรงเรียน
และต่อมาไม่นาน
เธอก็ได้ข่าวว่าแม่ของเธอกับพ่อเลี้ยงได้มีลูกด้วยกันและรักกันมากยิ่งขึ้น
เธอจึงปล่อยให้แม่อยู่กับพ่อเลี้ยงไป
ส่วนเธอก็ทำตัวสวยๆเข้าวงการ
ด้วยหน้าตาและรูปร่างที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และอาศัยเข้าหาคนที่มีเส้นสายมันจึงไม่ใช่เรื่องยาก
พอคิดมาถึงตรงนี้แล้วก็อดที่จะนึกถึงเพื่อนของเธอขึ้นมาไม่ได้
เพื่อนของเธอที่ทรยศเธอนั้น
เธอได้รู้จักกันตั้งแต่เรียนอยู่ในระดับชั้นอนุบาลตอนเรียนอยู่ที่ประเทศจีน
ต่อมาเมื่อเธอเกิดเหตุให้ต้องมาอยู่ประเทศไทยเพื่อนของเธอคนนี้ก็มีเหตุให้ต้องย้ายมาเรียนที่ประเทศไทยด้วยเหมือนกัน
โลกช่างกลมเสียจริง
และการที่เธอได้เข้าวงการส่วนหนึ่งก็มาจากเพื่อนของเธอคนนี้
เพื่อนของเธอมีญาติผู้ใหญ่ที่รู้จักกับผู้ใหญ่อีกคนที่อยู่วงในอีกทีหนึ่งจึงเป็นอะไรที่ตรงประเด็นสำหรับเธอ
การเป็นดาราก็สนุกดี ได้เงินดีมากๆ
แต่เสียอย่างเดียว
เสือสิงห์เยอะไปหน่อย
ไม่รู้ว่าจะไว้ใจใครดี
หลินหลินนั่งจมอยู่กับอดีตของเธอมาพักใหญ่
ดวงตากลมโตเป็นประกายของเธอเวลานี้ดูเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น เธอก็ปรับสีหน้าและแววตาให้กลับมาเป็นปกติก่อนจะหันหน้ามาทางหยางหยางของเธอ
เธอพบว่าหยางหยางนั่งมองเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
"มีอะไรหรือ" หลินหลินถามออกไปเมื่อเห็นชายหนุ่มจ้องมองมาทางเธอนิ่งงันด้วยสายตาคมกริบพราวเสน่ห์
"เจ้าเป็นอะไร" เสียงทุ้มนุ่มลึกเอ่ยถามขึ้นจนหลินหลินต้องกระพริบตาปริบๆ
"เปล่านี่" หลินหลินตีหน้ามึนตอบกลับไปเบาๆก่อนลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอื้อมมือส่งให้ไปทางหยางหยางพลางเอ่ย
"กลับกันเถอะ"
ชายหนุ่มไม่ได้กล่าวตอบสิ่งใดอีก เขาเพียงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะจ้องมองมือเรียวขาวของหญิงสาวนิ่งๆ
คิ้วคมเข้มคล้ายกระบี่ของเขาขมวดเข้าหากันน้อยๆคล้ายกับว่าไม่แน่ใจในการจับมือกันระหว่างเขากับเธอ
หลินหลินเห็นอย่างนั้นจึงยักไหล่ขึ้นอย่างไม่แคร์
"เป็นอะไร" เธอพูดออกไปขณะยื่นมือเข้าไปใกล้ชายหนุ่มอีกนิดก่อนจะเป็นฝ่ายงัดฝ่ามือของเขาเข้ามากุมเอาไว้ และเป็นฝ่ายจับจูงฝ่ามือเรียวยาวของเขาให้เดินไปตามทาง
ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นคงจะรีบมาคว้ามือของเธอแถมด้วยโอบเอวล่ะมั้ง
ผู้ชายคนนี้ทำเธอเป็นปลื้มจริงๆ
ปลื้มตลอด...
หลินหลินคิดอย่างกรุ้มกริ่มอยู่ในใจ