บทที่ 9 ของขวัญชิ้นใหญ่ของเฟิงหนานซิว
เฟิงหนานซิวชะงักกึก อีกฝ่ายพูดอะไรมาอีกเขาไม่ได้ยินโดpสิ้นเชิงแล้ว
ทั้งหัวสมองเต็มไปด้วยแผลบนแขนของซูเนี่ยนเวย แล้วก็แววตาที่ตื่นกลัวของเธอเมื่อกี้นี้
บัดซบ!
เมื่อกี้เขาทำอะไรลงไป!
“สิบนาที นัดผู้เชี่ยวชาญที่รักษาแผลน้ำร้อนลวกได้ดีที่สุดไว้ซะ”
แผลน้ำร้อนลวก
คงไม่ใช่ว่าเฮียเฟิงทำเรื่องอะไรที่ไม่อาจให้อภัยลงไปหรอกนะ?
ฉินเจิงฟังเสียงสัญญาณไม่ว่างที่เย็นชาในโทรศัพท์ แล้วหันไปมองเฟิงชิงอวี่ที่กำลังโก่งก้นถูพื้นอยู่ด้านหลัง ก่อนจะติดต่อหาผู้อำนวยการโรงพยาบาลอย่างจนใจ
ล้างน้ำเย็นเสร็จก็รู้สึกไม่เจ็บแผลขนาดนั้นแล้ว ซูเนี่ยนเวยเหลือบมองรอยบวมแดงเล็กๆที่อยู่บนแขนตัวเอง จากนั้นก็มองไปที่กลุ่มคนนับสิบที่ยืนอยู่ตรงหน้า ตั้งแต่ผู้อำนวยการ ผู้เชี่ยวชาญ ไปจนถึงหมอและพยาบาล เมื่อเห็นดังนั้น ซูเนี่ยนเวยก็พลันแก้มแดงเหมือนถูกลวกจนสุก
เฟิงหนานซิวไม่เห็นแววลำบากใจของเธอเลยสักนิด เขาถามหมออย่างร้อนรนว่า “บาดแผลเป็นยังไงบ้าง? จะมีรอยแผลเป็นไหม? จะติดเชื้อหรือเปล่า?”
มุมปากของผู้อำนวยการพลันกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้
“คุณเฟิง รอยบวมแดงบนแขนของคุณหญิงไม่ถึงสองสองวันก็หายแล้ว ส่วนแผลพุพองพวกนั้น......”
ผู้อำนวยการลังเลครู่หนึ่ง พวกผู้เชี่ยวชาญและแพทย์รีบพูดต่อทันที
“ผมคิดว่าสามารถเจาะทีเดียว แล้วบีบหนองในแผลออกมา แบบนี้จะหายเร็วกว่า”
“ถ้าเจาะจะทิ้งรอยแผลเป็นได้ง่าย ใช้เข็มฉีดยาดูดหนองออกมาแล้วค่อยใช้ยาจะดีกว่า”
“หรือจะ......”
คนกลุ่มหนึ่งร่วมหารือผลัดกันแสดงความคิดเห็น ซูเนี่ยนเวยรู้สึกหมดคำพูดมาก กำลังจะปฏิเสธข้อเสนอของคนพวกนี้ ทว่าหนังตากลับยิ่งอยู่ยิ่งหนักอึ้ง คำพูดที่เอ่ยออกมาจากปากก็กลายเป็นเสียงพึมพำที่คลุมเครือ
เฟิงหนานซิวรีบก้าวเท้าไปโอบเธอไว้อย่างระมัดระวัง
“คุณแน่ใจว่ายาตัวนี้จะไม่ทำร้ายร่างกายเธอ?”
ดวงตาล้ำลึกมองไปยังผู้อำนวยการ ผู้อำนวยการรีบพยักหน้ารับประกันทันที “ยาตัวนี้คือสเตบิไลเซอร์ที่ยุโรปพัฒนาขึ้นล่าสุด ไม่มีผลเสียอะไรต่อร่างกายทั้งนั้น คุณหญิงแค่หลับสนิทแล้วน่ะครับ ตอนที่เจาะแผลพุพองพวกนี้เองก็จะไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย”
ผู้อำนวยการเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก พลันเหลือบมองเฟิงหนานซิวแวบหนึ่ง
อันที่จริงเขาอยากบอกว่า แผลพุพองพวกนี้แม้เจาะตอนตื่นก็ไม่รู้สึกเจ็บ ทว่าพอเห็นสีหน้าของเฟิงหนานซิวที่ถ้าซูเนี่ยนเวยเจ็บแม้แต่นิดเดียวก็จะฆ่าคน เขาก็กลืนคำพูดพวกนั้นลงคอทันที
“ลงมือเถอะ”
เฟิงหนานซิวไม่พูดอะไรอีก รอผู้เชี่ยวชาญจัดการบาดแผลด้วยตัวเอง พลางเฝ้ารออยู่ข้างกายซูเนี่ยนเวยตลอดเวลา
หลังเที่ยงคืน จู่ ๆโทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น
เมื่อเห็นเนื้อหาในข้อความ เฟิงหนานซิวก็ขมวดคิ้ว ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงจะลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ขับรถออกไปจากโรงพยาบาล
ซูเนี่ยนเวยง่วงมาก
บนหนังตาเหมือนถูกทับด้วยเหล็กหนักครึ่งตัน เธอควรจะหลับสนิทไปตามความรู้สึกแบบนี้ ทว่าในใจกลับมีเสียงหนึ่งราวกับกำลังตะโกนใส่เธอตลอดเวลาว่า ‘รีบตื่นได้แล้ว’
ซูเนี่ยนเวยลืมตาขึ้นอย่างฉับพลัน ปฏิกิริยาแรกก็คือไปเอาโทรศัพท์หน้าเตียง
เดือนสิบเอ็ดวันที่ยี่สิบสี่!
วันเกิดของเฟิงหนานซิว
ข้อความที่ตั้งเวลาส่งอัตโนมัติถูกส่งไปให้เฟิงหนานซิวเมื่อยี่สิบนาทีก่อนแล้ว
‘สุขสันต์วันเกิด อัลติสคลับห้อง 304 มีของขวัญที่เตรียมไว้ให้นาย ไปเอาด้วย”
อ่านข้อความนี้จบ สีหน้าของซูเนี่ยนเวยก็พลันซีดเผือด เลือดในร่างกายเหมือนถูกแช่แข็ง พลางรู้สึกเสียวสันหลังเย็นเฉียบ
ชาติก่อนก็คือครั้งนี้ ที่เฟิงหนานซิวขังเธอไว้ในคฤหาสต์เป็นเวลาหลายเดือน
เพราะซูเสวี่ยอวิ่นบอกว่า สามารถเตรียมผู้หญิงสักคนไว้ให้เฟิงหนานซิว หลังจากที่เบี่ยงความสนใจของอีกฝ่ายแล้ว บางทีเขาก็อาจจะปล่อยเธอไปก็ได้
ก่อนหน้าที่จะส่งข้อความนี้ เธอไม่เคยทำหน้าดีๆใส่เฟิงหนานซิวเลยด้วยซ้ำ เขาเชื่อลงไปได้ยังไงว่าเธอจะเตรียมของขวัญให้เขา
ชาติก่อนเขาไปอัลติสคลับด้วยความรู้สึกแบบไหนกัน เมื่อเห็นผลลัพธ์แบบนั้น แล้วรู้สึกผิดหวังมากขนาดไหนกัน?
ซูเนี่ยนเวยไม่รู้ว่าเฟิงหนานซิวมีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นหรือยัง เธอรู้เพียงแค่ว่าหลังจากคืนนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็ถูกเลี้ยงไว้ที่อีกคฤหาสต์หนึ่ง เฟิงหนานซิวเองก็ไม่เคยไปเยือนอีก ทว่าก็ไม่เคยไล่ออกไปด้วยเช่นกัน
ด้านนอกหิมะเริ่มตก
ซูเนี่ยนเวยวิ่งออกไปจากโรงพยาบาล เกล็ดหิมะดุจมีดแหลมคมที่กรีดบนผิวหน้า เจ็บจนเหมือนกล้ามเนื้อบนใบหน้าเป็นตะคริว
ทว่าเธอกลับไม่หยุด
เธอพลาดไปแล้วหนึ่งชาติ ชาตินี้เธอจะไม่มีวันยอมให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นอีกเด็ดขาด
หิมะยิ่งอยู่ยิ่งตกหนัก
ผู้คนเร่งฝีเท้าวิ่ง รถสัญจรน้อยลง เมืองใหญ่ค่อยๆวังเวงชวนเศร้าโศกยิ่งกว่าใจคน
ขณะเดียวกัน ณ อัลติสคลับภายในห้อง 304 ที่มีแต่ความเงียบสงัด
สี่หัวหอกใหญ่แห่งวงการธุรกิจเมืองหลิน เซียวเถิงจั่ว หนานซวนเฉิน หลี่กู่ ราวมถึงเฟิงหนานซิวที่นั่งทำหน้าถมึงทึงที่โซฟาอีกฟากมารวมตัวกันพร้อมหน้า
“ฮ่าๆๆ เฮียเฟิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังเรียกเรามาร่วมงานวันเกิดตอนดึกดื่น ก็เพื่อที่จะให้ชมของขวัญชิ้นใหญ่ที่ภรรยานายเตรียมไว้ให้นายงั้นเหรอ? งั้นก็น่าเซอร์ไพรส์จริงๆ” หลี่กู่หัวเราะอย่างไม่คิดอะไร
หนานซวนเฉินเองก็หัวเราะ ราวกับว่าไม่รู้สึกเหนือความคาดหมาย
“หนานซิว วาสนารักดีไม่เลว” เซียวเถิงจั่วยกแก้วเหล้าขึ้นด้วยท่าทางจริงจัง สีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก
สีหน้าของเฟิงหนานซิวถมึงทึงลงกว่าเดิม แฝงไว้ซึ่งความเลือดเย็นและความโหดเหี้ยมที่ผ่านพายุฝนนองเลือด
ผู้หญิงตรงหน้าเขาที่ถือแก้วเหล้าไว้ผวาจนขาสั่น ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติของเฟิงหนานซิว หญิงสาวก็ยิ่งใจกล้าเผยขาตัวเองออกมานอกชุดกี่เพ้า ซ้ำยังจงใจแอ่นหน้าอก
“เฮียเฟิง ไม่เกี่ยว......ไม่เกี่ยวกับฉันจริงๆนะคะ คุณหญิงเป็นคนให้เงินฉัน สั่งให้ฉันปรนนิบัติคุณดีๆ”
“เหอะ!” เฟิงหนานซิวแค่นเสียง
เขาจดจ้องไวน์แก้วนั้น
สีแดงเข้มของไวน์สะท้อนในดวงตาของเขา ในนั้นมีความเจ็บปวดที่ไม่อาจอัดอั้นไว้ได้กำลังพลุกพล่าน
ซูเนี่ยนเวย ก็ยังคงไม่ยอมให้ความจริงใจกับเขาแม้เพียงเสี้ยวเดียวใช่หรือเปล่า?
เฟิงหนานซิวรับแก้วเหล้ามากระดกลงคอ เอ่ยว่า “ออกไป”
เมื่อเห็นว่าเฟิงหนานซิวพูดกับพวกหลี่กู่ หญิงสาวก็พลันลอบดีใจ เธอเดินมานั่งลงข้างกายเขา ท่าทางเขินอาย
“เฮียเฟิง ฉันจะปรนนิบัติคุณเป็นอย่างดีแน่นอน”
ทั้งสามคนจู่ ๆก็ถูกไล่ออกไปโดยไม่รู้สาเหตู หลี่กู่เป็นคนแรกที่แสดงความไม่พอใจ
“เฟิงหนานซิวสมองมีปัญหาหรือเปล่า? ผู้หญิงคนนั้นทรมานเขาขนาดนี้แล้ว แต่เขาก็ยังตามใจเธอเนี่ยนะ? นี่มันไม่ใช่มาโซคิสม์หรือไง?
หนานซวนเฉินไม่กล้าพยักหน้าเห็นด้วยอย่างง่ายดาย
เซียวเถิงจั่วจิปาก ความสนใจอยู่อีกประเด็นหนึ่ง “ไม่รู้ว่าเหล้าแก้วนั้นฤทธิ์เป็นยังไงบ้าง?”
“สงสัยงั้นเหรอ?” หลี่กู่ลุกขึ้นยืนหน้ายิ้มๆ “ไปดูก็รู้แล้ว”
แอบฟังความลับเพื่อนรัก เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นเร้าใจที่สุดแล้ว
ยังไม่ทันได้รับคำตอบ หลี่กู่ก็ถูกคนดึงออกไป
ซูเนี่ยนเวยยืนอยู่หน้าประตูด้วยตัวเปียกชื้น น้ำเสียงร้อนรนถึงขีดสุด
“เฟิงหนานซิวอยู่ข้างในใช่หรือเปล่า?”
เธอสวมเสื้อผู้ป่วยบางๆ รองเท้าแตะเองก็หายไปหนึ่งข้าง นิ้วเท้าที่เปลือยเปล่าเย็นจัดจนแดงก่ำ ทั้งตัวดูแล้วหมดสภาพเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งสามคนต่างรู้จักเธอ ทว่ากลับเกลียดเธอเหมือนกันอย่างเห็นได้ยาก ดังนั้นจึงพร้อมใจกันเหลือบตามองเธอแวบหนึ่ง และไม่มีใครพูอะไร
“ฉันถามว่า เฟิงหนานซิวอยู่ข้างในใช่หรือเปล่า?”
ซูเนี่ยนเวยยิ่งร้อนรนหนักกว่าเดิม กำลังจะพุ่งไปพังประตู ทว่ากลับถูกหลี่กู่ดักทางไว้
หลี่กู่แค่นเสียงยิ้มทีหนึ่ง “เรื่องในคืนนี้เธอเป็นคนวางแผนเองไม่ใช่เหรอ ถ้าเข้าไปตอนนี้ก็จะขัดเรื่องดีๆของคนอื่นไม่ใช่หรือไง?”
“หลี่กู่! นายถอยไปเดี๋ยวนี้จะดีที่สุด” ซูเนี่ยนเวยนึกย้อนถึงเรื่องราวเมื่อชาติก่อน พูดขู่ว่า “ถ้านายไม่อยากถูกนักข่าวถามว่าเตียงของโรงแรมตงเฉิงนุ่มไม่นุ่ม แล้วก็ไหล่ของผู้หญิง......”
เมื่อปะทะกับแววตาที่หนักแน่นและอันตรายของเธอ หลี่กู่ก็ร้อนตัวสุดๆ พลันรีบพูดขัดเธอทันที
“ถอย ฉันถอย ฉันจะไม่ถอยได้ยังไงกันล่ะ!”
ทั้งที่เขาปิดบังเรื่องนั้นไว้ดีมากแท้ๆ ยัยผู้หญิงนี่รู้ได้ยังไงกัน
เมื่อนึกถึงว่าถ้าเรื่องนั้นถูกเปิดโปง เขาก็ไม่มีแม้แต่อารมณ์จะดูเรื่องสนุกอีก พลันรีบลากหนานซวนเฉินกับเซียวเถิงจั่วไปทันที
ซูเนี่ยนเวยไม่ว่างสนใจเขา ทั้งทุบทั้งผลักประตูห้อง 304
“เปิดประตู เฟิงหนานซิว เปิดประตู รีบมาเปิดประตูซะ”
ซูเนี่ยนเวยยิ่งเคาะยิ่งรู้สึกร้อนรน ผ่านไปห้านาที ประตูจึงจะมีแววหลวมลง
ซูเนี่ยนเวยใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีผลักประตูออก
ชายหนุ่มยืนอยู่ในห้อง ดวงตาแดงก่ำ แววตาที่ล้ำลึกไร้ซึ่งอุณหภูมิ ประหนึ่งมีดน้ำแข็งที่ทิ่มแทงซูเนี่ยนเวยอย่างไร้ความปราณี
“ซูเนี่ยนเวย ต้องเห็นกับตาตัวเองให้ได้ใช่หรือเปล่า?”