บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 เฟิงหนานซิว ฉันหนาว

ห้องโถงตกอยู่ในความเงียบสงัดไปชั่วขณะหนึ่ง เหล่าคนใช้ต่างตกใจกับท่าทางของเฟิงหนานซิวจนหนีไปหลบซ่อนกันหมดแล้ว

ซูเสวี่ยอวิ่นเผยแววตาอาฆาต

ไม่ว่าซูเนี่ยนเวยจะทำร้ายเธอเพื่ออะไร เธอก็จะไม่มีวันยอมให้คนต่ำทรามนี่ได้อยู่อย่างสงบสุขแน่

วิธีการทรมานคนของเฟิงหนานซิวเธอเคยได้ยินมาบ้าง

เหอะ! เธอรอซูเนี่ยนเวยมาอยู่กับเธอที่โรงพยาบาลก็แล้วกัน

ฉินเจิงสังเกตเห็นแววตาของซูเสวี่ยอวิ่น เขาทำเพียงเหยียดยิ้มทีหนึ่ง ก่อนจะหันตัวเดินออกไปขับรถ

เขาเห็นว่าสองท่านที่อยู่ชั้นบนยังดีกันอยู่ กระทั่งอาจจะดีกันได้นานกว่านี้

พระอาทิตย์ตกดินแล้ว ภายในห้องมืดสลัว เฟิงหนานซิวไม่ได้เปิดไฟ ดวงตาแหลมคมจับจ้องไปที่เตียงใหญ่อ่อนนุ่ม

ซูเนี่ยนเวยนอนขดตัว หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านอนหลับไปแล้ว

เฟิงหนานซิวผ่อนคลายลงโดยอัตโนมัติ กลัวว่าจะรบกวนหญิงสาว แม้กระทั่งตอนเดินก็ยังเบาเสียงฝีเท้า

เขาจ้องมองซูเนี่ยนเวย พลันนึกถึงจุดประสงค์ที่มาหาเธอ ก่อนจะแค่นยิ้มเสียดสี

ทั้งที่รู้ว่าในใจเธอมีผู้ชายอีกคน แต่เขาก็ยังทะนุถนอมเธอขนาดนี้ ทันใดนั้น จู่ ๆไฟโทสะที่เพิ่งดับไปก็ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง ซ้ำยังดูท่าจะยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆอีกด้วย

มือใหญ่ดึงผ้าห่มบนตัวหญิงสาวออกอย่างฉับพลัน

“ซูเนี่ยนเวย เธอจะมาไม้ไหนอีกล่ะ?” เมื่อกี้เพิ่งก่อคดีไป ตอนนี้ยังมีอารมณ์นอนหลับอีกงั้นเหรอ?

ซูเนี่ยนเวยสะดุ้งทีหนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ ก็ไม่รู้ว่ามองเห็นคนตรงหน้าชัดเจนหรือเปล่า กลับดึงเนคไทลากชายหนุ่มขึ้นมาบนเตียงทีเดียว

เฟิงหนานซิวไม่ทันตั้งตัว ซูเนี่ยนเวยก็ซุกตัวเข้ามาในอ้อมกอดเขาแล้ว เธอโอบเอวเขา ศีรษะเล็กที่อ่อนนุ่มถูไถตรงใต้คางเขา ก่อนจะเงียบสงบลง

การกระทำที่สนิทสนมขนาดนี้ บีบคั้นเฟิงหนานซิวจนแทบบ้า

เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าหัวใจของคนคนหนึ่งจะสามารถเต้นได้เร็วขนาดนี้ ประหนึ่งจะทะลุออกมาจากอก ทั้งหมดนี้เป็นเพราะหญิงสาวในอ้อมกอดเพียงคนเดียว

‘คุณเฟิง ช่วยฉันด้วย......ฉันไม่ได้จะแย่งคนของพี่ ไม่ได้จะแย่งจริงๆ’

เสียงของซูเสวี่ยอวิ่นวนเวียนอยู่แต่ในหัวไม่สามารถสลัดออกไปได้ สีหน้าของเฟิงหนานซิวพลันย่ำแย่ลงถึงขีดสุด เขากัดฟันแน่น แววตาแฝงความเยือกเย็น

เธอเห็นเขาเป็นใคร?

เหอะ! วิธีการที่ซูเนี่ยนเวยใช้ในการเหยียบย่ำเขามักจะพัฒนาขึ้นอยู่เรื่อย ๆ

ในขณะที่เฟิงหนานซิวจะดึงแขนเธอออก ซูเนี่ยนเวยก็ขยับตัว

เฟิงหนานซิวยิ้มเย็น

ตื่นแล้ว? หรือเสแสร้งต่อไปไม่ได้แล้ว?

เขาแทบจะสามารถจินตานาการออกได้ถึงความรังเกียจที่หญิงสาวจะแสดงออกมาในวินาทีถัดไป

หัวใจพลันรู้สึกเจ็บปวดอย่างไม่อาจควบคุมได้

ซูเนี่ยนเวยไม่ได้ลืมตาขึ้น เธอเงยหน้าขึ้น หมัดเล็กต่อยลงบนแผงอกของเฟิงหนานซิวเต็มแรง น้ำเสียงออดอ้อนระคนหงุดหงิด

“หนาว เฟิงหนานซิว ฉันหนาว”

หมัดของซูเนี่ยนเวยแรงน้อยมาก เหมือนกำลังเกาคัน จักจี้จนทำให้บริเวณตรงอกของเฟิงหนานซิวรู้สึกอบอุ่น จากภายในสู่ภายนอก ไม่มีตรงไหนที่ถูกละเว้น

เธอกำลังเรียก.....เฟิงหนานซิว?

ไฟโทสะที่อยู่ภายในใจของเฟิงหนานซิวพลันถูกน้ำเสียงอ่อนหวานนี่ดับมอดลงในพริบตา

ทั้งชีวิตนี้ เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยว่าชื่อตัวเองจะเสนาะหูได้ขนาดนี้

หญิงสาวในอ้อมกอดขดตัว เฟิงหนานซิวจึงจะเพิ่งรู้สึกได้ว่าซูเนี่ยนเวยนั้นตัวเย็นจริงๆ พลันรีบดึงผ้าห่มมาคลุมตัวทั้งสองคน

กลัวว่าจะทำลายความสงบที่หาได้ยากนี้ เฟิงหนานซิวจึงค้างอยู่ท่านี้มาโดยตลอด เวลาผ่านไปก็หลับผล็อยไปด้วยเช่นกัน

ทว่าเขากลับไม่รู้ว่า ในขณะที่ลมหายใจของเขาเริ่มสม่ำเสมอ หญิงสาวในอ้อมกอดเขาก็เผยรอยยิ้มร้าย

ซูเนี่ยนเวยคิดว่าเธอน่าจะมีพรสวรรค์ที่จะเป็นยัยขี้อ่อยจริงๆ

อย่างน้อย อ่อยให้เฟิงหนานซิวลุ่มหลงก็เป็นเรื่องที่ง่ายดาย

เช้าวันที่สองตอนตื่นมาก็ไม่เห็นเฟิงหนานซิวแล้ว

ซูเนี่ยนเวยแปรงฟันล้างหน้าเสร็จก็ลงไปชั้นล่าง ก่อนจะเห็นเงาร่างของเฟิงหนานซิวอย่างไม่เหนือความคาดหมาย

เขานั่งพิงอยู่บนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน ตรงหน้ามีขนมปังและนมวัววางไว้ เมื่อเห็นซูเนี่ยนเวย เห็นได้ชัดว่ามีท่าทีตกตะลึงเล็กน้อย

อย่าว่าแต่ไม่กี่วันมานี้ซูเนี่ยนเวยกำลังเล่นอดอาหาร ถึงเป็นแต่ก่อน ซูเนี่ยนเวยก็ไม่เคยมาปรากฏตัวที่ห้องอาหารเวลาเดียวกับเขา

เธอบอกว่า กินข้าวกับคนที่ตัวเองเกลียดจะทำให้หมดความอยากอาหาร

ซูเนี่ยนเวยจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองเคยพูดพล่ามอะไรไว้บ้าง เธอรู้เพียงแค่ว่าตอนนี้เธอหิวจนแทบจะเป็นลมแล้ว ถ้าเป็นไปได้เธออยากจะเขมือบวัวทั้งตัวให้รู้แล้วรู้รอด

เธอเดินไปหน้าเฟิงหนานซิวอย่างฉุนฉียว เอ่ยถามว่า “นายจะกินคนเดียวไม่แบ่งเหรอ?”

พูดจบ ก็หยิบขนมปังของเฟิงหนานซิวขึ้นมากัดกินสองคำ ระหว่างนั้นก็สำลักโดยไม่ระวังตัว อีกทั้งยังแย่งนมวัวของเฟิงหนานซิวไปอีกด้วย

เฟิงหนานซิวจดจ้องปากที่เปื้อนรอยนมของซูเนี่ยนเวยที่กำลังกัดขนมปังชิ้นที่สองด้วยแววตาร้อนรุ่ม ตรงนั้นมีรอยแหว่งอันหนึ่งที่เขาเคยกัด

ซูเนี่ยนเวยไม่เพียงแค่ไม่รังเกียจ ซ้ำยังกินอย่างเอร็ดอร่อยมากกว่าเดิม

ริมฝีปากเล็กแดงระเรื่อขยับหุบอ้า น่าหลงใหลจนเฟิงหนานซิวหรี่ตาลง แสงในดวงตายิ่งอยู่ยิ่งฉายแววอัตราย

เขาลากคนเข้ามาในอ้อมกอด

“อร่อยไหม?” เสียงของเขาแหบพร่าเล็กน้อย

“อืม!” ซูเนี่ยนเวยพยักหน้า “ครั้งหน้ากินข้าวต้องชวนฉันด้วย คุณย่าเคยบอกว่ากินคนเดียวไม่แบ่งคนอื่นขัดต่อศีลธรรมอันดีงาม มีอะไรต้องแบ่งปันกัน”

เฟิงหนานซิวไม่ได้คัดค้าน เพียงแค่ถามเธอเสียงเบาว่า “งั้นคุณยายเคยบอกเธอหรือเปล่า ว่าอย่ากินอาหารสิ้นเปลือง”

ซูเนี่ยนเวยอึ้งชะงัก เหมือนว่าจะเคยพูดจริงๆด้วย

ดังนั้น เธอจึงมองเฟิงหนานซิวใช้นิ้วมือเช็ดรอยนมที่เปื้อนมุมปากเธอ ซ้ำยังเอาไปชิมด้วยสีหน้านิ่งเฉยอีกต่างหาก

หวานมาก

เฟิงหนานซิวยกยิ้มมุมปาก

ซูเนี่ยนเวยหน้าแดงก่ำและร้อนผ่าวในทันที

แม้ระหว่างเธอกับเฟิงหนานซิวจะเคยเกิดเรื่องทุกอย่างขึ้นแล้ว ทว่ากลับไม่มีการกระทำที่สนิทสนมกันขนาดนี้มาก่อน

ไม่แน่ รอยนมนั่นอาจจะ......ไหลออกมาจากปากก็ได้

คิดได้ดังนั้น ซูเนี่ยนเวยก็รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว ขนมปังที่อมอยู่ในปากก็ไม่รู้ว่าควรเคี้ยวดีหรือเปล่า

“เฮียเฟิง!” ฉินเจิงบุกเข้ามาอย่างกะทันหัน พลันตะลึงค้างกับภาพตรงหน้าทันที

นี่เขาเห็นอะไร!

คุณหญิงไม่ได้อาละวาด ซ้ำยังนั่งอยู่ในอ้อมกอดของเฮียเฟิงอย่างสงบเสงี่ยมขนาดนี้

ยังไม่ทันได้คิดอย่างละเอียด เขาก็รู้สึกเสียวคอเย็นวาบ พอเงยหน้าขึ้นก็ปะทะกับสายตาที่เหมือนจะกินคนของเฟิงหนานซิว

“มีเรื่องอะไร?”

“การประชุมจะเริ่มขึ้นแล้ว ผมมารับคุณครับ” ฉินเจิงมีเหงื่อเย็นผุดเต็มหลัง

ซูเนี่ยนเวยลุกขึ้นยืนอย่างไม่พอใจ เบะปากเอ่ยว่า “ในเมื่อนายมีเรื่องต้องยุ่งก็ไปเถอะ ที่เหลือฉันค่อยๆกินเองก็ได้”

เฟิงหนานซิวมองต้นขาที่ว่างเปล่า แววตาพลางหม่นแสงลง

สรุปก็คือไม่สบอารมณ์มากๆ

ฉินเจิงเองก็รู้ว่าตัวเองทำเรื่องพัง ไม่กล้าพูดอะไรสักคำเดียว หดคอเดินตามหลังเฟิงหนานซิวเงียบๆ

หลังจากที่ทั้งคู่จากไป ซูเนี่ยนเวยก็เทนมอีกแก้วให้ตัวเองใหม่ ยังไม่ทันดื่ม ก็เห็นฉินเจิงกลับมาอีกแล้ว

“คุณหญิง นี่คือของขวัญที่เฮียเฟิงให้คุณครับ”

ขณะที่วางมงกุฎเพชรลง ก็พลางพูดว่า “เฮียเฟิงให้ผมบอกคุณ ว่าที่ดินแปลงนั้นท่านตกลงยกให้ตระกูลเจียวแล้วครับ”

“ให้แล้วงั้นเหรอ!” ซูเนี่ยนเวยผุดลุกขึ้นยืนอย่างตกตะลึง

ถ้าชาติก่อนเธอหวังขนาดไหนว่าจะได้ที่ดินมาอยู่ในมือ งั้นชาตินี้เธอก็หวังว่าเรื่องนี้จะล้มเลวมากเท่านั้น เอาที่ดินไปฝังศพหมูยังดีกว่ายกให้ผู้ชายเลวทรามนั่นไม่รู้กี่เท่า

“ใช่ครับ เฮียเฟิงตอบตกลงแล้ว” รอยยิ้มบนใบหน้าฉินเจิงเริ่มจางลง

เขาพูดต่ออีกว่า “เพียงแต่บัตรเชิญของงานประมูลถูกส่งออกไปแล้ว ความหมายของเฮียเฟิงเฟิงคือ ให้เป็นไปตามขั้นตอนครับ”

“งั้นก็ดี” ซูเนี่ยนเวยโล่งอก

ฉินเจิงเผยสีหน้าเคลือบแคลงใจ เขารู้สึกว่าปฏิกิริยาของซูเนี่ยนเวยในวันนี้ผิดแปลกไปเล็กน้อย ราวกับว่า ไม่ต้องการให้ตระกูลเจียวได้ที่ดินแปลงนั้น

ซูเนี่ยนเวยโบกมือให้ฉินเจิงจากไป แล้วเอานมขึ้นมาดื่ม

ทันใดนั้น มือถือที่วางไว้บนโต๊ะอาหารก็ดังขึ้น

บนหน้าจอแสดงชื่อที่สนิทสนม พี่จวิ้นเจี๋ยที่รัก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel