บทที่ 16 ทำแบบนี้ ร้ายกาจเกินไป
จากนั้น ดวงตาก็ราวกับถูกอาบพิษ ก่อนที่ไฟโทสะจะลุกโชนขึ้นมา
ซูเนี่ยนเวยรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตจากที่ไกลๆ พลันหวาดผวาจนห่อไหล่
อันที่จริงเธอรู้ดี ว่าหากมาร่วมงานเฟิงหนานซิวต้องโกรธแน่ ๆ แต่ถ้าไม่มา เธอก็กังวลว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น
การแก้แค้นครั้งแรกหลังเกิดใหม่ เธอไม่อนุญาตให้มีรูโหว่เด็ดขาด
เธอเห็นเจียวจวิ้นเจี๋ยและซูเสวี่ยอวิ่นในฝูงคน กำลังจะไปหาเฟิงหนานซิว ข้อมือก็พลันถูกคนจับไว้แน่น
ซูเนี่ยนเวยหันหัว ก็ปะทะกับสายตาเย็นเยือก ไฟในดวงตาที่เพิ่งดับไปพลันแผดเผาขึ้นอีกครั้งเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ
ความกดดันรอบบรรยากาศกดทับซูเนี่ยนเวยจนแทบจะหายใจไม่ออก
เธอรู้ดีว่าเฟิงหนานซิวโกรธมาก และยิ่งเข้าใจดีว่าหากจะกอบกู้สถานการ์ก็ต้องรีบลงมือตอนนี้
หญิงสาวชะงักแค่สามวินาที ก่อนจะยกยิ้มเผยฟันขาวสะอาด มอบรอยยิ้มหวานที่สามารถพรากชีวิตคนให้เฟิงหนานซิว
“ในที่สุดก็หานายเจอแล้ว”
เธอยื่นมือโอบคอของชายหนุ่มเหมือนผ้าพันคอ
“หาฉัน?” ชายหนุ่มหรี่ตาลง เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อคำพูดของซูเนี่ยนเวย
ซูเนี่ยนเวยมองข้ามแววอันตรายในดวงตาของเขา พลันเงยหน้าขึ้น ดวงตาโค้ง ม่านแสงอ่อนโยนมีเพียงเงาของเฟิงหนานซิวเพียงคนเดียว ราวกับว่า ณ วินาทีนี้ เขาก็คือโลกทั้งใบของเธอ
เฟิงหนานซิวมองเธออย่างพินิจ ความเย็นเยือกบนใบหน้าค่อยๆสลาย
“กว่านายจะยอมกินข้าวกับฉันมื้อหนึ่งก็ไม่ง่ายเลย อย่าริอาจคิดจะทิ้งฉันไปอีก” ซูเนี่ยนเวยเขย่งเท้าขึ้น แตะหน้าผากบนคางของชายหนุ่ม ก่อนจะกระแทกสุดแรง
ราวกับว่ากำลังลงโทษ ขณะเดียวกันก็เหมือนออดอ้อน
คำพูดหวานหู แม้จะเป็นคำโกหก ก็ทำให้คนลุ่มหลงได้อย่างง่ายดาย
เฟิงหนานซิวเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ตีหน้าเคร่งไม่พูดอะไร ทว่าตอนที่หันตัวกลับจับมือของซูเนี่ยนเวยไว้แน่น
เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าความกดดันเมื่อกี้นี้ที่เกือบจะพรากลมหายใจเธอหายไปแล้ว นั่นก็แสดงว่าเฟิงหนานซิวหายโกรธแล้ว
ทว่าก็ยังคงไม่สนใจเธอ
“ขี้เก๊กชะมัด” ซูเนี่ยนเวยเบะปากบ่น
ณ ที่ไกลๆ เจียวจวิ้นเจี๋ยและซูเสวี่ยอวิ่นเองก็สังเกตเห็นการกระทำของซูเนี่ยนเวย
“พี่จวิ้นเจี๋ย เรื่องในวันนี้ ชัวร์แล้วใช่ไหม? ซูเนี่ยนเวยกับเฟิงหนานซิว ระหว่างสองคนนั้นเหมือนมีอะไรที่ไม่เหมือนเดิมแล้ว”
ตั้งแต่ครั้งก่อนที่อาละวาดฆ่าตัวตาย ซูเนี่ยนเวยก็เปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนจนอยู่เหนือการควบคุมของพวกเขา
เจียวจวิ้นเจี๋ยเผยสีหน้าไม่สู้ดีเล็กน้อย
เขาไม่ได้ชอบซูเนี่ยนเวย ทว่าเห็นผู้หญิงที่คลั่งรักเขามาโดยตลอดเปลี่ยนใจไปหาผู้ชายคนอื่น ในใจเขาก็รู้สึกแย่เหมือนถูกบดขยี้
น้ำเสียงที่พูดก็พลันเปลี่ยนไป
“เวยเวยทำเรื่องอะไรเคยพลาดด้วยหรือไง เธอก็แค่กำลังเล่นละคร”
รู้สึกได้ถึงความหงุดหงิดของเจียวจวิ้นเจี๋ย ซูเสวี่ยอวิ่นก็หน้าซีดเผือด “ขอโทษค่ะพี่จวิ้นเจี๋ย ฉันไม่ได้สงสัยพี่สาว ฉันก็แค่......เป็นห่วงพี่”
พูดเสร็จก็หันหัวไปทางอื่น ไหล่สั่นเหมือนกำลังร้องไห้
เมื่อกี้ตอนที่พูดเธอจงใจทำตาแดงก่ำ ประกอบกับวันนี้เธอตั้งใจแต่งหน้าอ่อนๆมาโดยเฉพาะ ไม่ว่าใครมาเห็นแล้วก็ต้องรู้สึกสงสารจับใจ
เพียงแต่ทั้งใจเจียวจวิ้นเจี๋ยกำลังรอคอยช่วงไคลแมกซ์ของตัวเอง จึงมองข้ามไปโดยสิ้นเชิง
เขาโบกมืออย่างขอไปที รู้สึกรำคาญเล็กน้อย “งานประมูลจะเริ่มขึ้นแล้ว เธอพยายามยืนห่างจากฉันหน่อย เดี๋ยวเวยเวยเห็นแล้วจะเข้าใจผิด แล้วจะไม่ช่วยฉันเรื่องที่ดินอีก”
“เข้าใจแล้วค่ะ พี่จวิ้นเจี๋ย” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความน้อยใจ
หลังจากที่ฝีเท้าของเจียวจวิ้นเจี๋ยจากไป ซูเสวี่ยอวิ่นก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่เดิมมีน้ำตาเอ่อคลอเผยแววเกลียดชัง ดำมืดราวกับน้ำลีกที่ไม่เห็นตื้น
แต่ก่อน เจียวจวิ้นเจี๋ยไม่เคยทำตัวแบบนี้กับเธอมาก่อน
ซูเสวี่ยอวิ่นเอาโทรศัพท์ออกมา หันมุมไปทางซูเนี่ยนเวยกับเฟิงหนานซิวแล้วถ่ายรูปเซลฟี่ จากนั้นก็เปิด APP โพสต์รูปลงวีแชต โพสต์ถูกตั้งค่าให้เจิ้งอิงเห็นรูปเพียงคนเดียว
ไม่นานเจิ้งอิงก็อดส่งข้อความมาหาเธอไม่ได้ ถามว่าเธออยู่ที่ไหน ทำไมถึงเจอซูเนี่ยนเวยอีกแล้ว
ซูเสวี่ยอวิ่น ‘เจอโดยบังเอิญน่ะ คุณเฟิงเหมือนไม่อยากเจอพี่ เพียงแต่พี่กลับ......ฉันอดเป็นห่วงไม่ได้’
‘มันถึงกับทำแบบนี้ใส่พี่แล้ว พี่จะยังกังวลอีกทำไม ต้องเป็นเพราะเฟิงหนานซิวเบื่อและรังเกียจยัยนี่แล้วแน่ ๆ แต่มันก็ยังหน้าด้านตื๊อเขาไม่เลิก ฉันยังมีธุระ ไม่คุยละ”
เจิ้งอิงตอบข้อความเสร็จก็ปิดแชท จากนั้นก็เลื่อนหาเบอร์โทรศัพท์หนึ่งอย่างรวดเร็ว เธอลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็กัดฟันกดโทรออก
“ห้าแสน ฉันต้องการให้คนคนหนึ่งหายไปจากโลก......”
การประมูลถูกดำเนินไปอย่างราบรื่น ที่ดินถูกเอาออกมาแค่ห้านาที ก็มีคนเสนอราคาถึงห้าร้อยล้านแล้ว
เจียวจวิ้นเจี๋ยนั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างตื่นเต้น มือที่ถือป้ายหมายเลขเอาไว้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เงินจำนวนเยอะขนาดนี้ ตระกูลเจียวใช้เวลาสิบปีก็ไม่มีทางหามาได้ วันนี้ถ้าได้ที่ดินแปลงนี้แล้ว ตระกูลเจียวของพวกเขาก็จะสามารถพลิกตัวขึ้นมาอยู่ในสังคมชนชั้นสูง เหยียบย่ำพวกคนที่เคยกลั่นแกล้งเขาให้จมดิน
“ห้าร้อยหกสิบล้าน คุณผู้ชายหมายเลขสิบสี่เสนอราคาห้าร้อยหกสิบล้าน ยังมีราคาที่สูงกว่านี้อีกไหม?”
พิธีกรพูดเร่งเร้าใจคนอย่างตื่นเต้น ทว่าทุกตระกูลต่างก็มีงบประมาณจำกัด และโดยพื้นฐานก็ถึงลิมิตกันแล้ว
ผู้คนมองหน้าสบตากัน นึกว่าเรื่องที่ดินจะจบลงเพียงเท่านี้ ทันใดนั้น ในมุมหนึ่งกลับมามีป้ายหนึ่งถูกชูขึ้น
“หกร้อยล้าน” น้ำเสียงที่ตื่นเต้นของเจียวจวิ้นเจี๋ยแหบพร่าเล็กน้อย
เขาไม่ได้ซูป้ายเสนอราคามาตั้งแต่เริ่มประมูล ก็เพราะจะรอจนถึงสุดท้ายเพื่อสร้างความตกตะลึง
ฉับพลันนั้น สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่เขา มีเหนือความคาดหมาย มีตกตกลึง มีชื่นชม มีอิจฉา ทุกอารมณ์ความรู้สึกล้วนสนองความโลภในหน้าตาและชื่อเสียงของเจียวจวิ้นเจี๋ยทั้งสิ้น
“นี่เป็นบริษัทไหน ทำไมไม่เคยได้ยินมาก่อน?”
“นั่งอยู่ในมุม สถานะน่าจะไม่ได้สูงมาก เป็นม้ามืดที่กลับมาจากเมืองนอกงั้นเหรอ?”
“อย่าสนอีกเลย เดี๋ยวถ้าไปทำความรู้จักก็รู้แล้ว”
......
ในขณะที่ความสนใจของทุกคนต่างอยู่ที่เจียวจวิ้นเจี๋ย ค้อนไม้ก็ถูกทุบลง
เจ้าหน้าที่งานประมูลมาหาเจียวจวิ้นเจี๋ยให้เซ็นสัญญา รวมถึงจ่ายค่ามัดจำหกสิบล้านทันที ณ ในงาน
นี่คือขั้นตอนที่ต้องดำเนิน เจียวจวิ้นเจี๋ยเข้าใจดี
หลายปีมานี้ตั้งแต่ที่เขากลับตระกูลเจียว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้เงินเยอะขนาดนี้ นึกถึงว่าหากเรื่องจบลงก็ยังสามารถง้อซูเนี่ยนเวยให้เอาเงินคืนมาได้ เขาก็รูดบัตรอย่างฉับไวทันที
เงินน่ะ เป็นของที่ดีจริงๆเลยนะ
เมื่อเห็นเจียวจวิ้นเจี๋ยก้าวเข้ามาในหลุมที่เธอเตรียมไว้ให้ ซูเนี่ยนเวยก็ยกยิ้ม
จากนั้นเธอก็รู้สึกว่าฮีตเตอร์ในงานกลายเป็นลมเย็น แล้วเป่ามาที่เธออย่างบ้าคลั่ง แม้จะใส่เสื้อกันหนาวที่หนา ก็อดตัวสั่นไม่ได้
ซูเนี่ยนเวยหันหัว ก็เห็นที่นั่งข้างๆที่ว่างเปล่า
เฟิงหนานซิวไม่ได้รอเธอ แต่ไปงานเลี้ยงข้างๆทีเดียว ขายาวก้าวเดิน ไม่นานแผ่นหลังของเขาก็เลือนราง
นี่คือ......โกรธอีกแล้วเหรอ?
ทั้งที่เธอก็ทำตัวดีๆ และไม่ได้ไปหาเจียวจวิ้นเจี๋ย ทำไมเฟิงหนานซิวถึงโกรธอีกแล้ว
ซูเนี่ยนเวยกอดพนักเก้าอี้ข้างๆ หางคิ้วกระตุก พลางเบะปากอย่างหนักใจ
ผู้ชายน่ะ ง้อยากจริงๆเลย
“คุณหญิง” ฉินเจิงเดินมา พูดเตือนว่า “แม้เรื่องนี้ก็เป็นไปตามที่คุณต้องการแล้ว แต่อย่างน้อยคุณก็ควรคิดถึงความรู้สึกของเฮียเฟิงบ้าง ตอนยิ้มก็รบกวนช่วยเก็บอาการหน่อย”
ซูเนี่ยนเวยปาดเหงื่อ
ที่แท้ก็เป็นเพราะเรื่องนี้นี่เอง
“ก็ฉันดีใจนี่ ช่วยไม่ได้”
เธอลุกขึ้นยืน แล้วกระดิกนิ้ว เมื่อฉินเจิงยื่นตัวเข้ามา เธอก็พูดสั่งเสียงเบา จากนั้นก็รีบไปที่ห้องงานเลี้ยงข้างๆ เตรียมง้อเฟิงหนานซิว
ฉินเจิงอึ้งชะงัก มุมปากอดกระตุกไม่ได้
ทำแบบนี้ ร้ายกาจเกินไปแล้วหรือเปล่า!