บท
ตั้งค่า

บทที่ 15 ซูเนี่ยนเวย ถือว่าเธอร้าย

ท่าทางตรงไปตรงมาที่สูงส่งนั่น ทำให้ซูเสวี่ยอวิ่นดูเสแสร้งขึ้นมาทันที

ซูเสวี่ยอวิ่นลมหายใจชะงัก พลันกัดริมฝีปาก มือทั้งสองข้างที่ทิ้งลงข้างกายก็กำหมัดไว้แน่น

เธอแอบไปโทรหาโจวอานฉีที่อีกฝั่งหนึ่ง ใช้วิธีอ้อมค้อมและบิดเบือนความเป็นจริงเล่าการกระทำของซูเนี่ยนเวยให้โจวอานฉีฟัง

เรื่องต่อกรกับซูเนี่ยนเวย โจวอานฉีย่อมไม่เคยปฏิเสธ เมื่อฟังแล้วก็ตอบตกลงทันที

“เอาสายให้ผู้จัดการตู้ เดี๋ยวฉันคุยเอง”

“ตกลง” ซูเสวี่ยอวิ่นเดินกลับมา “ผู้จัดการตู้ พี่อานฉีมีเรื่องอยากคุยกับคุณ”

ได้ยินดังนั้น ท่าทางของผู้จัดการตู้ก็ดูนอบน้อมขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

โจวอานฉีคือลูกค้ารายใหญ่ของเธอ จะทำให้เธอไม่พอใจไม่ได้เด็ดขาด

ทว่า ทางนี้เพิ่งจะรับสาย มือถือที่ใช้ทำงานก็มีข้อความถูกส่งมาอีกแล้ว สีหน้าเธอซีดเผือดทันที แม้กระทั่งโจวอานฉีพูดอะไรก็ไม่ได้ยินแล้ว

“ผู้จัดการตู้ ผู้จัดการตู้?” โจวอานฉีหงุดหงิดเล็กน้อย “คุณฟังฉันพูดอยู่หรือเปล่า?”

ผู้จัดการตู้ตอบว่า “คุณโจว คำขอของคุณ เกรงว่าทางร้านคงไม่สามารถตอบตกลงคุณได้”

โจวอานฉีได้ยินดังนั้นก็โมโห “ผู้จัดการตู้ เงินหลายล้านที่ฉันส่งให้ทางร้านทุกปีถูกเอาไปป้อนให้หมากินหมดแล้วหรือไง? ขอแค่นี้ก็ทำให้ไม่ได้?”

“ขออภัยค่ะคุณโจว” ผู้จัดการตู้กลับมามีท่าทางเป็นการเป็นงานดังเดิม “เมื่อกี้เพิ่งได้รับข้อความมาจากส่วนกลาง สถานะวีไอพีของคุณถูกยกเลิกแล้ว และจะถูกต้องห้ามตลอดชีวิต ขอความกรุณาช่วยเข้าใจด้วยนะคะ”

ไม่ให้โอกาสโจวอานฉีได้พูดอะไรอีก ผู้จัดการตู้ก็กดวางสายทันที

เธอหวาดผวาจนเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก ไม่กล้าดูถูกซูเนี่ยนเวยแม้เพียงเล็กน้อยอีก

ถ้าเธอดูไม่ผิด แค่ซูเนี่ยนเวยส่งข้อความไปสองประโยค เรื่องราวก็หักมุมได้มากขนาดนี้แล้ว

สามารถควบคุมการตัดสินใจของส่วนกลางได้ตามใจตัวเอง คนคนนี้ต้องมีสถานะตัวตนที่น่ากลัวขนาดไหน?

อีกด้านหนึ่ง เสียงสัญญาณไม่ว่างทำให้โจวอานฉีแทบกลายเป็นบ้า ในขณะที่เธอกำลังจะโยนโทรศัพท์ออกไป ก็ได้รับข้อความมาอย่างต่อเนื่อง

ข้อความเหล่านั้นมาจากห้างสรรพสินค้า โรงแรม คลับต่างๆ เนื้อหาก็ไปในทางเดียวกันอย่างน่าประหลาดใจ ก็คือยกเลิกสิทธิ์วีไอพีทั้งหมดของเธอ ไม่สามารถฟื้นฟูสิทธิ์ได้ตลอดชีวิต

“ซูเนี่ยนเวย ใช้ทรัพยากรของหนานซิวโจมตีฉัน นับว่าเธอร้าย”

โจวอานฉีมองลงไปข้างล่างตามหน้าต่างบานใหญ่ แววตาเต็มไปด้วยความดุร้าย มุมปากยกยิ้ม ทว่ากลับดูสยดสยอง

รอเธอได้ความรักของหนานซิวกลับคืนมาเมื่อไหร่ เธอก็จะตาต่อตา ฟันต่อฟัน ใช้วิธีการเดียวกันคืนความอัปยศอดสูกลับไปแน่ ๆ

ซูเนี่ยนเวย รอตายซะเถอะ!

อีกด้านหนึ่ง ซูเสวี่ยอวิ่นกับเจิ้งอิงถูกรปภ.เชิญออกไปโดยไร้ซึ่งความเกรงใจ

หน้าร้านมีรถหรูสัญจรไปมา มีเพียงพวกเธอสองคนที่สีหน้าหม่นหมองอย่างหมดสภาพ

“พี่คะ ฉันไม่พอใจ”

เจิ้งอิงย่ำเท้าอย่างบ้าคลั่ง ท่าทางเหมือนจะพุ่งเข้าไปก่นด่าอาละวาด

ซูเส่ยุ่นกัดฟันไว้แน่น ใบหูที่ซ่อนไว้ในเส้นผมโมโหจนแดงก่ำ เธอไม่เคยขายหน้าขนาดนี้มาก่อน โดยเฉพาะในที่ที่มีสังคมชนชั้นสูงมารวมตัวกันแบบนี้

“อิงอิง เราสู้เธอไม่ได้หรอก ไปกันเถอะ” เธอไหล่สั่นเล็กน้อย เหมือนกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น

เจิ้งอิงโกรธท่าทางอ่อนแอของซูเสวี่ยอวิ่น “พี่ใจดีเกินไปแล้ว ถึงได้โดนคนแบบนี้กลั่นแกล้งตลอด”

เธอหันไปมองรปภ.ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูและกำลังจ้องพวกเธอเขม็ง ก่อนจะถอนหายใจยอมแพ้

“ไปกันเถอะ แค้นในวันนี้ฉันจำไว้แล้ว”

“อืม” ซูเสวี่ยอวิ่นพูดต่อว่า “ถ้าเรื่องไม่ยุติธรรมพวกนี้หายไปจากโลกจนหมดสิ้นก็คงจะดี”

หายไป!

ถ้าซูเนี่ยนเวยหายไปแล้ว จะมีใครกล้ารังแกเธออีก แล้วผู้ชายคนนั้นที่ดุจดั่งเทพบุตร จะแบ่งสายตามองมาที่เธอบ้างหรือเปล่า?

เจิ้งอิงตาลุกเป็นไฟ แผดเผาจนแก้มแดงระเรื่อ ความโกรธเกรี้ยวเองก็ถูกกลบซ่อนไว้ด้วยเจตนาร้ายที่ดำมืด

ทั้งหัวสมองเธอมีแต่ความคิดอยากให้ซูเนี่ยนเวยตาย ไม่สังเกตเห็นรอยยิ้มได้ใจตรงมุมปากของซูเสวี่ยอวิ่นเลยแม้แต่น้อย

ซูเนี่ยนเวยเจอกับกงจื่อชิงแล้ว

ทว่าวันนี้เธอมีเวลาไม่เยอะ จึงทำความเข้าใจกับสถาบันวิจัยคร่าวๆ ทำเรื่องรับมอบเสร็จก็ไปแล้ว

ตอนกลางคืน ซูเนี่ยนเวยก็ถ่อมาที่เฟิงซื่อกรุ๊ป มารับเฟิงหนานซิวเลิกงาน

เมื่อเห็นซูเนี่ยนเวยที่ลานจอดรถใต้ดิน เฟิงหนานซิวก็อึ้งชะงัก ก่อนที่หัวคิ้วจะขมวดเข้าหากันอย่างดื้อรั้น ความเย็นชาบนใบหน้าไม่ได้ลดลงเพราะการมาเยือนของเธอเลยสักนิด

“ฉันมารับนายเลิกงาน นายไม่ดีใจเหรอ?” ซูเนี่ยนเวยเบะปาก

ชาติก่อนเธอไม่เคยแบ่งความใส่ใจให้เฟิงหนานซิวแม้เพียงเสี้ยวเดียว เพราะฉะนั้นเธอเองก็ไม่รู้ ว่าผู้ชายคนนี้โกรธขึ้นมาแล้วจะง้อยากขนาดนี้

เธอสลดเล็กน้อย

เมื่อเห็นรอยยิ้มของเธอค่อยๆจางลง หัวใจของเฟิงหนานซิวก็พลันรู้สึกเจ็บแปลบ

เขาสลับเอกสารมาถือที่มือซ้าย กำลังจะไปดึงซูเนี่ยนเวย ทว่าพอถึงกลางทางก็ชะงัก ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ขึ้นรถ”

“อ้อ” ใบหน้าเรียวเล็กเผยสีซีดเผือดที่ผิดธรรมชาติอย่างไม่รู้จังหวะ

เฟิงหนานซิวขึ้นรถแล้ว

“คุณหญิง เราไปกันเถอะครับ” ฉินเจิงเดินไปพูดเตือน

พอเห็นคุณหญิง รังสีที่น่าสะพรึงกลัวบนตัวเฮียเฟิงก็ลดลงถึงจุดต่ำสุดอย่างเห็นได้ชัด เขาจะไม่รู้สึกดีใจได้อย่างไร

ซูเนี่ยนเวยขึ้นรถตาม แต่กลับไม่พูดอะไรอีก

รถไมบัคที่ผ่านการปรับปรุงใหม่มีพื้นที่กว้างใหญ่กว่าเดิม ทว่า ณ ตอนนี้กลับเงียบสงัดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของทั้งคู่

ใบหน้าของซูเนี่ยนเวยนั้นเล็กมาก แต่กลับเหมือนจานสีที่มีทุกสีสันผสมปนเปกันไปหมด เต็มไปด้วยโทนสีเทา ความสลดกับความเสียใจคือสิ่งที่ชัดเจนที่สุด

เฟิงหนานซิวมองผ่านดวงตาที่แดงก่ำของเธอ ค่อยๆไล่ไปถึงสันจมูกโด่ง มาถึงริมฝีปากที่ไม่มีเครื่องสำอางแต่งแต้มทว่ากลับแดงสดเย้ายวน

คำขานที่เสนาะหูเมื่อตอนเย็น ก็ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากเล็กคู่นี้

ใจของเฟิงหนานซิวเหมือนถูกบีบรัด ประหนึ่งมีขนนกพัดผ่าน ทั้งอ่อนนุ่มและจักจี้

เขาดึงคนเข้ามาในอ้อมกอด เอ่ยว่า “เรียกอีกที”

ซูเนี่ยนเวยดีใจ ก่อนจะยื่นตัวไปที่ข้างหูเฟิงหนานซิวหน้ายิ้มๆ น้ำเสียงหยดย้อยเย้ายวนกว่าในโทรศัพท์

“คุณ สา มี”

วินาทีถัดมา เธอก็ถูกทับลงไปบนเบาะหนังของรถไมบัค

ลำคอพลันรู้สึกเจ็บแปลบ ลมหายใจอุ่นร้อนก็ลุกลามจากจุดที่เจ็บ ร้อนรุ่มจนซูเนี่ยนเวยหัวหมุนตาลาย

เฟิงหนานซิวในตอนนี้ก็เหมือนหมาป่าที่ถูกยั่วโมโหตัวหนึ่ง ตะปบเหยื่อที่กำลังจะสิ้นลมหายใจ เพียงแค่ขยับก็สามารถเขมือบเหยื่อลงท้องได้อย่างง่ายดาย

ซูเนี่ยนเวยยอมถูกขังไว้ในกรงเล็บอย่างเต็มใจ

น่าแปลกประหลาดนัก ทั้งที่เธอรู้ว่าตัวเองก็คือเหยื่อตัวนั้น ทว่ากลับไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย กลับกันยังรู้สึกว่าการกระทำที่ใกล้ชิดแบบนี้สบายมากๆ

ซูเนี่ยนเวยอยากใช้โอกาสนี้ง้อเฟิงหนานซิว ทว่ารถดันถึงบ้านพอดี

เดิมทีเธอนึกว่าเฟิงหนานซิวเริ่มหายโกรธตั้งแต่อยู่บนรถแล้ว คิดไม่ถึงว่าพอลงจากรถ คนคนนี้ก็พลิกหน้าอีกแล้ว ไม่เพียงแค่เย็นชากับเธอ บางครั้งก็ยังถึงขั้นเมินเธออีกด้วย

เฟิงหนานซิวก็ยังคงเชื่อฟังเธอและเลิกงานตรงเวลา ทว่ากลับไม่เคยให้เธอช่วยทายาให้ เวลากินข้าวก็คำนวณไว้อย่างแม่นยำ หลบหน้าซูเนี่ยนเวยได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เป็นแบบนี้ต่อเนื่องมาหลายวัน

ซูเนี่ยนเวยอึดอัดจนจะตายแล้ว

กระทั่งจนถึงวันงานประมูลที่ดิน เฟิงหนานซิวก็จึงจะกลับมาเป็นปกติ ทานอาหารเช้ากับเธอเสร็จก็นั่งต่ออีกครู่หนึ่ง จึงจะออกไปกับฉินเจิง

ที่ดินแปลงนี้คือการลงทุนที่ถูกจับตามองมากที่สุดในเมืองหลิน ดังนั้นงานประมูลยังไม่เริ่ม ภายในงานก็มีคนเยอะจนแออัดแล้ว

เฟิงหนานซิวนั่งอยู่แถวหน้าสุด ดวงตาดำขลับกวาดมองฝูงคน ค้นหาเงาร่างที่เขาไม่อยากจะเจอที่สุด

เขาคิด ว่าตราบใดที่ซูเนี่ยนเวยไม่มางานนี้ เขาก็จะทำเป็นเหมือนไม่เคยได้ยินคำพูดในห้องน้ำมาก่อน

ฉินเจิงมองความคิดของเขาออก กำลังจะภาวนาให้ซูเนี่ยนเวยอย่ามา ก็เห็นเงาร่างหนึ่งที่คุ้นตาตรงประตูทางเข้างาน

เขาเผยสีหน้าลำบากใจ ทว่าก็ไม่อาจไม่ปริปากว่า “เฮียเฟิง คุณหญิงมาแล้ว”

เฟิงหนานซิวหันไปมอง ก่อนที่แสงริบหรี่ที่เหลืออยู่ในดวงตาจะดับลงในทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel