บท
ตั้งค่า

3 เมียหาย

ร่างสูงเพรียวที่กำลังวิ่งออกกำลังกายตามแนวริมหาดทำให้คนขับเรือที่ถูกเรียกให้มารับเพื่อไปส่งที่ท่าเรือในช่วงสายของวันนี้ต้องหัวเราะขันตัวเอง

“นังผักมันบอกว่าคุณติณณ์ทำท่าเหมือนคนอกหัก ข้าก็นึกภาพคุณติณณ์เมาหัวราน้ำเสียอีก”

นั่นเป็นภาพที่เขาเคยเห็นเมื่อปีก่อน พอได้ยินลูกสาวบอกว่าท่าทางของติณณ์เหมือนคนอกหัก แถมยังชอบนอนดูดาวทั้งคืน เขาจึงคิดไปเองว่าติณณ์คงกลับมามีสภาพนั้นอีก แต่พอมาเห็นด้วยตาตัวเอง มันกลับผิดคาด เพราะสีหน้าและท่าทางของติณณ์ห่างไกลจากภาพที่เขานึกไว้ลิบลับ จนคู่ชีวิตที่เป็นแม่ครัวประจำบ้านพักบนเกาะต้องพูดขัดอย่างขัดใจ

“แกเชื่ออะไรนังผักมันล่ะ แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าคุณติณณ์มาทำงาน ฉันก็เห็นเขาทำงานทุกวัน เขามักอยู่ในห้องทำงาน บางทีฉันก็ได้ยินเขาพูดสายกับใครต่อใคร พอตกเย็นเขาก็ออกมาว่ายน้ำ ตีลังกามองท่าไหนมันก็ไม่ใช่อาการคนอกหัก นังผักมันอคติ หาว่าคุณติณณ์ทิ้งเมียมาอยู่เกาะ มันเลยใส่ร้ายเขาว่าอกหักจากแฟนเก่า”

“ใครมันจะอกหักซ้ำซากกับคนคนเดียวได้ข้ามปีล่ะวะ”

“แกพูดเหมือนรู้อะไร เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ”

“เรื่องอะไร?”

“อ้าว! เรื่องคุณติณณ์กับคุณคัทลียาไง เขาเลิกกันตั้งแต่เมื่อไรกันแน่ แล้วคราวที่คุณติณณ์มาหมกตัวอยู่ที่นี่เกือบสามเดือน เป็นเพราะเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า”

“นั่นแหละ สองคนนี้เลิกกันตั้งแต่ปีก่อนแล้ว ข้าก็งงที่นังผักบอกว่ารอบนี้คุณติณณ์ยังทำท่าเหมือนคนอกหักอยู่”

“ไม่มีหรอก เชื่อสายตาฉันได้ เขามาทำงานจริงๆ ส่วนเรื่องอกหัก ถ้าจะมีในคราวหน้า ฉันว่าคงอกหักจากเมียนี่แหละ คนอะไร แต่งงานได้วันเดียวก็หนีมาอยู่บนเกาะ ถ้าฉันเป็นผู้หญิงก็คงไม่ทน”

“แก้ตัวแทนคุณติณณ์มาตลอด จู่ๆ ก็แปรพักตร์ไปเข้าข้างเมียเขาเฉยเลยนะ”

ชายวัยกลางคนกระเซ้าคู่ชีวิต ส่วนคนถูกกระเซ้าก็ได้แต่ค้อนปะหลับปะเหลือก

ถ้าเป็นเรื่องราวระหว่างติณณ์กับคัทลียา นางก็ต้องเข้าข้างติณณ์อยู่แล้ว แต่พอนึกถึงเมียแต่งของเขา นางก็อดที่จะนึกเห็นใจฝ่ายนั้นไม่ได้

ติณณ์มาอยู่บนเกาะฟาตินเข้าวันที่สิบสองแล้ว ไม่อยากบอกเลยว่าในเช้าวันนี้แค่ได้ยินเขาพูดว่าจะกลับกรุงเทพฯ นางก็ดีใจแทนเมียที่ถูกทิ้งของเขาจนเผลอยิ้มกว้างออกมา

สปอร์ตคาร์คันสีขาวแล่นผ่านประตูรั้วเข้ามาภายในอาณาบริเวณบ้านสองชั้นหลังใหญ่ ก่อนจะจอดไว้ในโรงจอดรถที่มีรถหรูจอดเรียงกันสี่คัน ชายร่างสูงกวาดสายตามองทั่วทั้งโรงรถ เมื่อเห็นว่ามันเรียบร้อยดี เขาจึงหิ้วเป้ใบใหญ่เดินออกมา

โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง!

สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์สีน้ำตาลเข้มเห่ากระโชก มันกระโจนเข้าไปใกล้เขา แต่พอเมื่อเห็นว่าเป็นใคร มันก็โถมตัวใส่ด้วยอารามดีใจจนชายหนุ่มถึงกับเซ

“เป็นไงโกโก้ ฉันไม่อยู่บ้านหลายวัน แกคิดถึงฉันไหม”

ติณณ์ลูบหัวเจ้าสัตว์สี่ขาจนมันสงบลง ก่อนเขาจะผละเข้าไปในบ้าน ดวงหน้าคร้ามคมที่มีหนวดเคราปกคลุมเกลื่อนด้วยรอยยิ้มละไม เขากำลังนึกถึงใครบางคนที่เชื่อมั่นว่าเธอกำลังรอเขาอยู่

เมื่อเข้ายืนอยู่กลางโถงบ้าน บ้านทั้งหลังเงียบกริบ ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยหวังจะเห็นเธอคนนั้น หากไร้วี่แววของเธอ เขาจึงถามเด็กรับใช้ที่เดินตรงมาหา

“หายไปไหนกันหมด”

“ป้านิ่มอยู่ในครัว ลุงแดงตัดหญ้าตรงกำแพงรั้ว น้า...”

สาธยายยังไม่หมด เจ้านายก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน

“คุณขวัญล่ะ”

“คุณขวัญไม่อยู่ค่ะ คุณขวัญกลับบ้าน”

“กลับบ้าน? กลับไปบ้านไหน”

“หนูไม่ทราบเหมือนกันค่ะ คุณขวัญบอกป้านิ่มไว้แค่นี้”

“คุณขวัญไปตั้งแต่เมื่อไร แล้วไปยังไง รถยังจอดครบ”

เมื่อกี้เขาเห็นรถจอดอยู่ครบทั้งสี่คัน มันเป็นรถของเขา หากคิดว่าถ้าขวัญรดามีธุระปะปังที่ไหน เธอก็คงหยิบกุญแจรถไปใช้เอง

“คุณขวัญไปตั้งแต่เมื่อวานค่ะ มีรถมารับคุณขวัญออกไป”

“ใครมารับ?”

“หนูไม่รู้จักค่ะ”

“ไปเรียกป้านิ่มมาซิ”

เด็กรับใช้หายไปอึดใจเดียว ร่างท้วมของแม่บ้านก็ปรี่มาหาอย่างทันท่วงที ติณณ์ถามอย่างไม่ให้เสียเวลา เพราะเขากำลังร้อนใจมาก

“คุณขวัญไปไหน เธอบอกอะไรป้าไว้บ้าง”

“เธอกลับไปพักที่บ้านค่ะ คงเป็นบ้านคุณพ่อคุณแม่ของเธอ”

“ป้าเดาเองหรือคุณขวัญบอก”

“คุณขวัญมีบ้านกี่หลัง คุณติณณ์น่าจะรู้ดีกว่าป้านะคะ เธอยังมีคุณพ่อคุณแม่ ป้าก็คิดว่าถ้าออกจากบ้านนี้ไป เธอก็คงกลับไปบ้านของคุณพ่อคุณแม่ของเธอค่ะ”

ไม่เคยเลยที่ป้านิ่มจะต่อปากต่อคำกับเจ้านาย ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้นางกล้าทำ เมื่อเห็นเจ้านายโบกมือไล่ นางก็ฉวยโอกาสนั้นรีบผละออกมา

ติณณ์หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทร.ไปหาหญิงสาว เขารอสายอย่างใจจดใจจ่อ นานจนสายเกือบจะตัดไป คนปลายสายถึงตอบรับกลับมา…หากนั่นไม่ใช่เสียงของเธอ

“สวัสดี”

“เบอร์ขวัญหรือเปล่าครับ”

“ใช่ นายโทร.มาหาน้องสาวของฉันทำไม มีธุระอะไร”

ติณณ์พ่นลมหายใจด้วยความโล่งอก เมียอยู่กับพี่สาวของเธอ...แต่ยังมีความขุ่นใจเจือมาอีกหน่อย ตรงที่น้ำเสียงของคนรับสายตั้งท่าจะหาเรื่องเขานี่แหละ

“ภัสเหรอ ขวัญอยู่กับภัสใช่ไหม”

“ใช่”

“ฉันขอคุยกับขวัญหน่อย”

“ขวัญกำลังคุยกับเพื่อน ไม่สะดวกคุยกับนาย”

“ขวัญอยู่ที่ไหน? แล้วทำไมถึงทิ้งโทรศัพท์ไว้กับเธอ”

“ขวัญก็อยู่ที่บ้าน แต่เพื่อนของเขามาหา พวกเขากำลังเมาท์กัน นายอย่าไปทำลายความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของน้องสาวฉันเลย”

รู้ว่าถูกรวนเข้าแล้ว ติณณ์จึงพยายามข่มอารมณ์โมโหไม่ให้พุ่งออกมา ภัสสราเป็นเพื่อนวัยเด็กของเขา เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนตั้งแต่ประถมยันมัธยมต้น แม่คนนี้เป็นจอมวายร้าย...ต่างกับคนเป็นน้องสาวลิบลับ

“ฉันจะคุยกับเมียของฉัน”

น้องเขยพยายามใจเย็น แต่คนเป็นพี่เมียฟังอย่างไรมันก็เป็นเสียงขบฟันชัดๆ เจ้าหล่อนได้ทีจึงกระพืออารมณ์โมโหของเขาขึ้นมาอีก

“อ้าว! นายมาตามหาเมียหรอกเหรอ ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้นะเนี่ย ว่าแต่เมียของนายเป็นใคร ชื่ออะไรล่ะ เผื่อฉันรู้จักจะได้ช่วยตามหา”

“อย่ามากวนประสาทนะภัส เอามือถือไปให้ขวัญ ฉันจะคุยกับขวัญ”

ติณณ์สั่งเสียงกร้าว ไม่คิดจะเก็บอารมณ์กันแล้ว พี่เมียก็พี่เมียเถอะ ถ้ายังรวนไม่เลิก เขาพร้อมจะชนแล้ว...แต่คราวนี้เจ้าหล่อนกลับว่าง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ

เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของภัสสรา และแว่วเสียงคนพูดคุยกันที่ได้ยินชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ที่ตรงนั้นคงมีคนอยู่มากกว่าสองคน มีทั้งเสียงผู้หญิงทั้งเสียงผู้ชาย กระทั่งเสียงฝีเท้าของคนปลายสายหยุดลง

“ผัวของเธอโทร.มา เธอจะคุยกับเขาหรือเปล่า”

เสียงนั้นดังเข้ามาอย่างชัดเจน ใบหน้าหล่อคมสันยิ้มกว้างอย่างรอคอยเสียงที่กำลังจะได้ยิน แต่รอยยิ้มหุบลงพลัน เมื่อได้ยินเสียงเดิมๆ พูดกับเขาชนิดที่ไม่เว้นจังหวะด้วยซ้ำ

“เมียของนายไม่อยากคุยด้วย แค่นี้นะ”

สายตัดไปแล้ว ติณณ์ทิ้งเป้ใบใหญ่ที่นำกลับมาจากเกาะไว้บนโซฟาใกล้ตัว ก่อนจะก้าวยาวๆ กลับไปยังโรงรถ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel