2 โดดเดี่ยว 2
ผ้าปูที่นอนสีเข้มผืนใหม่ถูกปูบนที่นอน มันถูกเปลี่ยนจากผ้าปูที่นอนสีหวานผืนก่อน ขวัญรดามองหมอนสองใบที่วางเคียงกัน ก่อนจะหยิบหมอนใบหนึ่งนำไปเก็บเสีย ไม่จำเป็นต้องวางให้เกะกะบนเตียง แล้วหาหมอนข้างมาวางไว้แทน
ตั้งแต่เกิดมาขวัญรดาไม่เคยรู้สึกเดียวดายและอ้างว้างแบบนี้ เธอเคยเป็นคนที่อยู่คนเดียวได้ ชอบเสียอีกที่ไม่ต้องวุ่นวายกับใคร เธอไม่ใช่คนขี้เหงา หากในเวลานี้ทุกความรู้สึกที่เธอไม่เคยเป็นและมั่นใจว่าจะไม่มีวันเป็น มันกลับโถมเข้าใส่พร้อมๆ กัน
มือบางที่มีแหวนแต่งงานสวมอยู่ถูกยกขึ้นมามองนิ่งๆ ขวัญรดาคิดลังเลอยู่ 2-3 ครั้งแล้วว่าจะสวมมันไว้อย่างนี้ดีไหม ในเมื่อติณณ์ไม่เห็นความสำคัญของมัน เธอจะพันธนาการตัวเองไว้กับการแต่งงานอยู่ฝ่ายเดียวไปทำไม หากสุดท้ายแล้วเธอก็ถอดมันทิ้งไม่ได้...
แม้มีเรื่องกระทบจิตใจจนไม่อาจปล่อยวางจากความคิด แต่ความเหนื่อยล้าที่สะสมและร่างกายที่ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ทำให้ค่ำคืนนี้ขวัญรดานอนหลับในทันทีเมื่อหัวถึงหมอน
“ถ้าพ่อไม่บอกว่าคุณติณณ์เพิ่งแต่งงาน ฉันต้องคิดว่าแกอกหักมาแหงๆ เลยแม่”
คำพูดของลูกสาวที่เดินเข้ามาในเรือนพักคนงาน หลังจากนำสำรับกับแกล้มไปให้เจ้านายที่มาจากกรุงเทพฯ แล้ว ทำให้แม่ครัวประจำบ้านเงยหน้าขึ้นมามองอย่างสงสัย
“ทำไม? คุณติณณ์เป็นอะไร?”
“นอนเปลมองดูฟ้าดูดาวอยู่ตรงระเบียง ฉันเรียกตั้งสองครั้งกว่าจะรู้ตัว”
“กำลังคิดถึงเมียหรือเปล่า”
“ไม่นะแม่ หน้าตาไม่เหมือนคนคิดถึงเมีย ฉันดูออก เพราะฉันก็มีผัวแล้ว”
“ทีเรื่องอย่างนี้เชี่ยวชาญนะเอ็ง”
“มันมีเค้านะแม่ คุณติณณ์อกหักจากแฟนเก่าไม่กี่เดือนก็แต่งงานทันที แถมยังแต่งกับน้องสาวของแฟนด้วย มันไม่ใช่เรื่องปกติหรอก”
“แกหมายถึงคุณคัทลียานะเหรอ เขาเลิกกันตั้งนานแล้ว กว่าจะเป็นข่าวก็นานเป็นปี คนดังก็เป็นอย่างนี้แหละ ปิดข่าวกันเก่ง ส่วนคนที่คุณติณณ์แต่งงานด้วย เธอเป็นญาติของคุณคัทลียา ไม่ได้เป็นพี่น้องท้องเดียวกันสักหน่อย”
เมื่อลูกสาววิเคราะห์มาอย่างนั้น แม่ครัวที่อยู่รับใช้เจ้านายมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ก็ออกโรงค้านทันควัน ถึงนางจะเป็นคนแก่ที่อยู่แค่บนเกาะ นานๆ ถึงจะออกไปยังฝั่ง แต่ก็ไม่เคยพลาดข่าวสารกับเขาสักที...หากดูเหมือนว่าลูกสาวจะไม่ยอมคล้อยตามง่ายๆ
“อกหักจากแฟนแล้วไปคว้าเอาญาติของแฟนมาแต่งงานอย่างนี้เหรอ มันได้เหรอแม่”
“ไม่มีใครคิดตื้นๆ อย่างเอ็งหรอก ระดับคุณติณณ์ไม่จำเป็นต้องประชดใคร หล่อ รวย เก่ง หาผู้หญิงเลิศเลอกว่าแฟนเก่าสักกี่คนก็ได้ แต่เขาแต่งงานกับคนนี้ เขาก็คงรักของเขา”
“จ้า รักมาก แต่งงานวันเดียวก็เผ่นมาอยู่ที่นี่เลย”
จบการสนทนา เพราะคนเป็นแม่จนทางหาคำแก้ตัวให้เจ้านายแล้ว ได้แต่ใช้สิทธิ์ความเป็นแม่สั่งให้ลูกสาวหยุดพูดเรื่องนี้เสีย
เช้าวันที่สองที่ขวัญรดาตื่นนอนขึ้นมาในบ้านหลังใหม่ เปลือกตาปรือเปิด รอบตัวยังคงแปลกตา สมองค่อยๆ ทบทวนความจำ เหตุการณ์ในช่วงสองวันที่ผ่านมาผ่านเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ
เธอเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว สามีอยู่ร่วมเตียงในคืนเข้าหอ แต่พอวันถัดมา เขาก็เดินทางไปที่เกาะของครอบครัวตามลำพัง
ขวัญรดาถูกทิ้งให้อยู่เฝ้าเรือนหอ แม้ยังมึนงงกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญ แต่เธอรู้แก่ใจดีว่ามันไม่ปกติและตัวเธอเองก็ไม่มีความสุข
หญิงสาวยันกายลุกมาขึ้นนั่งกลางเตียง เมื่อคืนเธอนอนหลับทันทีที่หัวถึงหมอน แต่พอตกกลางดึก เธอกลับสะดุ้งตื่นขึ้นมา 2-3 หน คงเป็นเพราะจิตใจไม่สงบ เธอหลับไปทั้งที่สมองยังคงว้าวุ่น ประสาทสัมผัสทุกส่วนจึงถูกปลุกให้ตื่นเป็นระยะๆ เธอไม่อาจนอนหลับได้อย่างเต็มตา
ขวัญรดาลุกขึ้นเข้าห้องน้ำ พยายามทำตัวเองให้แข็งแรงและสดชื่น ด้วยรู้ดีว่าตอนนี้เธอจิตตกมากแค่ไหน หากยังคงหมกตัวอยู่ในห้องนอน มีหวังสภาพอารมณ์คงจมดิ่ง
ตอนนี้ยังเป็นเวลาเช้าอยู่มาก เมื่อลงไปข้างล่าง ขวัญรดาจึงพบว่าบ้านทั้งหลังเงียบกริบ เธอเดินไปดูในห้องครัว แล้วจึงเห็นว่าคนรับใช้รวมกลุ่มกันอยู่ในนี้ และเด็กรับใช้คนเดิมที่ขึ้นไปหาเธอถึงในห้องนอนเมื่อวานตอนเย็นก็หันมาเห็นพอดี
“คุณขวัญตื่นเช้าจัง พวกหนูยังไม่ได้เตรียมมื้อเช้าเลยค่ะ”
“ไม่เป็นไร ฉันยังไม่หิว ฉันแค่เดินมาดู”
“พวกหนูกำลังเตรียมของให้ป้านิ่มทำกับข้าวค่ะ คุณขวัญจะรับกาแฟไหมคะ เดี๋ยวหนูชงไปให้ หรือรับเป็นน้ำส้มคั้นก็ได้ค่ะ”
“ฉันขอกาแฟดำก็แล้วกัน ขอบใจนะ”
หญิงสาวเดินออกมาจากห้องครัว เธอยืนหันมองรอบๆ อยู่กลางห้องโถงบ้าน ตัดสินใจไม่ได้ว่าควรพาตัวเองไปอยู่ตรงไหนดี ทั้งที่ทั่วทั้งบ้านมีเก้าอี้และโซฟาจัดไว้ตั้งหลายมุม แต่เธอกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ทางของตัวเอง...เธอยืนนิ่งอยู่เช่นนั้นนานแค่ไหนก็ไม่รู้ กระทั่งได้ยินเสียงคนรับใช้ดังขึ้น
“กาแฟได้แล้วค่ะ” เจ้าตัวถือถาดวางแก้วกาแฟ โดยมีขนมของว่างวางเคียงมาด้วย ก่อนจะเสนอแนะเธอ “คุณขวัญนั่งบนศาลาไหมคะ จากศาลามองไปเห็นสวนผลไม้หลังบ้านเราด้วยค่ะ หนูคิดว่าคุณขวัญน่าจะชอบ”
ถ้อยคำท้ายเจือความเกรงใจ ขวัญรดารู้ทันทีว่าเมื่อวานเด็กรับใช้คงเห็นเธอนั่งมองสวนจากระเบียงหลังห้องนอนอยู่นาน เธอพยักหน้ารับความหวังดี ก่อนจะเดินตามเจ้าตัวไปยังศาลานั่งเล่นที่ยกเสาสูง ซึ่งมีทางเดินเชื่อมกับตัวบ้าน
เวลาผ่านไปอย่างเนิบช้าจนเข้าสู่วันที่แปด ขวัญรดาแทบจำไม่ได้ว่าในแต่ละวันเธอทำอะไรลงไปบ้าง เพราะกิจกรรมที่เธอทำมันซ้ำๆ จนคล้ายหุ่นยนต์เข้าไปทุกทีแล้ว
พี่สาวโทร.มาหาในเวลาสาย ขวัญรดารีบรับสายพร้อมรอยยิ้ม...เธอดีใจ ทั้งที่ไม่ใช่สายที่รอคอยอยู่ทุกวัน
“เป็นยังไงบ้างขวัญ เธอสบายดีไหม”
“ขวัญสบายดีค่ะ พี่ภัสถามเหมือนเราไม่ได้เจอกันนาน” น้ำเสียงสดชื่นขึ้นโดยที่ไม่ต้องพยายามเลย
“ไม่นาน แต่มันห่างไกล”
“ไกลยังไง บ้านใหม่ของขวัญอยู่แค่บางกรวย”
“ไกลสิ ไกลมากด้วย จากยายขวัญน้องสาวของพี่กลายเป็นสะใภ้บ้านเศรษฐีใหญ่ไปแล้ว อย่างนี้ไม่เรียกว่าห่างไกล แล้วจะให้เรียกอะไร”
พี่สาวแค่เย้า เธอรู้ แต่มันทำให้หัวใจของเธอกระตุก...อย่างนั้นหรือ ไม่เห็นรู้สึกว่ามันดีตรงไหนเลย
“เป็นอะไรขวัญ เงียบไปเลย”
“เปล่า ขวัญแค่กำลังคิดตามที่พี่ภัสพูดแล้วรู้สึกว่ามันแปลก”
“เป็นเมียผู้ชายหล่อ รวย และเนื้อหอมมากทั้งที เธอแค่แปลกเองเหรอ อย่างนี้มันหยามนายติณณ์มากไปแล้วนะ” พี่สาวหัวเราะร่วน ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องใหม่อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “มากินข้าวที่บ้านกันไหม ติณณ์ว่างหรือเปล่า มาทั้งสองคนเลย”
“คุณติณณ์เหรอ งานของเขายุ่งๆ อยู่เลย” นึกขอบคุณตัวเองที่ไม่ออกอาการตะกุกตะกักให้พี่สาวรู้สึกผิดสังเกต
“ใช่สินะ เห็นว่าจะปรับรูปแบบรายการใหม่” ภัสสราพึมพำ คล้ายจะรู้เรื่องราวของติณณ์อยู่บ้าง ซึ่งมันเป็นผลดีสำหรับขวัญรดา “งั้นรอเขาว่างตอนไหน ขวัญค่อยชวนมาบ้านเราก็แล้วกันนะ”
“แน่ใจหรือว่าถ้าคุณติณณ์ว่างแล้ว พี่ภัสจะหาเวลาว่างตรงกันได้ พี่ภัสหาคิวยากกว่าใคร แค่พี่ภัสโทร.มาหาขวัญได้ ขวัญก็เซอร์ไพรส์จะแย่อยู่แล้ว”
“พี่ว่างพอที่จะใช้โทรศัพท์ทุกวันแหละ แต่ก่อนหน้านี้ที่ไม่โทร.ไปหาเธอ เพราะพี่ไม่อยากรบกวนเวลาของคนเพิ่งแต่งงาน พี่ไม่อยากเป็นส่วนเกิน”
เจ้าของคำพูดหัวเราะอารมณ์ดี แต่พอเธอหยุดเสียงหัวเราะ คู่สนทนาก็ยังคงเงียบ จนเธอต้องสะกิดถาม
“อ้าว! ขวัญเงียบอีกแล้ว เธอเป็นอะไร หรือเบื่อพี่แล้ว”
“เปล่า ขวัญกำลังคิดอะไรนิดหน่อย”
“สรุปมาบ้านได้วันไหนก็โทร.มาบอกพี่ล่วงหน้าหน่อยนะ”
“จะให้คุณติณณ์ไปด้วยใช่ไหม”
“อ้าว! ถามอะไรแปลกๆ พวกเธอสองคนแต่งงานกันแล้วก็ควรมาด้วยกัน จะแยกกันไปคนละทางได้ยังไง”
ใช่สินะ แต่งงานแล้ว แต่แยกไปคนละทาง ต่างคนต่างอยู่ได้ยังไง...ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ไม่ควรแต่งงานตั้งแต่แรก