3 เมียหาย 2
ภัสสราตัดสายสนทนา แล้วส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้น้องสาว ก่อนจะตวัดสายตามองคนที่นั่งข้างๆ เจ้าตัวที่กำลังตีสีหน้าเหลอหลา หากพอเห็นประกายตาฉายแววเข้มงวด เขาจึงขยับเก้าอี้ตัวเองห่างออกมา
ภัสสราลากเก้าอี้ตัวที่ยังว่างมานั่งแทรกกลางระหว่างน้องสาวกับพระเอกลูกครึ่งที่ขอติดรถเธอมาจากกองถ่ายแล้วไม่ยอมกลับบ้านสักที แม้ผู้จัดการส่วนตัวมารับ เขาก็ยังไม่กลับ ก่อนจะหันไปคาดคั้นน้องสาว
“เล่ามาสิว่าเมื่อวานเธอกลับมาบ้านนี้ทำไม เธอมีปัญหาอะไรกับติณณ์หรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะ ขวัญแค่ไปงานวันเกิดของเพื่อน แล้วบังเอิญร้านอยู่ใกล้บ้านเรา ขวัญก็เลยแวะมานอนบ้าน เพราะคิดถึงกับข้าวฝีมือแม่”
“ผัวของเธอไม่รู้ใช่ไหมว่าเธอหายไปไหน เมื่อกี้เขาโทร.มาหา ดูท่าทางร้อนใจมาก”
‘ผัว’ จากปากพี่สาวทำให้ขวัญรดาตีสีหน้าแปลกๆ แม้ติณณ์จะพูดคำนี้กับเธอหลายหนแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ชิน ยิ่งได้ฟังจากพี่สาวอีก มันก็ทำให้เธอรู้สึกเก้อเขินอย่างประหลาด
“พูดเพราะๆ หน่อยสิ” เป็นพระเอกคนดังที่ติงขึ้นมา หากมีหรือที่คนอย่างภัสสราจะยอมฟังเขา
“พูดเพราะๆ ยังไง แล้วเมื่อกี้ฉันพูดหยาบคายตรงไหน”
“คุณเรียกว่าสามีก็ได้ หรือเรียกชื่อเขา”
“อ้าว! คำว่าผัวเป็นคำหยาบเหรอ” ภัสสรากลอกตาไปมา แล้วจีบปากจีบคออธิบาย เผื่อว่าเขายังไม่แตกฉานภาษาไทย “นี่นะคุณชาย คำว่าผัวหรือเมียมันเป็นคำสุภาพ เป็นคำไทยแต่โบราณ ฉันถนัดเรียกอย่างนี้ ฉันก็จะเรียก และมันไม่ใช่คำหยาบคายด้วย”
“คุณคบกับพี่หวานเยอะไปก็เป็นอย่างนี้”
เอเดนถอนหายใจ ทำท่าเหนื่อยหน่าย ส่วนอีกคนก็เบิกตาโต แสร้งตกใจได้อย่างเกินจริง
“นี่คุณว่าพี่หวานพูดจาหยาบคายเหรอ ตายแล้ว! ทำไมปากคอเราะรายอย่างนี้ พี่ครามกับน้องกุ๊กได้ยินเหมือนกันใช่ไหมคะ คอยดูนะ ฉันจะฟ้องพี่หวาน”
โดยไม่ลืมพยักพเยิดกับผู้จัดการส่วนตัวและผู้ช่วยของเขาที่นั่งร่วมโต๊ะเพื่อให้เป็นพยาน ตบท้ายด้วยการขู่จะฟ้องคนที่ถูกพาดพิงถึงซึ่งเป็นช่างแต่งหน้าประจำกองถ่าย
“หาเรื่องผมอีกแล้ว งั้นกลับไปสนใจน้องเขยของคุณต่อเลย ผมไม่ยุ่งด้วยแล้ว”
เมื่อเห็นท่าว่าถูกรุมแน่แล้ว คนของเขาทั้งสองคนแทนที่จะเข้าข้างเขา กลับนั่งอมยิ้มมองภัสสราเหมือนเอ็นดูเธอนักหนา เอเดนจึงล่าถอยเสีย ซึ่งเป็นเช่นนี้แทบทุกครั้งที่ต้องลับฝีปากกัน
ภัสสราหันขวับมาเผชิญหน้ากับน้องสาวที่นั่งอึนๆ อย่างไรอย่างนั้น ก่อนจะเค้นถามใหม่
“มีปัญหากับติณณ์หรือเปล่า แต่งงานได้ไม่กี่วัน เธอก็มานอนค้างที่บ้าน แล้วเมื่อวานทั้งวันติณณ์ไม่รู้เหรอว่าเธอไม่อยู่บ้านโน้น เมื่อกี้เขาถึงโทร.ตามหาเธอให้วุ่น”
“ช่วงนี้คุณติณณ์ทำงานยุ่งน่ะค่ะ”
“ยุ่งยังไง? เมียหายไปทั้งคืน บ่ายวันนี้เพิ่งโทร.ตามหา”
คนถูกคาดคั้นเม้มริมฝีปากจนแก้มป่อง ติณณ์ทิ้งเธอไปตั้งสิบกว่าวัน แต่พี่สาวกลับมองเหมือนเธอเป็นคนผิดที่กลับมานอนบ้านพ่อแม่แค่วันเดียว
ขวัญรดารอคอยติณณ์กลับมาบ้านอย่างใจจดใจจ่อ โทรศัพท์จากเขาก็ไม่เคยมีมาหา เธอรอเขาจนครบสิบวัน วันนั้นเธอตื่นตั้งแต่เช้ามืดด้วยความตื่นเต้น แต่งหน้าแต่งตัวอย่างประณีต พอช่วงสายก็เข้าครัวช่วยแม่ครัวทำอาหาร เธอตั้งใจจะต้อนรับเขากลับบ้าน แต่รอทั้งวันกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา
เจ็บปวดหัวใจจนไม่รู้จะบรรยายออกมาอย่างไร เธอไม่กล้าเล่าเรื่องน่าอายนี้ให้ใครฟัง เพราะแค่คนในบ้านมองเธอด้วยสายตาสงสาร ขวัญรดาก็เวทนาตัวเองจะแย่อยู่แล้ว
“เมื่อกี้เขาโทร.มาตามคุณขวัญ แต่คุณก็กีดกันไม่ให้เขาคุยกัน คุณขวัญยังไม่ทันตอบเลยว่าจะคุยกับสามีของเขาหรือเปล่า คุณก็สวมบทตัวร้ายบอกว่าคุณขวัญไม่อยากคุยแล้ว”
เสียงแปร่งๆ แทรกขึ้นมาอย่างอดใจไม่ได้ ทำให้คนที่กำลังสวมบทตัวร้ายทั้งในจอและนอกจอต้องส่งสายตาดุๆ ปรามพระเอกคนดังที่กำลังขึ้นหม้อให้หยุดพูดเสีย
“เงียบไปเลยนะ พี่น้องเขาจะคุยกัน”
“เมื่อกี้สามีภรรยาจะคุยกันเหมือนกัน คุณเป็นคนนอกก็ไม่เกี่ยวสักหน่อย”
ยังไม่วายมีเสียงบ่นพึมพำตามมา...ขัดใจหรอกนะ แต่ไม่กล้าต่อว่าเธอ เพราะรู้ว่าอย่างไรเสียตนก็แพ้ฝีปากเธอวันยังค่ำ
ภัสสรามัวแต่ถลึงตาใส่เอเดน ไม่ทันเห็นน้องสาวที่ค่อยๆ ลุกออกจากเก้าอี้แล้วหลบเข้าไปในบ้าน
ขวัญรดาพ่นลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อหลุดพ้นจากพี่สาวมาได้ เธอกำลังจนมุม จนป่านนี้ยังไม่กล้าบอกใครว่าเธอถูกสามีทิ้งให้เฝ้าบ้านตามลำพัง โชคดีที่เมื่อวานแม่ไม่ทันจับสังเกตได้ แม่ได้แต่กำชับให้เธอกลับบ้านตัวเองเสียไวๆ หากคิดถึงบ้านนี้เมื่อไรก็ให้ชวนติณณ์มาด้วย เพราะแม่ถือนักหนาว่าสามีภรรยาไม่ควรแยกห่าง...เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ขวัญรดาจะบอกความจริงกับแม่ได้อย่างไร
หญิงสาวมองโทรศัพท์มือถือในมือ แค่พี่สาวบอกว่าเธอไม่อยากพูดสายด้วย ติณณ์ก็หายเงียบไปเลย เขาไม่โทร.มาอีก...น้อยใจเป็นครั้งที่ล้านมันก็เท่านั้นกับผู้ชายคนนี้ เขาไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของเธออยู่แล้ว
แม้ติณณ์ไม่ไยดี แต่พอรู้ว่าเขากลับมาจากเกาะแล้ว ขวัญรดาก็ตีปีกดีใจอยู่ในใจเงียบๆ อยากเรียกแท็กซี่กลับบ้านตั้งแต่วินาทีนี้ แต่ทิฐิในใจก็บอกให้เธอทอดเวลาไปอีกสักหน่อย
ให้เขาเป็นฝ่ายรอเธอบ้าง แค่นี้มันจะเป็นไรไป...
นานกว่าสี่สิบนาทีนับจากนั้น สปอร์ตคาร์คันสีขาวก็แล่นเข้ามาจอดในบ้านหลังขนาดกลางที่เขาเคยแวะเวียนมาไม่กี่ครั้ง ดวงตาคมปรายมองเจ้าของบ้านสาวสวยที่ยืนกอดอกมองเขา ท่าทางของหล่อนจ้องจะเอาเรื่องเขาชัดๆ หากสายตาคมกริบก็กวาดไปเห็นคนอีกสามคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะใกล้ๆ เธอ ซึ่งทั้งหมดนั้นไม่มีคนที่เขากำลังตามหา
ติณณ์เปิดประตูรถก้าวออกมา แล้วบอกอย่างตรงไปตรงมา
“ฉันมารับขวัญ”
แทนที่ภัสสราจะแกล้งรวนหรือหาเรื่องเขาอย่างที่เตรียมรับมือไว้ แต่เธอกลับมองเขาเหมือนเห็นสัตว์ประหลาด
“แต่งงานแค่ไม่กี่วัน นายเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอ”
“อะไรของเธอ?”
ภัสสรามองน้องเขยอย่างงงๆ หมดคราบหนุ่มสังคมเจ้าสำอาง เหลือแต่ผู้ชายมาดเซอร์หน้าคร้ามแดด แถมยังมีหนวดเครารุงรัง
ไม่เพียงแต่ภัสสราจะมีท่าทางประหลาดใจ เอเดนกับคนของเขาอีกสองคนก็มีท่าทางคล้ายกัน ถึงตอนนี้ติณณ์จึงต้องก้มมองสภาพตัวเอง...
ชายหนุ่มกระแอมในลำคอ รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดจะอธิบายให้คนไม่เกี่ยวข้องฟัง
“ขวัญอยู่ในบ้านใช่ไหม”
เมื่อไม่มีใครให้ความร่วมมือ เขาก็ต้องช่วยตัวเอง ชายหนุ่มก้าวยาวๆ เข้าไปในบ้านเสียเลย
“ขวัญครับ คุณอยู่ในบ้านหรือเปล่า”
บ้านหลังไม่ใหญ่ ชั้นล่างมีเพียงไม่กี่ห้อง ติณณ์ส่งเสียงเรียกภรรยาเบาๆ เขาไม่กล้าบุ่มบ่ามนัก เพราะเกรงใจพ่อตากับแม่ยายซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ในบ้านหรือเปล่า
ขวัญรดาผุดลุกขึ้นยืน หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ หลังจากฟังเสียงเรียกอยู่ถึงสามครั้ง เธอมั่นใจแล้วว่านั่นเป็นเสียงของติณณ์จริงๆ หูของเธอไม่ได้ฝาดไปเอง
คุณติณณ์มาตามเราเหรอ เขามาหาเรา...
มือบางกำไว้แน่น ขวัญรดาทำตัวไม่ถูก ติณณ์ยังทำให้เธอตื่นเต้นได้ทุกครั้ง ตั้งแต่เป็นสาวแรกรุ่นจนกระทั่งเธอกับเขาแต่งงานกันแล้ว ความรู้สึกของเธอก็ยังไม่เปลี่ยนไป แม้ย้ำบอกตัวเองสักเพียงไรว่าถ้าไม่อยากเจ็บปวดก็อย่าเอาหัวใจไปผูกกับติณณ์ แต่เธอห้ามใจตัวเองไม่ได้จริงๆ
อยากจะวิ่งออกไปหาเขา แต่ขากลับสั่น ก้าวไม่ออกเอาดื้อๆ
บ้าจริงๆ เธอเป็นอะไรเนี่ยยายขวัญ...
