บท
ตั้งค่า

1 ภรรยามือใหม่ 2

เพียงแค่สปอร์ตคาร์คันสีขาวแล่นผ่านประตูรั้วเข้ามาในบ้านสองชั้นที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มือบางของคนที่นั่งข้างคนขับถึงกับกำแน่น เธอกำลังนึกถึงหม่อมหลวงอิงอรผู้มีศักดิ์เป็นแม่สามี

ขวัญรดาตื่นเต้นและหวาดหวั่น เธอไม่เห็นหม่อมหลวงอิงอรปรากฏตัวตั้งแต่งานหมั้น แม้กระทั่งงานเลี้ยงฉลองการแต่งงานที่เพิ่งเสร็จสิ้นเมื่อคืน เธอก็ไม่เห็นท่าน

ขวัญรดาไม่รู้เหตุผล เธอไม่กล้าถามใคร เพราะกลัวคำตอบที่จะได้รับกลับมาว่าตัวเองอาจไม่เป็นที่ยอมรับของแม่สามี แต่วันนี้ติณณ์กลับพาเธอมาพบแม่ของเขาโดยไม่บอกให้รู้ตัวล่วงหน้า…อดคิดไม่ได้ว่าติณณ์กำลังใจร้ายกับเธอ

สะใภ้หมาดๆ พยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้ กระทั่งรถจอดนิ่งสนิท คนที่ทำหน้าที่ขับรถก็หันมาทางเธอ

“แม่ให้พาคุณมาพบ”

“คุณควรบอกฉันก่อน”…ไม่ใช่บอกตอนที่รถมาจอดหน้าบ้านแล้ว

“ทำไมต้องมีพิธีรีตอง คุณแค่มาหาแม่ผัว”

ติณณ์พูดอย่างไม่ยี่หระ แน่ละสิ เขาจะเข้าใจความรู้สึกของเธอได้อย่างไร เขาไม่เคยสนใจเธออยู่แล้ว จู่ๆ เขาก็ตกปากรับคำผู้ใหญ่ว่าจะแต่งงานกับเธอ ทั้งที่เธอฝากความหวังไว้กับเขาอย่างเต็มร้อยว่าเขาต้องปฏิเสธเรื่องนี้อย่างแน่นอน

คนไม่คุ้นเคยกัน ไม่ได้สนิทสนมกันมาก่อน แล้วจะมาร่วมชีวิตกันได้อย่างไร คงมีแต่คนบ้าที่ทำเรื่องนี้ได้ แต่ติณณ์ทำมันลงไปแล้ว...ทำทั้งที่รู้ว่าตัวเขาเองไม่ได้รักและไม่ได้ชอบเธอเลย

ขวัญรดาเม้มริมฝีปากแน่น ขณะเดินตามสามีเข้าไปในบ้านแม่ของเขา แล้วจึงพบกับหญิงรับใช้ที่ตรงมาบอกอย่างนอบน้อม

“คุณอรรอที่ระเบียงริมสวนค่ะ”

ติณณ์หันมามองเธอ เสี้ยววินาทีนั้นเขาก็ทำในสิ่งที่ทำให้ขวัญรดาสะดุ้งโหยง

“เป็นอะไร ผัวจับมือแค่นี้ถึงกับตกใจเลยหรือ”

ไม่เพียงแต่จับมือ เขายังสอดประสานนิ้วเข้ากับนิ้วมือของเธอด้วย หัวใจของขวัญรดาเต้นแรง ไม่รู้ว่าตอนนี้หน้าตาของเธอเป็นอย่างไร รู้แต่ว่ามันร้อนผะผ่าวอย่างไม่อาจควบคุม

หญิงสาวเดินตามคนร่างสูงเข้าไปด้านใน ด้วยความที่ใจจดจ่ออยู่กับคนที่พวกตนกำลังจะไปหา ขวัญรดาจึงไม่มีกะจิตกะใจที่จะมองรอบตัวเลยสักนิดเดียว กระทั่งเขาพาเธอออกไปสู่ระเบียงกว้างทางด้านข้างของตัวบ้าน

ผู้หญิงร่างบางที่สวมใส่เสื้อผ้าสีครีมดูงดงามและส่องประกายไปทั้งตัวกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้ตรงโต๊ะเบื้องหน้า ขวัญรดาไม่เคยพบหม่อมหลวงอิงอรมาก่อน เธอเคยเห็นนางเพียงในภาพข่าวสังคม ยอมรับเลยว่าหญิงวัยกลางคนแลดูอ่อนวัยจนไม่อยากเชื่อว่านางจะเป็นแม่ของผู้ชายตัวโตที่ยืนอยู่ข้างเธอ

คุณอิงอรเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือเล่มหนา ดวงตาภายใต้แว่นเลนส์ใสมองลูกชายกับลูกสะใภ้อย่างพิจารณา

“มากันแล้วหรือ นั่งตรงนี้สิ”

ขวัญรดายกมือขึ้นไหว้แม่สามี แต่ติดตรงที่มือของเธอยังไม่เป็นอิสระจากเขา จนเธอต้องท้วงให้เขาปล่อย

ท่าทางนั้นอยู่ในสายตาของหญิงวัยกลางคน ดวงตาสวยคมนิ่งสนิท ไม่มีใครอ่านความรู้สึกของนางได้

“เพิ่งแต่งงานกันวันแรก น่าจะพักอยู่บ้านกันก่อน ไม่เห็นจะต้องรีบมาหาแม่”

“ไม่ได้สิครับ ถ้าเกิดผมไม่มาหาแม่สักสิบวันหลังจากนี้ แม่จะต้องเฉ่งผมแน่”

“แน่นอนจ้ะ ถ้าติณณ์จะหายไปนานขนาดนั้น ว่าแต่ติณณ์พูดเหมือนมีแผนจะไปฮันนีมูนที่ไหนกันแล้ว”

“ผมตั้งใจจะไปพักผ่อนที่เกาะฟาตินครับ ผมขอคุณอาไว้ตั้งแต่สองเดือนก่อน”

“สองเดือนก่อน?” ท่าทางเหมือนติดใจสงสัยบางอย่าง แต่คุณอิงอรก็ปัดมันออกไปเสีย ก่อนจะเปลี่ยนไปคุยเรื่องใหม่

“ติณณ์ไม่คิดจะแนะนำเมียให้แม่รู้จักหน่อยหรือ”

“อ้อ! ขอโทษทีครับ” ชายหนุ่มเพิ่งนึกขึ้นมาได้ เขาหันไปทางภรรยาสาว “ขวัญครับ นี่คุณแม่ของผม ขวัญเรียกคุณแม่ว่าแม่เหมือนผมก็ได้ ส่วนนี่ก็คือขวัญรดา เธอเป็นลูกคนเล็กของคุณวิจัย”

ขวัญรดายกมือไหว้หม่อมหลวงอิงอรอีกครั้ง ขณะเดียวกันเธอก็คิดว่าตัวเองคงไม่กล้าเรียกผู้หญิงสูงศักดิ์คนนี้ว่าแม่เหมือนอย่างที่สามีบอก

แม้รู้ตัวล่วงหน้านานกว่าหนึ่งเดือนว่าจะต้องแต่งงานกับติณณ์ แต่ขวัญรดารู้สึกว่าหลายอย่างมันเปลี่ยนแปลงปุบปับเกินไป มันเร็วจนเธอไม่ทันได้เตรียมใจ

“เราสองคนพักที่ไหนกันล่ะ เพนต์เฮาส์ของติณณ์หรือว่าบ้านของคุณพ่อ”

“ผมพักที่บ้านบางกรวยครับ แต่บ้านยังไม่เข้าที่เข้าทาง เพราะผมเพิ่งบอกแม่บ้านล่วงหน้าแค่ไม่กี่วัน ยังไม่ทันได้เตรียมบ้านไว้ต้อนรับขวัญ”

แค่ทำหน้าที่เป็นผู้ฟัง ขวัญรดาก็รู้ว่าเธอไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับสามีตัวเองเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาพักอยู่ที่ไหน หรือบ้านที่เธอกับเขาอยู่ด้วยกันเมื่อคืนนั้นเป็นบ้านที่จะอยู่ตลอดไปหรือเปล่า หากคำพูดของเขาก็ทำให้เธอใจชื้นขึ้น…เขาคิดจะเตรียมบ้านไว้ต้อนรับเธอ

ความรู้สึกมีตัวตนกำลังก่อตัวขึ้นมา หัวใจสาวพองโต แต่สมองเจ้ากรรมดันจดจำคำพูดของเขาในงานเลี้ยงแต่งงานเสียนี่

‘ไม่ได้รัก...ทำท่าทางให้เหมือนรักได้ยังไง’

สีหน้าของขวัญรดาจืดเจื่อนโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว หากโชคดีที่ทั้งสามีทั้งแม่ของเขาไม่ทันได้สังเกตเห็น

“ติณณ์มีเมียแล้ว จากนี้ไปก็อย่าโหมทำงานหนัก มีเวลาก็ไปเที่ยวพักผ่อนกับเมียให้สม่ำเสมอ แม่ไม่ได้มีติณณ์เพื่อให้ทำงานสร้างอาณาจักรให้ใคร ติณณ์เลือกใช้ชีวิตเองได้”

“ผมมีความสุขดีครับ”

ติณณ์พูดยิ้มๆ ขวัญรดาอดที่จะมองทั้งสองคนไม่ได้ คำพูดของหม่อมหลวงอิงอรเหมือนมีความนัยซ่อนอยู่ พลันเธอต้องขยับตัวอัตโนมัติเมื่อนางเบนสายตามาหา

“แม่ฝากหนูดูแลติณณ์ด้วยนะ ทั้งสองคนเป็นผัวเมียกันแล้ว หนูดูแลปรนนิบัติสามีให้กินอิ่มนอนหลับ รายนี้เขาดื้อสักหน่อยนะ แรกๆ หนูคงรับมือเขายาก ค่อยๆ เรียนรู้กันไป แม่เชื่อว่าไม่นานหนูจะรู้จักและเข้าใจเขาเอง”

คำฝากฝังของแม่สามีทำให้สะใภ้มือใหม่แทบวางสีหน้าไม่ถูก เธอจะดูแลติณณ์ได้อย่างไร เพราะแค่บังคับตัวเองไม่ให้เกิดความรู้สึกกริ่งเกรงเขายามอยู่ใกล้กัน มันก็ยากหนักหนาแล้ว

ท่าทางของหญิงสาว คนเป็นสามีสัมผัสได้...เขามองเธอนิ่งๆ พอเธอหันไปสบตา ประกายตาคมกล้าที่ออกแววท้าทายทำให้เธอต้องถอนสายตากลับในทันที

“หนูยังไม่รับปากแม่” แม่สามีท้วงลูกสะใภ้ แสร้งทำทีไม่เห็นว่าลูกชายตัวดีกำลังเล่นสงครามจิตวิทยากับเจ้าหล่อนอยู่

“ได้ค่ะ”

เสียงรับคำดังแผ่วเบา แถมเจ้าหล่อนยังไม่ยอมสบตานางอีก หากเพียงเท่านี้ก็สมใจหม่อมหลวงอิงอรแล้ว นางเลื่อนกล่องสีดำมันวาวที่วางข้างมือมาเปิดออก ข้างในเป็นชุดเครื่องประดับ เพชรน้ำงามส่องประกายวับวาวยามต้องแสงแดดยามสาย

“แม่เตรียมของไว้ให้หนูขวัญ ติณณ์สวมสร้อยคอให้น้องสิ เพชรเม็ดเล็กแต่น้ำดีมาก แม่เลือกเพชรเองกับมือ เอาไว้ใส่ติดตัว ส่วนอันนี้ก็เป็นต่างหูกับสร้อยข้อมือเข้าชุดกัน เก็บไว้ใส่ตอนออกงาน”

เครื่องประดับในกล่องหรู มันสวยงามเหลือเกิน ขวัญรดามองมันตาค้าง ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองแม่สามี แล้วเค้นคำปฏิเสธอย่างยากลำบาก

“หนูรับไว้ไม่ได้ค่ะ”

“หืม! ยังไงนะ”

ไม่คิดว่าจะถูกปฏิเสธ คุณอิงอรประหลาดใจเป็นอย่างมาก ขวัญรดารู้สึกอึดอัดใจ เธอหันไปมองสามีหวังจะให้เขาช่วย แต่ท่าทางของเขาไม่ต่างจากแม่ของเขาเลย ขวัญรดาจึงต้องช่วยตัวเองต่อไป

“หนูขอโทษค่ะ หนูรับไว้ไม่ได้ มันมีค่ามากเกินไป หนูกลัวทำมันหาย”

“คุณพูดอะไร แม่ของผมให้ของ คุณก็รับไว้สิ”

ติณณ์ติงขวัญรดาเสียงเข้ม ถึงตอนนี้หญิงสาวมีท่าทางสับสนปนลังเล เธอถามเขาอย่างไม่มั่นใจเอาเสียเลย

“ฉันควรรับเครื่องประดับชุดนี้หรือคะ”

แทนคำตอบ ติณณ์หยิบสร้อยคอจากกล่องสีดำตรงหน้าแม่อย่างไว เขาปลดล็อกสร้อยคอ แล้วสวมให้เธออย่างไม่ถนอมนัก

ขวัญรดานั่งตัวแข็งทื่อไปแล้ว สัมผัสความร้อนผ่าวจากมือของเขาที่เคลื่อนอยู่ใกล้ต้นคอ ใกล้ชิดกันทีไร มันทำให้เธอออกอาการสั่นทุกที

นานแค่ไหนก็ไม่รู้ที่ขวัญรดานั่งอยู่ในสภาพตัวแข็งเกร็ง กระทั่งเขาสวมสร้อยคอให้เธอเสร็จ แล้วขยับไปนั่งตรงที่เดิม เธอจึงหายใจได้คล่องคอขึ้น

“สวมสร้อยคอไว้อย่างนี้แหละ แม่เลือกดีแล้วว่าหนูใส่มันได้ทุกโอกาส”

มือบางสัมผัสสร้อยคอบริเวณเหนือเนินอก สร้อยคอเย็นวาบ แต่ตัวเธอกลับร้อนผ่าว เพราะยังจดจำไอความร้อนจากมือหนายามป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณต้นคอเมื่อสักครู่นี้ได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel