4
“ไม่กล้าอะไร หมายความว่าไง” น้ำเสียงหาเรื่องเต็มที่
“ก็ไม่กล้ากินอาหารฝีมือฉันไงล่ะ กลัวติดใจ กลัวหลงปลายจวักของฉัน” หน้าคนพูด น่าหมั่นไส้มาก ลอยหน้าลอยตา มั่นใจฝีมือตนเองมากว่า พายัพต้องติดใจอยากกินเรื่อยไป “ถ้าคุณไม่ได้เป็นตามที่ฉันพูด คุณก็ต้องกินค่ะ ไม่อย่างนั้น ฉันก็ยังมีความคิดนี้อยู่”
เป็นคำท้าทายทั้งคำพูดและแววตา สองนัยน์ตาระหว่างสองสามีภรรยาหมาดๆ มองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“กินสิคะ” อังศุมาลีบอกสามี
“ได้ ฉันจะกิน เธอจะได้รู้ว่า ฉันไม่มีวันติดใจฝีมือเธอ”
ช้อนข้างชามพายัพถูกหยิบขึ้นมาก เขาตักอาหารในชาม หมายจะนำเข้าปาก ตั้งใจว่าทานแค่คำเดียวเท่านั้น แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้ว เมื่อกลิ่นสุราแรงมาก ราวกับว่าอยู่ใกล้จมูก
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะโรม” มานะชัยถาม
“นั่นสิ แล้วทำไมไม่กินล่ะ ค้างมือไว้ทำไม” พัชรีถามต่อจากสามี
“กลิ่นมันแปลกๆ ครับ” พายัพตอบ หันมองชามข้าวต้มคนเป็นปู่ หันมองชามของภรรยา ถัดไปคือชามยงยศผู้เป็นตา สีน้ำข้าวต้มเหมือนกันไม่มีผิด
“อ้อ...ลืมบอกไปค่ะว่า น้ำซุปที่ฉันทำ ทำมาจากบรั่นดีที่คุณชอบนักชอบหนาค่ะ ได้ข่าวมาว่า คุณชอบดื่มเหล้ามาก ดื่มแทนน้ำ ข้าวปลาก็ไม่กิน ถึงกินก็กินไม่กี่คำ ฉันนั่งคิดตั้งนานนะคะว่า จะทำอะไรให้คุณกินดี คุณถึงจะกินอาหารที่ฉันทำ แล้วความคิดนี้ก็แวบเข้ามาค่ะ เช้านี้ฉันเลยเอาบรั่นดีในตู้ที่คุณสั่งมาเยอะแยะ มาทำกับข้าวซะเลย ลองชิมดูสิคะว่าถูกปากไหม” พายัพถึงกับตกใจ มองหน้าคนพูดไม่ไหวติง “แล้วก็ทำให้ทุกคนในบ้านกินด้วยค่ะ เพราะก็อยากรู้ว่า เหล้าอร่อยตรงไหน คุณถึงชอบดื่มนัก เผื่อติดใจ จะได้ดื่มเหมือนคุณไงคะ คราวนี้แหละ เมาหัวราน้ำกันทั้งบ้าน”
พายัพตกใจอีกรอบ ทุกคนทานอาหารเหมือนตน แล้วไม่คิดว่า อังศุมาลีทำเช่นนี้ด้วย พายัพทิ้งช้อนลงบนชามข้าวต้ม ความโกรธคับแน่นจิตใจ ใครจะคาดคิดว่า เมียไม่ปรารถนาดัดหลังตนแบบนี้ แบบไม่คาดฝันก็ว่าได้ เขาลุกขึ้นยืนจ้องมองอังศุมาลี ที่มองกลับอย่างไม่เกรงกลัว ท้าทายไปในที
“เธอทำอย่างนี้ หวังจะให้ฉันเลิกดื่มเหล้าใช่ไหม บอกเลยว่า ไม่มีวัน” พายัพอ่านเกมอังศุมาลีออก “เธอยิ่งทำแบบนี้ ฉันก็ยิ่งไม่หยุดดื่ม ไม่สนใจด้วยว่า ใครจะดื่มเหล้าไปพร้อมกับฉัน”
“ฉันก็ไม่ได้ทำให้คุณคิดนี่ว่า ฉันทำให้คุณเลิกดื่มเหล้า เพราะเรื่องแบบนี้ คุณต้องคิดเองได้ว่า มันดีหรือไม่ดี นอกจากไม่มีสมอง ถึงคิดไม่ได้” อังศุมาลีย้อนทันใด “ฉันกับทุกคนในบ้าน แค่มีความอยากรู้ตรงกันว่า เหล้ามีอะไรดี คุณถึงได้ติดมัน จนแยกออกจากตัวไม่ได้ก็เท่านั้นเอง ถ้าทุกคนได้ลองกินลองดื่ม ก็คงหาคำตอบได้ อย่างที่บอกไป ติดใจขึ้นมา ไม่แน่ว่า คุณมีเพื่อนร่วมแก๊งดื่มเหล้าเพิ่ม คราวนี้แหละ เมาหัวราน้ำทั้งบ้าน”
“เธอนี่มัน...” พายัพยิ่งได้ฟังคำพูดอังศุมาลี ระดับแรงโทสะยิ่งโหม นิ้วมือใหญ่ยกขึ้นชี้หน้าหล่อน
“อะไร มันอะไร”
นอกจากไม่มีความเกรงกลัว อังศุมาลีปัดนิ้วมือเขาออก เท้าเอว เชิดหน้าเล็กน้อย พายัพถึงกับเลือดขึ้นหน้า กับกิริยาแข็งขืน ไม่ยอมตน อยากซัดหน้าหล่อนสักโครมให้หายเจ็บใจ หากไม่ติดว่า หล่อนเป็นสตรี เขาที่ไม่เคยทำร้ายผู้หญิง ทำตามใจคิดแน่นอน สันแก้มพายัพขึ้นเส้นนูน จากแรงขบกัดกราม บอกถึงอารมณ์เขาได้เป็นอย่างดี
ทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะพากันใจสั่นกับพายุความโกรธของพายัพ ภายศบิดาพายัพรีบลุกขึ้น เดินไปหาลูกชายคล้ายกับว่า เตรียมพร้อมห้ามพายัพ หากจุดเดือดต่ำขึ้นมา
“เธอไม่มีวันชนะฉันได้หรอก จำเอาไว้” การเดินออกจากจุดที่สร้างความโกรธคือทางที่ดีที่สุด ก่อนพายัพทนไม่ไหว อังศุมาลีมองตามร่างสามีพรางถอนหายใจ หล่อนรู้ว่า งานนี้เหนื่อยหนักแน่ แต่ไม่ว่าเหนื่อยแค่ไหน หล่อนต้องทำให้เขาเลิกเหล้าให้ได้
“ไหวไหมมาลี” น้ำเสียงถามแน่นความห่วงใย
“ไหวค่ะคุณปู่” อังศุมาลีตอบ คลี่ยิ้มให้ชายสูงวัย “เดี๋ยวมาลีเอาสำรับมาเปลี่ยนให้นะคะ”
ขณะพูดสองสาวใช้ช่วยกันเก็บชามข้ามต้มที่ปรุงด้วยบรั่นดีออกไปจากโต๊ะ แทนด้วยข้าวต้มหมูทรงเครื่องชามใหม่ อังศุมาลีเหมือนรู้ล่วงหน้าว่า พายัพต้องไม่พอใจอาหารที่ตนทำ เดินหนีไปพร้อมกับอารมณ์ขุ่นมัว ซึ่งหล่อนคงไม่ให้คนในบ้านหลังนี้กินข้ามต้มผสมเหล้าแน่นอน จึงแยกทำไว้สองอย่าง
แค่เริ่มต้นวันแรก อังศุมาลีมีความหนักใจขั้นร้อย ไม่รู้ว่า ต่อจากนี้ต้องเจอกับพายุอารมณ์ใดของสามี ไม่ว่ามารูปแบบไหน อังศุมาลีคนนี้พร้อมรับมือ
พายัพไม่ได้โกรธ ไม่พอใจใครมานานแล้ว อังศุมาลีเป็นคนแรกในรอบปี พอเข้ามานั่งในรถ พายัพระบายอารมณ์กับพวงมาลัย ทุบๆ ทุบ ตะโกนลั่น ในจิตใจอัดแน่นแรงโทสะ เดิมทีใจแค่ไม่ชอบหน้าหล่อน พอมาตอนนี้ ถึงขั้นเกลียดก็ว่าได้
“ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้หญิง กูตบคว่ำแน่” แม้ถึงบริษัทอารมณ์ยังไม่ดีขึ้น แค้นใจอังศุมาลีมาก ที่เล่นงานตนแบบนี้ แบบที่ไม่มีใครกล้าทำ พายัพเดินจ้ำอ้าว แทบไม่สนใจพนักงานที่ยกมือไหว้ เขาเดินหน้าบึ้งตึงไปจนถึงห้องทำงาน “พี่นวลครับ ผมขอกาแฟดำครับ”
พายัพสั่งนวลลออ เลขาหน้าห้อง “ค่ะคุณโรม”
สั่งเสร็จเขาเดินเข้าห้องทำงาน
กลิ่นเหล้า...
กลิ่นนี้โชยเข้ามาในจมูก เพียงแค่ก้าวแรกย่างเข้ามาในห้อง พายัพงงว่า เหตุใดจึงมีกลิ่นนี้ในห้องทำงานตน เพราะถึงเขาเป็นนักดื่มเหล้าตัวยง ขาดไม่ได้ในแต่ละวัน ทว่าแยกแยะเวลาได้ ไม่เคยดื่มในเวลาทำงานสักครั้ง โดยเฉพาะในห้องนี้ หรือว่ากลิ่นมันติดมาจากบ้าน ไม่จางไปจากจมูก
ก็ไม่น่าใช่