5
พายัพแบกความสงสัยเข้าไปในห้อง มาหยุดยืนกลางห้อง กลิ่นเหล้าไม่เหือดหาย ฟุ้งกระจายไปทั่ว ราวกับว่า น้ำยาปรับอากาศเป็นกลิ่นสุราอย่างไรอย่างนั้น
มันก็ไม่น่าใช่อีก ใครจะฉีดกลิ่นนี้...
“คุณโรมคะ กาแฟมาแล้วค่ะ” พายัพหันมองคนเดินเข้ามา เขาย่นคิ้วเล็กน้อย มองหน้าเลขาที่เวลานี้ สวมใส่หน้ากากอนามัย ทั้งที่เมื่อครู่ หล่อนไม่สวมใส่
“ทำไมห้องนี้ถึงมีกลิ่นเหล้าครับ”
“คุณมาลี ให้ลูกน้องเอาน้ำยาปรับอากาศมาวางไว้ในห้องนี้ค่ะ เธอบอกว่า คุณโรมชอบกลิ่นนี้ค่ะ” นวลลออเฉลยให้เจ้านายรู้ ชี้ไปยังขวดแก้วบรรจุน้ำหอมกลิ่นพิเศษ บรั่นดีราคาแพง ไม้หอมปรับอากาศปักอยู่ในขวดห้าอัน “แต่พี่สู้กลิ่นไม่ไหวค่ะ ได้กลิ่นแล้วเวียนหัวมาก ขอตัวนะคะ อีกยี่สิบนาทีจะประชุมนะคะ”
นวลลออวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะทำงานเจ้านาย ที่ยืนอื้ออึงกับคำตอบ ก่อนเดินออกจากห้องทันที พายัพเดินไปยังขวดน้ำหอมกลิ่นฉุน ไร้ซึ้งความหอม พอได้กลิ่นเกิดอาการเวียนศีรษะตามนวลลออกล่าวมาจริง ทำไมตอนดื่มถึงไม่ได้กลิ่นนี้ก็ไม่รู้ พายัพหยิบมันขึ้นมา ตามองขวด ใจนึกถึงอังศุมาลี
“เธอร้ายกว่าที่ฉันคิดนะมาลี แต่อย่าหวังว่าจะเอาชนะฉันได้ ไม่มีวันซะหรอก” พายัพไม่ยอมแพ้เช่นกัน ไม่ว่าอังศุมาลีมาไม้ไหน เขาไม่สนใจ หล่อนร้ายมา เขาร้ายกลับแน่นอน
วิธีกำจัดกลิ่นเหล้าในห้อง ก็แค่เอาขวดน้ำหอมปรับอากาศไปเททิ้งในชักโครก ไม้หอมและขวดถูกทิ้งถุงขยะในห้องน้ำ เขามัดปากถุงจนแน่น เรียกแม่บ้านให้นำมันออกไปจากห้อง เปิดกระจกหน้าต่างเพื่อระบายกลิ่นออกจากห้อง แล้วเสร็จมานั่งดื่มกาแฟรอเวลาประชุม
อังศุมาลีขับรถมาบ้านบิดาในช่วงสิบโมงเช้า เป็นบ้านที่หล่อนไม่อยากกลับมาเหยียบสักเท่าไหร่ แต่ที่มาเพราะมีเรื่องจำเป็น หล่อนนำรถมาจอดหน้าบ้านราวสิบห้านาที แต่ก็ยังไม่ก้าวลงเข้าตัวบ้าน คล้ายกับนั่งทำใจ แต่สุดท้ายหล่อนจำต้องลงจากรถ เดินเข้าไปในบ้านบิดา
คนแรกที่อังศุมาลีเจอคือ สมถวิลมารดาสุมลวรรณ แม่เลี้ยง หล่อนยกมือไหว้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจ มองหล่อนเพียงแค่แวบเดียว ก็หันไปมองดูทีวีต่อ
“มาแล้วเหรอ มาซะไวเลยนะ นึกว่าจะมาตอนบ่าย”
น้ำเสียงทักทาย ใครฟังก็รู้ว่า ไม่เป็นมิตร เจ้าของเสียงคือ สุมลวรรณ
“มันก็ต้องมาเร็วอยู่แล้ว เพราะมาเอาเงิน ดีนะ ไม่มาแต่ไก่โห่น่ะ” สมถวิลลูกคู่กับลูกสาวทันที เบ้ปากใส่อังศุมาลีที่นั่งเงียบ ยังไม่ตอบโต้ “เอ็งน่ะ โตแล้วนะ ทำมาหากินได้แล้ว ยังจะมาแบมือของเงินพ่อเหมือนเด็กๆ ไปได้ ที่สำคัญมีผัวแล้ว โน่น ไปออเซาะผัว ขอเงินผัวสิ ข้าเห็นแล้วหงุดหงิด”
“ผัวที่ไม่อยากได้มาลีเป็นเมีย เป็นผัวที่มาลีไม่ได้รัก ไม่อยากได้ ยายคิดเหรอว่า มาลีจะไปของเงินเขาได้ง่ายๆ หรือเขาจะให้เงินมาลีตามขอน่ะ ถ้าคนมีความคิด มีสมองก็น่าคิดได้นะว่า มันไม่ง่าย” อังศุมาลีตอบกลับเสียงเรียบ แต่คนฟังอยู่ถึงกับของขึ้น เพราะคิดว่า สาวรุ่นหลานด่าตนว่าโง่
“เอ็งด่าข้าว่าโง่งั้นเหรอ มันจะมากไปแล้วนะ”
สมถวิลตะเบ็งเสียงใส่
“ให้มันรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่หน่อยนะ แม่แกไม่สั่งสอนหรือไง” ความเกลียดชังที่มีต่อลูกเลี้ยงเป็นทุนเดิม แม่เลี้ยงจึงต่อว่าทันที
“อย่ามาพาดพิงถึงแม่มาลี แล้วถ้าจะพูดว่า แม่ไม่สั่งสอน คงต้องต่อว่าหรือด่าตัวน้าเองด้วย เพราะถ้าสั่งสอนช่อดี ช่อคงไม่หนีงานแต่งครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้ จนต้องให้มาลีไปแต่งงานแทน แต่ก็ไม่มีใครว่าช่อสักคน ต่างกับมาลีที่พูดอะไรนิดอะไรหน่อยก็ผิดไปหมด แล้วเงินที่ได้มาจากครอบครัวคุณปู่ ถ้ามาลีไม่ช่วยกู้หน้าไว้ เงินจำนวนนี้ก็คงไม่ได้ ฉะนั้นหยุดต่อว่า กระแหนะกระแหนมาลีได้แล้ว และถ้าไม่อยากเห็นหน้ามาลีก็รีบเอาโอนเงินมา มาลีจะได้รีบไป มีธุระอีกหลายอย่างต้องทำ”
อังศุมาลีไม่พูดเกินจริง สุมลวรรณรักอินทุสรณ์มาก ตามใจทุกอย่าง ทำผิดอันใดมักมองข้าม ตอนที่หล่อนอยู่บ้านหลังนี้ อังศุมาลีเสมือนคนรับใช้คนหนึ่ง ต่างกับน้องสาวชีวิตเปรียบเสมือนคุณหนูของบ้าน มีแต่คนเอาอกเอาใจ น้องสาวมักได้สิ่งของหรือแม้แต่ความรักก่อนหล่อนเสมอ แต่ถึงกระนั้นความสัมพันธ์ของสองพี่น้องไม่ได้น้อยถึงขั้นห่างเหิน มีความสนิทสนมกันมาก เพราะบางเรื่องน้องสาวพูดคุยให้บิดามารดาฟังไม่ได้
“แกอย่ามาย้อนฉันนะ ลูกช่อเป็นคนดี เป็นเด็กดี ที่หนีไปเพราะไม่ชอบให้ใครบังคับ ไม่เหมือนแกหรอก โชกโชนเวที ไม่อย่างนั้นคงเป็นเจ้าของบาร์ คุมผู้หญิงแบบนั้นไม่ได้หรอก” สุมลวรรณตอกกลับ ยิ้มเย้นหยันใส่ลูกเลี้ยง “แล้วที่แกยอมแต่งงานแทนลูกช่อ เพราะต้องการเงินมาพยุงไอ้ผับบาร์ของแกไม่ใช่เหรอ ยังมีหน้ามาพูดว่า ถ้าไม่ได้แกแล้วฉันจะไม่ได้เงิน แกต้องสำนึกบุณคุณของฉันมากกว่า”
“เสียงเอะอะไรกัน ดังไปถึงชั้นบน ไม่เกรงใจกันบ้าง” ทรงวุฒิบิดาอังศุมาลีกับอินทุสรณ์เอ่ยขึ้น ขณะก้าวลงมาจากบันไดบ้าน บุตรสาวคนโตไหว้คนเป็นพ่อ ที่ชักสีหน้าใส่ “นึกว่าจะมาตอนบ่าย มาไวนะ”
“มาลีจะไปทำธุระหลายที่ค่ะ เลยรีบมา” อังศุมาลีตอบบิดา “มาลีขอเงินในส่วนของมาลี ตามที่เราตกลงกันไว้ค่ะ”
“หายใจเข้าหายใจออกเป็นเงินเหมือนเดิมเลยนะ” ทรงวุฒิต่อว่าพอหอมปากหอมคอ
“ก็เห็นแก่เงินกันทั้งบ้านแหละคะ เพราะไม่งั้นพ่อกับน้าตุ๊ก คงไม่บังคับให้ช่อแต่งงานกับคุณโรม ให้แต่งทั้งที่รู้ว่า คุณโรมเป็นยังไงจริงไหมคะ” อังศุมาลีไม่คิดยอกย้อน แต่มันคือเรื่องจริง ทรงวุฒิที่ไม่ชอบนิสัย ไม่ชอบหน้าลูกสาวคนโตเป็นทุนเดิม ถึงกับหน้าแดงจากความโกรธ