2
อังศุมาลีมองหน้าพายัพ ที่คงมีความสงสัยไม่น้อยว่า เจ้าสาวตอนเย็นเป็นตนได้อย่างไร เหตุผลคือ อินทุสรณ์ น้องสาวของหล่อน ทนไม่ไหวจากการถูกบังคับ จึงหนีตามคนรักไปหลังจากเสร็จพิธีตอนเช้า ความยุ่งยากจึงเกิดขึ้น จนในที่สุดหน้าที่ภรรยาพายัพ มาตกที่อังศุมาลี ไม่เช่นนั้นข้อตกลงระหว่างพัชรีกับพวงแข ต้องมีอันยกเลิก เงินจำนวนเจ็ดล้านบาท ที่ครอบครัวหล่อนต้องการใช้ ก็คงหายวับไปกับตา
แม้เจ้าสาวสวย ทว่าพายัพไม่สนใจ ยังละเมิดคำสั่งพัชรีที่ว่า ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ แอบดื่มบ่อยครั้ง ซึ่งอังศุมาลีเห็น แต่ไม่พูดคำใด หล่อนได้แต่มอง แล้วฝืนยิ้มรับแขกอยู่หน้าห้องจัดเลี้ยง ต่างคนต่างทำหน้าที่ โดยทั้งสองไม่ได้พูดกันสักคำเดียว
“ไอ้โรม เมียมึงโคตรสวย รูปร่างก็ดี สวยกว่าคนเมื่อเช้าอีก” ธีรภพหรือภีมเอ่ยขึ้น ขณะเจ้าบ่าวแยกตัวมานั่งดื่มกับกลุ่มเพื่อนสนิท
“กูเห็นด้วยกับภีมที่ว่าเจ้าสาวสวยมาก แต่สงสัยอย่างนึง เปลี่ยนตัวเจ้าสาวทำไมวะ” จิรายุภัทร์ติดใจเรื่องนี้ไม่แพ้กัน คงพ้องกับคนที่ไปร่วมงานตอนเช้า หากมางานตอนเย็น ก็ต้องพากันสงสัยและแปลกในข้อนี้
“กูไม่รู้ แล้วไม่อยากรู้ด้วย” จบคำตอบ พายัพดื่มบรั่นดีหมดแก้ว ทำหน้าบอกบุญไม่รับ
“มึงเป็นเจ้าบ่าวนะเว้ย มึงต้องอยากรู้สิว่า ทำไมเจ้าสาวถึงเปลี่ยนตัว” จิรายุภัทร์ตอบกลับ “กูนี่สงสัยหนักมากเลย เปลี่ยนตัวทำไมวะ”
“กูไม่อยากรู้ หน้าที่กูแค่เป็นเจ้าบ่าวเท่านั้น แล้วพวกมึงก็เลิกพูดถึงเจ้าสาวเฮงซวยซะที รำคาญ ฟังแล้วหงุดหงิด” เพื่อนร่วมสนทนาพากันเงียบเสียง มองพายัพที่กระดกดื่มเหล้าสองแก้วติดแล้วส่ายหน้า
“คุณย่าบอกไม่ให้นายดื่มนะ ตั้งแต่ฉันมาถึงงาน นายดื่มไปเกือบสิบแก้วแล้ว กินอาหารดีกว่าไหม ฉันไปตักมาให้” กมลเนตรเพื่อนผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มเอ่ยขึ้น ด้วยความเป็นห่วง “เพลาๆ มั่งก็ดีนะโรม นายดื่มหนักขึ้นทุกวัน พวกฉันเป็นห่วง”
“ขอบใจที่เป็นห่วง แต่ฉันชอบดื่มเหล้ามากกว่ากินข้าว” พายัพหยิบขวดบรั่นดี ก่อนเทน้ำสีอำพันลงไปในแก้วครึ่งแก้ว มือใหญ่กำลังหยิบแก้วขึ้นเพื่อดื่ม ทว่ามือของใครคนหนึ่ง ชิงแก้วใบนั้นเสียก่อน
พายัพกับเพื่อนมองหน้าเจ้าของมือที่ฉวยแก้วไปซึ่งหน้า ทั้งสี่ตกใจ เมื่อเห็นเจ้าสาวดื่มบรั่นดีพรวดเดียวหมดแก้ว ก่อนวางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะ ใช้ลิ้นเลียคราบสุราบนริมฝีปาก การกระทำของหล่อน ชวนให้คนมองเห็นคิดว่า เป็นเรื่องปกติของการดื่มเหล้าของอังศุมาลี เหล้าเพรียวๆ ใครดื่มไม่เป็น หรือไม่เคยดื่ม จะรู้สึกบาดคอ รสชาติขม ทำหน้าทำตาไม่เป็นปกติ ทว่าภาพเจ้าสาวที่เห็นตรงกันข้าม
“คุณปู่ คุณย่าให้ฉันมาตามค่ะ อีกเดี๋ยวจะขึ้นเวทีไปตัดเค้กแล้ว หยุดดื่มสักครึ่งชั่วโมง คุณคงไม่ลงแดงนะคะ” อังศุมาลีบอกพายัพ มองเขาด้วยรอยยิ้มบางๆ “ไปค่ะ ไปทำหน้าที่ของคุณ เหมือนกับฉัน ที่ทำหน้าที่ของฉัน แม้ฉันไม่เต็มใจทำก็ตาม”
พายัพมองเจ้าของเสียง ที่ไม่หลบสายตาเขา จ้องกลับอย่างท้าทาย ไม่มีความเกรงกลัวสักนิดเดียว เจ้าบ่าวกระตุกยิ้มมุมปาก หยิบขวดบรั่นดีกระดกดื่มไปหลายอึก ไม่สนใจคำพูดอังศุมาลี สตรีที่เขาไม่มีวันยอมให้มาสั่งโน่นสั่งนี่ ห้ามในสิ่งที่ทำทุกเมื่อเชื่อวัน พายัพลุกขึ้นยืนเทียบร่างเจ้าสาว
ยืนเผชิญหน้ากันแบบนี้ ทางกายภาพอังศุมาลีเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด พายัพสูงหนึ่งร้อยแปดสิบหกเซ็นติเมตร ขณะที่หล่อนสูงหนึ่งร้อยหกสิบเอ็ด รูปร่างไม่ต้องพูดถึง อาจเปรียบได้ว่าไม้ซุงกับไม้ซีก ทว่ามีอย่างหนึ่งที่เทียบกันได้คือ สายตาทั้งคู่ พร้อมห้ำหั่นกันอย่างเปิดเผย ไม่มีใครยอมใคร
เพื่อนพายัพทั้งสามชีวิต มองหน้ากัน ก่อนมองคู่บ่าวสาว มีความคิดตรงกันว่า เจ้าสาวของพายัพไม่ธรรมดา คงมีความร้ายกาจในตัวไม่น้อย คราแรกทั้งสามเตรียมตัวสงสารคู่สมรสพายัพไม่ล่วงหน้า เพราะพายัพบอกกับพวกตนว่า จะทำทุกอย่างให้เจ้าสาวอยู่บ้านเดียวกับตนไม่ได้ จนต้องยอมหย่าในเร็ววัน เห็นทีงานนี้พายัพคงพบเจอกับคำว่า ยาก เสียแล้ว
ช่วงเวลาเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นบนเวที เพื่อพูดความในใจและขอบคุณแขกเหรื่อมาถึง พายัพถูกคุมเข้มเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ แต่ก็มีหลายครั้งที่ละเมิดคำสั่ง กระดกดื่มไปเกือบสิบแก้ว ทว่าเพียงแค่นี้ไม่ทำให้เขาเกิดอาการมึน ยังเดินขึ้นเวทีด้วยสีหน้าเบื่อโลกได้สบาย เช่นเดียวกับอังศุมาลี แม้ดื่มบรั่นดีเพรียวๆ ไปครึ่งแก้ว หล่อนไม่มีทีท่าว่าจะเมา เดินต้อนรับแขก ส่งยิ้มให้ใครหลายคน
“แกอย่าทำให้ฉันขายหน้านะ อย่าพูดอะไรที่ไม่ดีล่ะ” มานะชัยกำชับหลานชาย ที่กรอกตาบน เซ็งสุดชีวิต
“ถ้าคุณปู่กลัวผมทำให้หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ คุณปู่ก็ไม่ต้องให้ผมขึ้นไปพูดบนเวทีสิครับ” พายัพโต้เถียงกลับ “รับรองว่า คุณปู่หน้าไม่แตกแน่”
“มันก็จริงนะคะคุณพ่อ ไม่ต้องมีช่วงนี้ก็ได้ค่ะ แค่โรมยอมแต่งงานก็น่าจะพอแล้วนะคะ” วิมลมาศบอกแม่สามี “งานตอนเช้าก็ขายหน้าไปแล้ว วิมลไม่อยากขายหน้าตอนนี้อีกค่ะ”
มานะชัยลังเล สีหน้าครุ่นคิด ยังไม่ทันเอ่ยคำใด เสียงพายัพดังขึ้นเสียก่อน
“ผมชักอยากขึ้นบนเวทีซะแล้ว ขึ้นเลยดีกว่า” พูดจบก็ก้าวเท้าขึ้นบนเวที มานะชัยกับพัชรีใจหวั่นขึ้นมาทันทันใด เป็นเพราะพายัพหยิบขวดเหล้าบนโต๊ะไปด้วย
“ตาโรม แล้วแกจะถือขวดเหล้าขึ้นไปด้วยทำไม”
พัชรีรีบถามหลานชาย
“ไม่ต้องห่วงคะคุณย่า มาลีจัดการเองค่ะ” หลานสะใภ้บอกพัชรี ที่ทำสีหน้าไม่มั่นใจนักว่า อังศุมาลีจะจัดการพายัพด้วยวิธีไหน และนางทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนลุ้นว่า พายัพแผลงฤทธิ์ใด