1
วันนี้เป็นวันวิปโยคของเขาก็ว่าได้ ตอนเช้าแต่งงานกับอีกคน พอตอนเย็นในงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส กลับมีเจ้าสาวคนใหม่ หรือใช้คำว่า เจ้าสาวตัวแทนน่าจะเหมาะกว่า
อยากหัวเราะ...แต่หัวเราะไม่ออก
คนอย่างพายัพ เวชาอนุพงษ์ ผู้เพียบพร้อมในทุกด้าน ประสบความสำเร็จมากในเรื่องงาน แต่เรื่องความรักกลับสวนทางกัน ผู้หญิงที่คิดว่าเป็นรักแท้ เป็นภรรยาและแม่ของลูกในอนาคต จากตนไปอย่างไม่มีวันกลับ จากไปโดยไม่มีคำล่ำลา ไม่มีช่วงเวลาๆ ดีดีให้แก่กัน นำพาความทุกข์ ความโศกเศร้าในจิตใจพายัพมากนัก
จนถึงทุกวันนี้ หนึ่งปีสามเดือนยี่สิบวัน พายัพยังไม่เลิกใช้เหล้าย้อมใจ เขาคิดว่ามันคือที่พึ่งชั้นดี ตัวช่วยลืมความเจ็บปวด จากการสูญเสียได้ เมื่อทายาทเพียงคนเดียวของตระกูล ไม่เป็นผู้เป็นคน ยังดึงตัวเองออกจากหลุมดำไม่ได้ คนในครอบครัวจึงต้องหาทางออก ด้วยการหาเมียให้เขา
เมียที่พายัพไม่ต้องการ...
ครั้นจะไม่เข้าประตูวิวาห์กับสตรีที่ไม่ปรารถนาก็ไม่ได้ เป็นเพราะญาติผู้ใหญ่ของเขา คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย และคุณพ่อคุณแม่ มากันครบทุกองค์ประชุม ชักแม่น้ำร้อยสายมาอ้าง สุดท้ายก็จำยอม
พายัพแทบไม่มีส่วนร่วมเรื่องวันวิวาห์ จะจัดที่ไหน อย่างไร เขาไม่รับรู้ เจ้าสาวหน้าตาเป็นเช่นไร ชื่ออะไร ไม่สนใจ วันไหนที่หล่อนมาบ้าน เขาไม่อยู่ดูหน้า ไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์ นอนค้างคอนโดจิรายุภัทร์ ซึ่งไม่มีใครค้านหรือบังคับพายัพมากไปกว่านี้ เกรงว่าพายัพจะไม่ยอมเข้าประตูวิวาห์กับเจ้าสาวที่หาไว้ให้
เมื่อถึงวันแต่งงาน พายัพได้พบหน้าเจ้าสาวเป็นครั้งแรก หล่อนน่ารัก แต่ไม่ทำให้หัวใจพายัพสั่นไหว อาจเป็นเพราะพายัพดื่มเหล้าย้อมใจหนักมาก หนักชนิดที่ว่า ลุกไม่ขึ้น จนต้องไปปลุกด้วยการสาดน้ำเย็นบนใบหน้า ให้ผู้ชายในบ้านช่วยกันหิ้วปีกพายัพไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเจ้าบ่าว
งานตอนเช้าแทบล่ม เพราะเจ้าบ่าวยังไม่หายแฮงค์ นั่งไม่ตรง ยืนก็ไม่ได้ โอนไปเอนมา มิหนำซ้ำยังฟุบหน้าหลับระหว่างพิธีรดน้ำสังข์ เจ้าสาวภาวนาให้เจ้าบ่าวทำให้งานล่ม เพื่องานจะได้เดินต่อไม่ได้ ผลตรงกันข้าม แม้เจ้าบ่าวไม่อยู่ในสภาพไม่เป็นผู้เป็นคน มานะชัยกับคุณหญิงพัชรีให้แขกที่มาร่วมงาน ที่มีแต่ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย รดน้ำอวยพรเจ้าสาวเจ้าบ่าวต่อไป ละเว้นเรื่องการจดทะเบียนสมรส อยู่ช่วงต่อจากนี้ ต้องยกเลิกเพราะเจ้าบ่าวหลับ ช่วยกันหิ้วปีกขึ้นไปนอนบนห้อง
“คุณย่ายังไม่เลิกล้มความตั้งใจ ให้ผมจดทะเบียนสมรสอีกหรือครับ ผมคิดว่าจะจบไปตั้งแต่ผมเมาหลับซะอีก” พายัพพูดกับคนเป็นย่า เมื่อพัชรีนำเอกสารมาให้ตนเซ็นในห้อง ก่อนเริ่มพิธีฉลองมงคลสมรสในตอนเย็น ซึ่งเหลือเวลาอีกสองชั่วโมง “แล้วมันจำเป็นมากหรือครับ ไอ้ทะเบียนสมรสเนี่ย ผมว่า แค่ผมยอมแต่งงานก็น่าจะพอแล้วนะครับ”
เมื่อสร่างเมาด้วยน้ำเย็นจัด พายัพก็อยากเมาต่อ เพื่อให้หลับยาวยันเช้า งานตอนเย็นจะได้ล่ม เพราะเอกสารตรงหน้า ทำให้อารมณ์เขาแปรปรวน อยากฉีกมันทิ้งเหลือเกิน
“สำหรับแกอาจไม่จำเป็น แต่สำหรับฉัน จำเป็นมาก เซ็นซะ ถ้าไม่เซ็นฉันจะยกมรดกในส่วนของแกให้เมียแกทั้งหมด”
พายัพมองหน้าพัชรี เขาไม่พอใจกับเรื่องนี้มาก ที่เอะอะก็จะยกสมบัติให้เจ้าสาว ที่เขาจำได้แต่หน้า ทว่าชื่อกลับจำไม่ได้ เท่ากับว่า พายัพถูกบีบบังคับจากญาติอันเคารพรัก เขาไม่สนใจสมบัติเหล่านี้ก็ได้ เพราะในส่วนของตนก็มีอยู่มาก ใช่แบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ยังมีกินมีใช้ไปตลอดชีวิต ทว่าที่ยอมเนื่องจาก ไม่อยากให้ใครมาชุบมือเปิบง่ายๆ อีกทั้งยังคิดว่า จดได้ก็หย่าได้ เขาจะทำทุกวิถีทางให้เจ้าสาว อยู่กับตนไม่ได้
“ก็แค่นี้แหละ” พัชรียิ้มพอใจ เมื่อเห็นหลานชายเซ็นชื่อลงไปในเอกสารสำคัญ “แล้วก็กรุณาอย่าเมาหัวราน้ำอีกนะ ฉันเสียเงินไปเยอะในงานเย็นนี้ แต่เสียเงินไม่ว่า ฉันไม่อยากเสียหน้ามากกว่า เชิญแขกมาเป็นร้อยเลย”
“คุณย่ากลัวผมเมา แล้วจัดงานตอนเย็นทำไมครับ แค่งานตอนเช้ากับทะเบียนสมรสก็น่าจะพอ จัดงานใหญ่งานโตให้สิ้นเปลืองทำไมก็ไม่รู้” คนเป็นหลานบ่น
“เพราะฉันอยากทำ มีอะไรไหม” พัชรีกวนกลับหลานชาย “ถ้าเห็นว่าฉันเป็นย่า ก็อย่าดื่ม งานจบแกจะดื่มหนัก ดื่มเหมือนหมายังไง ฉันจะไม่ว่าแกเลย เข้าใจไหม” คำตอบของพายัพคือความเงียบ “ฉันถามว่า แกเข้าใจที่ฉันสั่งไหม ก็ตอบมาสิ”
อารมณ์คนถามเริ่มไม่ดีบ้าง พายัพมองหน้าหญิงสูงวัย พรางถอนหายใจ
“ผมจะพยายามครับ” เขาตอบกึ่งรับกึ่งสู้
“พยายามให้มันมากๆ ด้วย ไม่อย่างนั้น เห็นดีกันแน่” พูดจบก็เดินออกไปจากห้อง พายัพลุกเดินไปยังตู้เย็นภายในห้อง หยิบเบียร์ออกมาหนึ่งกระป๋อง เปิดมันออกแล้วดื่มทีเดียวหมดกระป๋อง
มาถึงงานช่วงเย็น พายัพที่สติครบถ้วน เบียร์แค่กระป๋องเดียว ทำอะไรเขาไม่ได้ ถึงกับอึ้งเมื่อเจ้าสาวถูกเปลี่ยนตัว เป็นอีกคน ที่สำคัญชื่อจริงของหล่อน คล้ายชื่อคนรักเก่าของเขามาก
อังศุมาลินหรือหลิน คือชื่อคนรักที่จากโลกนี้ไป
อังศุมาลีหรือมาลี คือชื่อของภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย
พายัพถึงกับนิ่งงัน มองหน้าเจ้าสาวที่ความสวยเข้าขั้นเทพ สวยแบบร้องตะโกน ตะโกนออกมาดังๆ ด้วย หล่อนสวยกว่าเจ้าสาวช่วงเช้าของตนเสียอีก ความที่ไม่ปรารถนาแต่งงาน เจ้าสาวก็ไม่ใช่คนที่เขารัก พายัพมองหล่อนในแง่ร้ายว่า ความสวยเกิดจากการทำศัลยกรรม ไม่ใช่สวยตามธรรมชาติเหมือนอังศุมาลิน ไหนจะเครื่องสำอางที่แต่งแต้มอีก พอล้างหน้ามา คงจะคนละภาพจำแน่นอน