ตอนที่ : 07 โอกาส ( 2 )
จันทร์เจ้า Talk
ฉันวิ่งออกมาจากห้าง ท่ามกลางผู้คนที่กำลังเดินเที่ยวกันอย่างพลุกพล่าน ฉันไม่มองกลับไปข้างหลังเลยเอาแต่ตั้งหน้าวิ่งไปอย่างเดียว ในหัวมันคิดแต่ว่าต้องหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้ ตอนนี้ฉันออกมาได้แล้วฉันจะไม่กลับไปที่นั่นอีกเด็ดขาด ฉันต้องไปให้พ้นจากเขา ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่ได้คิดว่าจะต้องไปที่ไหน ถ้าจะต้องนอนข้างถนนเพื่อแลกกับการหนีให้พ้นจากเขา เธอก็ยอม
“แฮ่ก แฮ่ก”
“เฮ้ยคุณ เดินชนคนอื่นเนี่ย! มองทางหน่อยสิ”
“อะไรของเธอเนี่ย วิ่งไปไหน”
“ขอโทษค่ะๆ”
ฉันรีบเอ่ยปากขอโทษก่อนจะรีบวิ่งไปต่อ ฉันเอาแต่วิ่งอย่างเดียวจนไม่ได้มองทาง ฉันเลยเดินชนกับคนอื่นๆ ที่เขากำลังเดินสวนทางมา เพราะทุกวินาทีมันสำคัญมาก พวกเขาจะตามมาตอนไหนก็ไม่รู้ การที่ฉันหายเข้าห้องน้ำไปนานๆ แบบนี้พวกเขาต้องสงสัยแน่ๆ
เวลาผ่านไป
ฉันเอาแต่วิ่งจนตอนนี้ไม่รู้เลยว่าตัวเองมาหยุดอยู่ที่ไหน พอเริ่มมืดรอบกายมันก็สลัวไปหมด ถ้าไม่มีแสงจากไฟตามทางฉันก็มองไม่เห็นเลย รถที่ขับผ่านไปมาก็ทำเอาฉันระแวงไปหมด กลัวว่าจะเป็นรถของลูกน้องเขาที่ขับมาตามฉัน
ฉันเดินไปเรื่อยๆ ก่อนจะเหลือบไปเห็นตู้โทรศัพท์ตู้นึง ฉันรีบเดินเข้าไปและหยิบเงินออกมาหยอดกดโทรออกไปหาเพื่อนที่รู้จัก
ระหว่างนั้นฉันก็คอยหันมองอยู่ตลอด
( สวัสดีค่ะ ใครโทรมาคะ? )
“…..” พอได้ยินเสียงปลายสายแล้วฉันก็ดีใจมากๆ ดีใจจนมือสั่นไปหมด ดีใจจนลืมไปเลยว่าฉันต้องพูดอะไร
( ถ้าไม่พูด ฉันขอกดวางนะคะ )
“ละ หลิว” ฉันพูดเสียงสั่น “อย่าเพิ่งวางนะ คุยกันก่อน”
( จันทร์!! นี่เธอไปไหนมา แล้วทำไมฉันติดต่อไม่ได้เลย )
“ฉัน...ฉันมีเรื่องน่ะ ช่วยหน่อยนะ”
( ได้สิ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ฉันจะไปรับ )
“เอ่อ...ฉันไม่รู้ ฉันวิ่งออกมาจากห้าง ตอนนี้อยู่ตรงหน้าตึกสูงๆ หน้าโรงแรมDD”
( แต่โรงแรมมันมีหลายสาขานะ เธอมีโทรศัพท์ส่งGPSให้ฉันได้มั้ย )
“ฉันไม่มีโทรศัพท์”
( งั้นเธอรออยู่ตรงนั้นนะ ห้างที่ว่าอยู่ไม่ไกลจากบ้านของฉัน ไม่นานก็น่าจะถึง )
“อื้ม”
ฉันเดินออกมาจากตู้โทรศัพท์และไปยืนหลบอยู่ตรงมุมมืด ฉันกลัวว่ารถสักคันนึงที่ขับผ่านไปมานั้นจะเป็นรถของบอดี้การ์ดของเจโรม ฉันไม่อยากเจอหน้าของเขาอีก ให้ตายยังไงฉันก็จะไม่กลับไป
ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันมั่นใจว่าการที่เขาโกรธและทำท่าเหมือนเกลียดฉันแทบตายแบบนั้นไม่ใช่เพียงเพราะถูกฉันบอกเลิกหรอก มันต้องมีอะไรไปมากกว่านั้นแน่ๆ
แต่จะไปถามแม่ของเขาก็ไม่ได้หรอก เพราะแม่ของเขาก็ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว
สาเหตุที่ฉันต้องเลิกกับเจโรมก็เพราะแม่ของเขาด้วย แต่ฉันก็ไม่โทษแม่ของเขาหรอก คนเป็นแม่ยังไงก็ต้องรักลูกหวงลูกเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
ฉันยืนรอจนเริ่มดึกมากขึ้น ฉันยังยืนรอเพื่อนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน ฉันกลัว กลัวไปหมด กลัวว่าจะถูกตามตัวจนเจอแล้วก็ต้องกลับไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นอีก
ฉันรู้ดีว่าเขาต้องโกรธมากและต้องทำอะไรกับตัวของฉันมากไปกว่านั้นแน่ๆ เพราะฉันรู้จักนิสัยของเขาดี เจโรมไม่ชอบให้ใครทำอะไรขัดคำสั่งของเขา ท้าทายคำเตือนของเขา
หลิวคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันตั้งแต่ที่ได้รู้จักกันจนถึงตอนนี้ เธอคือเพื่อนคนเดียวที่ฉันไว้ใจและยอมเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง แม้ฉันจะไปเรียนต่างประเทศแต่ก็ติดต่อกันอยู่ตลอด เรื่องที่ฉันต้องเลิกกับเจโรมเพื่อนฉันคนนี้ก็รู้สาเหตุของมันด้วย
เวลาผ่านไป
ยิ่งดึกก็ยิ่งอากาศหนาว ข้างนอกมันเย็นจับขั้วหัวใจ แต่ฉันก็ยังอยู่ที่เดิมไม่ได้ไปหาที่พัก ฉันกลับบ้านไม่ได้ เพราะถ้าฉันกลับไปเขาต้องตามตัวของฉันเจอแน่ๆ บางทีตอนนี้ลูกน้องของเขาอาจจะดักรออยู่ที่หน้าบ้านแล้วก็ได้
แต่ถ้าหลิวมาเจอฉันช่วยให้ฉันพ้นจากเขา หลิวก็จะต้องเดือดร้อนไปด้วยสิ เธอคือเพื่อนที่ดีที่สุดฉันจะไม่ให้เพื่อนของฉันต้องมาเดือดร้อนไปกับฉันแน่ๆ
พอคิดได้แบบนั้นแล้วฉันก็ตัดสินใจเดินออกไปท่ามกลางความมืดและความหนาวเหน็บ ดึกแล้วแต่ฉันก็ยังไม่หยุดพัก ฉันไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน หนีออกมาได้แล้วก็จริง แต่ฉันก็มืดแปดด้านไปหมดเลย บ้านของตัวเองก็กลับไม่ได้
“น้องสาวขึ้นรถมั้ยครับ”
“ไม่ค่ะ ขอบคุณ”
ฉันจะไปนอนที่ไหนได้ล่ะ โรงแรมใหญ่ๆ ก็แพง ต้องหาห้องพักก่อนแต่จะพักในโรงแรมไปตลอดมันก็ไม่ได้ เงินที่มีมันก็ไม่ได้มากขนาดนั้น งานก็ไม่มีทำฉันต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดเลย
ไม่นานก็เจอป้ายโรงแรมเล็กๆ แห่งนึง ซึ่งราคาก็พอไหวแหละสำหรับนอนคืนเดียว
“สวัสดีค่ะ”
“ขอห้องพักที่ถูกที่สุดห้องนึงค่ะ”
“พักกี่คืนคะ?”
“คืนนึงค่ะ”
“นี่กุญแจค่ะ ค่าห้องจ่ายมัดจำก่อนครึ่งนึง ที่เหลือไว้จ่ายตอนล็อคเอ้าท์ค่ะ”
“ค่ะ ฉันขอถามอะไรอย่างนึงสิคะ”
“ถามมาเลยค่ะ”
“ที่นี่มีคนมาพักเยอะมั้ยคะ พอดีฉันไม่ค่อยชอบเสียงดังเท่าไหร่ค่ะ”
“ไม่ค่อยมีคนหรอกค่ะ ตามสบายนะคะ”
“ว่าแต่แถวนี้มีตลาดมั้ยคะ ฉันอยากได้เสื้อผ้าใหม่ แล้วก็หาของกินด้วย”
“มีค่ะ เดินออกไปไม่ไกล แต่ต้องไปตอนเย็นนะคะ ส่วนอาหารหน้าปากซอยมีร้านตามสั่งอยู่”
“ขอบคุณค่ะ”
ฉันเดินเข้าไปในห้องพักและไม่ลืมที่จะล็อคประตูด้วย คืนนี้คงต้องใส่เสื้อผ้าซ้ำไปก่อนแต่ก็ยังดีที่ได้อาบน้ำ
พอถึงเวลาจะนอนฉันกลับนอนไม่หลับเลย มันระแวงไปหมด สายตาของฉันเอาแต่จ้องไปทางประตู กลัวว่าจะมีคนพังประตูเข้ามา ฉันกลัวจนไม่กล้าข่มตานอนหลับเลย
ทั้งกลัวทั้งกดดัน พอคิดไปว่าต่อจากนี้ตัวเองจะเริ่มต้นใหม่ยังไงเพื่อหลบหลีกจากเขาไปให้ได้ตลอด มันก็กดดันจนอยากจะร้องไห้ออกมาเลย คิดถึงแม่คิดถึงครอบครัวตัวเอง อยากกลับไปเป็นแบบเดิม แบบที่ไม่ใช่แบบนี้ ถ้ารู้ว่ากลับมาแล้วต้องเจอเรื่องบ้าบออะไรพวกนี้ สู้ฉันอยู่ที่ต่างประเทศไม่กลับมาดีกว่า
ฉันไม่คิดเลยว่าคนที่เคยเป็นคนมีเหตุผล ฟังคำพูดของคนอื่น จะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว เอาแต่ใจ และใช้อำนาจที่ตัวเองมีข่มคนอื่นได้ถึงขนาดนี้
เปลี่ยนไม่ได้เหรอ ให้คนที่เป็นแบบนี้เป็นคนอื่นไม่ได้เหรอ ไม่ต้องเป็นเจโรมไม่ได้เหรอ ฉันจะได้ไม่ต้องมาวิ่งหนีเขาแบบนี้
พอถึงตอนเช้าฉันก็รีบตื่น ไปหาของกินแต่เช้า และกลับเข้ามาที่ห้องพักของตัวเอง ฉันอยู่ต่อจนถึงเย็นเพราะจะต้องไปซื้อเสื้อผ้ามาไว้ใส่และของใช้เล็กๆ น้อยๆ ที่จำเป็น
จากนั้นก็มานั่งคิดว่าจะเอายังไงต่อไป แต่ฉันจะอยู่กับที่แบบนี้ไม่ได้ เพราะการอยู่กับที่สำหรับฉันก็ไม่ต่างอะไรจากเป้านิ่งของเขา คนอย่างเขาจะตามหาคนคนหนึ่งได้มันไม่ยากหรอก ขนาดจับฉันมาที่บ้านของเขาโดยที่ไม่เป็นเรื่องเป็นราวถึงตำรวจ เขายังทำได้เลย
"ขอโทษนะคะ ถ้าฉันจะไปขึ้นรถโดยสาร ฉันต้องขึ้นรถคันไหนไป แล้วไปลงที่ไหน"
"นั่งรถแท็กซี่ไปทีเดียวเลยจะง่ายกว่าค่ะ เพราะถ้าคุณจะขึ้นรถประจำทางตั้งแต่ตรงนี้ไปมันจะขึ้นลงหลายต่อและคุณจะเสียเวลา"
"ค่ะ ขอบคุณนะคะ"
ที่ฉันคิดว่าฉันจะไปจากที่นี่ให้ได้ไกลที่สุด ฉันไม่ได้คิดเล่นๆ เลย ฉันจะไปให้ไกลจากที่นี่ ไปต่างจังหวัดไปที่อื่น ข้ามเกาะข้ามเขาไปได้ยิ่งดีเลย ฉันยอมลำบากดีกว่าต้องอยู่กับคนอย่างเขา
ฉันจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่คนเดียว และฉันก็จะไม่มีใครอีกแล้ว ฉันจะไม่มีคนรัก ฉันจะไม่เปิดใจรักใครอีก
เวลาต่อมา
"สวัสดีค่ะ ฉันมาขอซื้อตั๋วเดินทางไปต่างจังหวัดค่ะ"
"คุณจะไปที่ไหนคะ ดูจุดหมายของคุณที่ป้ายด้านบนเลยค่ะแล้วก็ไปซื้อตั๋วตรงนั้น"
"....." ฉันเดินถอยออกมา เงยหน้าขึ้นมองป้ายที่อยู่ด้านบนเรียงกันเป็นแถบ ฉันกำลังคิดว่าฉันจะไปที่ไหนดี เพราะมันไม่ได้มีอยู่ในหัวเลย ไม่ได้มีที่พักสำหรับที่นั่นด้วย
แต่ถ้าได้ข้ามฝั่งไป อยู่บนเกาะซักเกาะนึง หางานเล็กๆ น้อยๆ ทำบนเกาะที่นั่น แค่นี้ฉันว่ามันก็น่าพอแล้วล่ะสำหรับคนอย่างฉัน อีกอย่างเขาก็คงไม่เอะใจหรอกที่ฉันจะไปถึงที่นั่น
"สวัสดีค่ะ ฉันมาซื้อตั๋วค่ะ"
"ตั๋วรถเที่ยวสุดท้ายออกไปแล้วนะคะ ถ้าคุณจะซื้อตั๋วใหม่ก็คงต้องรอพรุ่งนี้"
"พรุ่งนี้เลยเหรอคะ แล้วเปิดขายตั๋วกี่โมงเหรอคะ"
"เก้าโมงค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ"
นี่ฉันต้องหาที่พักแถวนี้ก่อนอีกแล้วเหรอ อุตส่าห์คิดไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะไปนอนบนรถระหว่างที่กำลังเดินทาง เพราะกว่าจะไปถึงที่นั่นมันก็คงเช้าพอดีนั่นแหละ ถึงเวลานั้นฉันก็จะได้หาสถานที่พักต่อไปเพื่อเริ่มต้นให้กับตัวเอง
ฉันเดินออกมานั่งข้างนอก มองดูผู้คนที่กำลังเดินผ่านไปผ่านมา รถก็เคลื่อนตัวออกไปทีละคันสองคัน ตอนนี้ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเปลี่ยนชุดแล้วคงไม่มีใครจำฉันได้แล้วล่ะ
คิดถึงเมื่อก่อนนะ คิดถึงช่วงเวลาที่ฉันเคยมีความสุขมากๆ ช่วงเวลาที่ฉันไม่ต้องคิดอะไรมากมาย ไม่ต้องกดดันไม่ต้องหนักใจ
แต่ก็อย่างว่าแหละนะเวลาเปลี่ยนอะไรๆ มันก็เปลี่ยนได้หมดแหละแม้กระทั่งใจของคนเรา
ครั้งหนึ่งเราสองคนเคยรักกันมาก ถึงขั้นสัญญากันว่าจะแต่งงานกันด้วยนะ เราวาดฝันอนาคตไว้ด้วยกันมากมายเลยล่ะ แต่ทำยังไงได้ ฉันมันต่ำต้อยขนาดนี้จะไปเทียบกับคนมีตระกูลอย่างเขาได้ยังไง