บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 ยกแรกได้เริ่มขึ้นแล้ว

“แต่ว่า...” นางแบบสาวทำท่าจะพูดต่อ แต่ชายหนุ่มก็พูดขัดขึ้นเสียก่อน

“เดี๋ยวผมจะซื้อแหวนเพชรให้เป็นการปลอบขวัญคุณก็แล้วกันพอใจไหม?” เขาบอกยิ้มๆ ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองสบกับดวงตากลมโตของพลอยนรินทร์

“อืม...ก็ได้ค่ะ แต่ร้านห่วยๆแบบนี้อีกไม่นานก็คงจะเจ๊ง” พิมผกายิ้มหวานให้ชายหนุ่มก่อนจะหันมาค้อนให้หญิงสาวเจ้าของร้านอาหารและหันมาทางคู่ควงหนุ่มอีกครั้ง แล้วเมื่อเห็นว่าเขากำลังจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอยู่จึงเม้มปากอย่างขัดใจก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม “ไปกันหรือยังคะ”

“วันนี้ผมสนุกมาก แล้วอีกไม่นานเราคงได้เจอกันอีก” โจเซฟกระตุกยิ้มที่มุมปากให้เจ้าของร้านสาวและพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินโอบเอวพิมผกาเดินออกไปจากร้าน โดยมีสายตาของพลอยรินทร์มองตามไปอย่างงุนงงกับคำพูดนั้น

“บ้าหรือเปล่าเนี่ยยืนมองแฟนตัวเองด่าคนอื่นแล้วยังมีหน้ามาบอกว่าสนุกมาก ฮึ ฮึ คนแบบนี้ก็มีด้วย”แพรพริมาพึมพำออกมาก่อนจะหันมาทางเจ้านายสาว ซึ่งอีกฝ่ายก็หันมาแล้วยิ้มให้น้อยๆ พร้อมกับส่ายหน้าไปมา ก่อนจะหันมาทางพนักงานของตนเอง

“เป็นยังไงบ้าง?”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เอ่อ...แล้วคุณพลอยจะไล่หนูออกหรือเปล่าคะ?” พนักงานสาวผู้โชคร้ายเอ่ยถามอย่างกังวล

“ไม่หรอก เธอไม่ได้ผิดนี่ ไปพักผ่อนซะก่อนไปหายตกใจเมื่อไรแล้วค่อยทำต่อ” พลอยนรินทร์ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“ขอบพระคุณคุณพลอยมากเลยค่ะ” พนักงานสาวยกมือไหว้ทั้งน้ำตาด้วยความซาบซึ้งก่อนจะเดินกลับเข้าหลังร้านไป จากนั้นพลอยนรินทร์และแพรพริมาก็หันไปกล่าวขอโทษลูกค้าที่อยู่ในร้านแล้วจึงเดินกลับเข้าห้องทำงานของตนเองตามเดิม

ชวินขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มนั่งยิ้มกริ่มอยู่ที่โต๊ะทำงานภายในห้องทำงานส่วนตัวซึ่งอยู่ชั้นที่ 10 ของตึกมาเรียนน่า ก็เมื่อก่อนเที่ยงวันเขากลับมาจากออกไปตรวจงานด้านนอกตามที่ได้รับมอบหมาย แล้วจะกลับเข้ามารายงานผลแต่ก็พบว่าเจ้านายหนุ่มไม่อยู่ ถามใครก็ไม่มีใครเห็น แต่ตอนนี้กลับนั่งหน้ายิ้มจ้องมองเขาอยู่ที่โต๊ะทำงาน

“เจ้านายไปไหนมาครับ ผมกลับเข้ามาก็ไม่เจอ” ชวินเดินเข้ามาหยุดยืนที่หน้าโต๊ะทำงาน โจเซฟเงยหน้าขึ้นมองลูกน้องหนุ่มก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างแล้วลุกขึ้นเดินมาจับไหล่อีกฝ่ายเอาไว้พร้อมกับบอกเสียงเรียบ

“ก็ไปทำเรื่องสนุกๆมาน่ะสิ” คำตอบของชายหนุ่มทำให้ชวินหันมามองหน้าเจ้านายหนุ่มทันที พร้อมกับขมวดคิ้วสงสัย

“น่าจะสนุกมากนะครับ เจ้านายถึงได้อารมณ์ดีแบบนี้” ชวินเอ่ยแซวและไม่คิดจะถามซอกแซกเพราะถ้าเจ้านายหนุ่มของเขาจะบอกก็บอกเอง แต่ถ้าไม่บอกก็แสดงว่าไม่สำคัญ

“ฮึ ฮึ ก็คล้ายๆกับพวกแม่ค้าในตลาดทะเลาะกัน” หนุ่มลูกครึ่งหัวเราะในลำคอ แล้วพูดต่อ “แล้วงานที่ไซน์งานเป็นยังไงบ้าง มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีครับ”

“ดี งั้นเตรียมเข้าประชุมตอนบ่าย 2 โมงได้เลย” โจเซฟตบมือลงบนไหล่ลูกน้องเบาๆแล้วเดินไปทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานอีกครั้ง

“ครับ” ชวินรับคำก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงาน

ชายหนุ่มมองประตูห้องที่ปิดลงก่อนจะเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้แล้วยกมุมปากขึ้นอย่างเยาะๆ “มีเขี้ยวเล็บเหมือนกันนะแม่แมวน้อย แต่ก็ดีจะได้สนุกขึ้นไปอีก” เขาหัวเราะในลำคออย่างพอใจ ก่อนจะหรี่ดวงตาคมที่เต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งความเคียดแค้นและชิงชังลง

“ปัง!” อิทธิชัยทุบมือลงบนโต๊ะทำงานอย่างแรงด้วยความโมโหโกรธา แววตาที่เกรี้ยวกราดกวาดมองไปยังลูกน้องที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ก่อนจะมาหยุดลงที่วิโรจน์ลูกน้องมือขวาของเขาพร้อมกับตะคอกถามออกไป

“ทำไมพวกมันไม่ขายที่ดินให้กับฉัน?!”

“เอ่อ...พวกชาวบ้านบอกว่ามีคนให้ราคาสูงกว่าเราครับ พวกมันก็เลยขายให้ไป” วิโรจน์เงยหน้าขึ้นมองเจ้านายหนุ่ม

“ใครว่ะ! ใครมันกล้าแข่งกับฉัน มันไม่รู้หรือไงว่าที่นี่ใครคุมอยู่! แล้วแกรู้ไหมว่าไอ้คนนั้นมันเป็นใคร” อิทธิชัยจ้องหน้าลูกน้องคนสนิทพร้อมกับกัดกรามกรอดอย่างโมโหจัด

“รู้ครับ ก็ไอ้โจเซฟคู่ควงคนใหม่ของคุณฉัตรสุดาไงครับเจ้านาย” เจ้าลูกน้องรายงานอย่างรวดเร็ว และคำบอกกล่าวของวิโรจน์ก็ทำให้แววตาของอิทธิชัยวาวโรจน์ขึ้นราวกับเปลวเพลิง ก่อนจะหรี่ลงพร้อมกับกำมือทั้งสองข้างเข้ากัน

“มันเองเหรอ มันคิดว่ามันเป็นใครถึงกล้ามางัดข้อกับคนอย่างฉัน มันก็แค่ไอ้นักธุรกิจหน้าใหม่กระจอกๆคนหนึ่งเท่านั้น”

“ใช่ครับ มันทำแบบนี้เท่ากับไม่เห็นหัวเจ้านายเลยนะครับ จะให้ผมจัดการมันเลยไหมครับ?”

“ยังก่อน แต่แกไปสืบประวัติของมันมาให้ฉันอย่างเร็วที่สุด แล้วสืบมาด้วยว่ามันต้องการที่ดินพวกนั้นไปทำอะไร” เขาสั่งเสียงเรียบ

“ได้ครับ” ผู้เป็นลูกน้องผงกศีรษะรับคำสั่ง ก่อนจะพูดต่อ “แล้วโรงงานที่จะสร้างละครับจะเอายังไง ตรงนั้นเป็นที่ที่เหมาะที่สุดแล้วนะครับ แล้วของทุกอย่างก็เตรียมพร้อมเอาไว้หมดแล้วด้วย”

“ฉันจะเจรจาขอซื้อต่อจากมันเอง แล้วถ้ามันไม่ขายละก็....ฮึ ฮึ ฮึ มันได้รู้จักคนอย่างอิทธิชัยอย่างลึกซึ้งแน่นอน” มุมปากหนาเหยียดออกอย่างเหี้ยมเกรี้ยม

“แล้วคุณฉัตรจะไม่โกรธเอาหรือครับที่เราทำร้ายคนรักของเธอ” วิโรจน์เอ่ยถามพร้อมกับลอบกัดกรามแน่นด้วยความโกรธเมื่อเอ่ยถึงผู้ชายที่ชื่อโจเซฟกับน้องสาวของเจ้านายหนุ่ม เพราะเขาเองก็แอบชอบและแอบใฝ่ฝันถึงฉัตรสุดามาตั้งแต่เข้ามาทำงานที่นี่ใหม่ๆ แต่หญิงสาวกลับมองเขาเหมือนกับตัวไส้เดือน กิ้งกือที่น่าขยะแขยง เขาจึงต้องเก็บซ่อนความรักที่มีเอาไว้

“ถ้าฉันจะทำเสียอย่าง ใครก็มาขัดขวางฉันไม่ได้ แล้วถ้าไอ้โจเซฟมันมาขวางทางคนอย่างฉันละก็สิ่งที่มันจะได้รับคือความตายสถานเดียว”

“ก็ลองดูสิพี่อิท!” เสียงตวาดแวดดังขึ้นมาจากทางหน้าประตูห้องทำงานของเขา ก่อนที่ร่างบางสมส่วนของฉัตรสุดาจะก้าวเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าพี่ชาย แล้วหันไปมองค้อนให้กับลูกสมุนมือขวาอย่างวิโรจน์ ทำให้เขาต้องก้าวถอยไปยืนอยู่ข้างพนังห้อง จากนั้นหญิงสาวก็หันกลับมามองพี่ชายตาขวาง

“ถ้าพี่คิดจะทำอะไรคุณโจเซฟละก็ ได้เห็นดีกันแน่ อย่าคิดนะว่าฉันทำอะไรพี่ไม่ได้”

“แกคิดจะเป็นศัตรูกับฉันซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆของแกเพียงเพราะผู้ชายคนเดียวเนี่ยนะ มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอฉัตรสุดา” อิทธิชัยบอกเสียงเข้มด้วยความโกรธ จ้องหน้าน้องสาวอย่างไม่พอใจ

“ไม่มากหรอกเพราะผู้ชายคนนี้คือคนที่ฉันรัก ฉันจะขอเตือนพี่และทุกคนที่นี่เอาไว้เลยนะว่าถ้าใครหน้าไหนกล้ามาแตะต้องคุณโจเซฟละก็ได้เห็นดีกับฉันแน่” ฉัตรสุดาตบมือลงบนโต๊ะแล้วจ้องตอบพี่ชายอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะตวัดสายตามามองเหล่าลูกน้องของเขาซึ่งพากันก้มหน้านิ่งหลบสายตาที่ดุดันของนายสาว และหันกลับมาทางพี่ชายอีกครั้ง

“แล้วฉันก็ไม่ได้ขู่ด้วย” เธอบอกด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่จริงจังและดุดัน ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องนั้น โดยมีสายตาที่โกรธแค้นของอิทธิชัยมองตามไป มือหนาเกร็งกำแน่นเช่นเดียวกับกรามทั้งสองข้างที่ขบเข้าหากัน

“แกคิดผิดแล้วฉัตรสุดา สิ่งไหนที่ฉันจะทำใครก็มาห้ามหรือขัดขวางไม่ได้ แม้กระทั่งแกที่เป็นน้องสาวของฉัน” ชายหนุ่มเน้นเสียงลอดไรฟันอย่างน่ากลัว

ส่วนทางฝ่ายโจเซฟก็กำลังให้ทนายความส่วนตัวตรวจสอบโฉนดที่ดินแถบชานเมืองที่เขาซื้อเอาไว้ เพราะเมื่อก่อนที่ดินแถบนั้นเป็นของบิดาเกือบทั้งหมด แต่ถูกคนชั่วโกงเอาไปแล้วนำไปขายทอดตลาด เขาจะเก็บทุกอย่างที่เคยเป็นของครอบครัวกลับคืนมา ถึงแม้มันจะไม่ครบทุกอย่างแต่ก็อยากจะหาให้ได้มากที่สุด

“เป็นไงบ้างครับโฉนดที่ดินพวกนี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” นักธุรกิจหนุ่มเอ่ยถามขึ้น

“ถ้าดูคราวตอนนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาครับ แต่ผมขอเอากลับไปตรวจสอบให้แน่ใจดูอีกทีจะได้มั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาภายหลัง” ทนายความวัย 40 ปีกว่าๆบอกเขา

“ดีครับ ถ้างั้นก็ฝากคุณกฤษช่วยดูให้ด้วยแล้วกันนะครับ”

“ครับ” ทนายความวัยกลางคนรับคำแล้วเก็บโฉนดที่ดินเกือบ 10 ใบใส่ซองสีน้ำตาลก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าเอกสารสีดำของตนเองแล้วหันมาบอกลาชายหนุ่ม “ผมขอตัวเลยแล้วกันนะครับ”

“ครับ เชิญครับ” โจเซฟลุกขึ้นอย่างให้เกียรติอีกฝ่าย และรอจนอีกฝ่ายเดินออกจากห้องไปแล้ว จึงได้เดินกลับมานั่งลงบนเก้าอี้ทำงานอีกครั้ง

ชวินเดินกลับมาหาเจ้านายหนุ่มอีกครั้งหลังจากเดินไปส่งทนายความที่หน้าประตูห้องเรียบร้อยแล้ว และเริ่มรายงานเรื่องที่ตนเองได้รับรู้มา

“ผมได้ยินมาว่าที่พื้นนั้นนายอิทธิชัยก็กำลังต้องการอยู่เหมือนกันนะครับ เห็นว่าจะสร้างโรงงานเจียระไนเพชรพลอยอะไรนี่แหละ”

“ฮึ ฮึ โรงงานนรกสิไม่ว่า ที่ดินพวกนั้นเคยเป็นของพ่อแม่ฉันมาก่อน ฉันจะไม่ยอมให้ใครได้มันไปเด็ดขาด โดยเฉพาะคนชั่วที่ทำลายชาติอย่างนายอิทธิชัย” เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ในท่าสบายพร้อมกับมองหน้าลูกน้องหนุ่ม

“ผมว่างานนี้เจ้าพ่ออย่างนายอิทธิชัยที่ไม่เคยโดนใครขัดใจคงต้องโมโหเจ้านายยกใหญ่แน่ๆ” ชวินบอกอย่างคาดการณ์และอดเป็นห่วงชายหนุ่มไม่ได้

“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว คนอย่างอิทธิชัยใครยอมก็รอด ใครขวางก็ตาย แต่คนอย่างฉันไม่เคยกลัวพวกที่ใช้อิทธิพลในทางที่ผิดอยู่แล้ว” แววตาของนักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งหรี่ลงพร้อมกับขบกรามทั้งสองข้างเข้าหากัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel