ตอนที่ 2 ลางร้ายที่ใกล้เข้ามา
ทันทีที่ร่างบางก้าวเข้าไปในบ้าน แม่บ้านวัย 70 ปี ก็เดินคลี่ยิ้มกว้างเข้ามาหาพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น “ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะคะ”
“วันนี้ที่ร้านไม่ยุ่งมากเท่าไร พลอยก็เลยให้แพรพริมาดูแลแทนค่ะ” หญิงสาวบอกพร้อมกับยิ้มให้แม่บ้านที่เลี้ยงตนเองมาตั้งแต่เกิด ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มรับก่อนจะค่อยๆหุบยิ้มแล้วมองหน้านายสาวที่รักเหมือนลูก
“เอ่อ...คุณพ่อกลับมาแล้วนะคะตอนนี้อยู่บนห้อง”
“ค่ะ พลอยเห็นรถจอดอยู่ ถ้าฝนไม่ตกหนักก็คงจะแล้งไปเลยหรือไม่ก็กำลังจะหาคู่ขาคนใหม่อยู่ก็เลยกลับบ้านได้” พลอยนรินทร์พูดประชดก่อนจะแค่นยิ้มออกมา
“อย่าพูดแบบนั้นสิคะ มันบาปนะคะ” แม่บ้านชราเอ่ยเตือนด้วยความหวังดีและห่วงใย
“ไม่บาปหรอกค่ะเพราะพลอยพูดเรื่องจริง” อีกฝ่ายเถียงพร้อมกับเหยียดมุมปากออก
“เรื่องจริงแล้วไง!” เสียงที่ดังแทรกขึ้นมาจากทางบันไดทำให้พลอยนรินทร์และละมัยหันไปมอง แต่หญิงสาวก็ไม่ได้มีท่าทางตกใจเหมือนกับหญิงสูงวัยข้างๆ ใบหน้าสวยมองตรงไปยังบิดาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ถึงฉันจะมีผู้หญิงมากมาย แต่ฉันก็ไม่เคยทำให้แกต้องเดือดร้อน” สินธพเดินเข้ามาใกล้บุตรสาว
“ฮึ ฮึ คุณพ่อกล้าพูดจริงนะคะว่าไม่มีใครเดือดร้อน แล้วคุณแม่ที่เสียไปล่ะคะ ไม่ใช่เพราะความเจ้าชู้มากรักของคุณพ่อเหรอ ในขณะที่คุณแม่นอนเจ็บใกล้จะสิ้นลมอยู่ที่โรงพยาบาล คุณพ่อกลับไประเริงรักอยู่กับผู้หญิงหน้าเงินพวกนั้น” คำพูดทุกคำถูกกลั้นออกมาจากความรู้สึกที่เจ็บปวดและแค้นใจ แววตาที่ทอดมองไปยังบิดาจึงมีแต่ความเย็นชาและว่างเปล่า ซึ่งสินธพก็เข้าใจดีว่าบุตรสาวเศร้าโศกเสียใจมากเพียงใดเพราะพลอยนรินทร์รักแม่มาก
“พ่อขอโทษ” ผู้เป็นบิดาเอ่ยออกมาอย่างช้าๆแต่หนักแน่นเพราะเขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ
“คุณพ่อจะขอโทษใครล่ะคะในเมื่อคนที่คุณพ่อควรจะขอโทษไม่อยู่บนโลกนี่แล้ว” น้ำเสียงของหญิงสาวสั่นเครือพร้อมกับหยดน้ำตาใสๆก็ไหลลงมา
“พอเถอะค่ะคุณหนู คุณท่านกลับมาเพื่อจะมาทานข้าวเย็นกับคุณหนูนะคะ” แม่บ้านละมัยขยับเข้ามาประคองร่างบางเอาไว้
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะเพราะพลอยทานข้าวคนเดียวจนชินแล้ว เชิญคุณท่านของป้าละมัยไปบริการแม่พวกผู้หญิงรายวันตามสบายเถอะ พลอยขอตัว” พลอยนรินทร์บอกด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาก่อนจะหันมายิ้มเยาะที่มุมปากให้กับบิดาแล้วเดินขึ้นชั้นบนไป
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ฉันเป็นพ่อแกนะพลอยนรินทร์ แกจะมาประชดประชันฉันไม่ได้!” สินธพตะโกนตามหลังบุตรสาวไปด้วยความโมโห วันนี้เขาตั้งใจจะมาทานข้าวกับบุตรสาวแท้ๆ แต่กลับต้องมาทะเลาะกันด้วยเรื่องเก่าๆ
“เอ่อ...คุณท่านใจเย็นๆนะคะ...คุณหนูไม่ค่อยสบายน่ะค่ะก็เลยพาลโมโห” ละมัยพยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์ที่เลวร้ายระหว่างพ่อลูกให้กลับมาดี แต่ดูจะไม่เป็นผลเอาเสียเลย
“ไม่ต้องมาพูดแก้ตัวให้มัน มันเป็นลูกฉันทำไมฉันจะไม่รู้นิสัยของมัน” เขาหันมาตะคอกใส่แม่บ้านเก่าแก่ก่อนจะเดินออกมาจากบ้าน ตรงไปยังโรงรถด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงและอารมณ์ที่โกรธจัด แล้วครู่ต่อมาก็มีเสียงรถยนต์เคลื่อนออกไปจากบ้านหลังใหญ่
พลอยนรินทร์ยืนมองรถคันสีดำที่แล่นออกไปจากบ้านด้วยหัวใจที่ปวดร้าว มือบางกำผ้าม่านในห้องนอนของตนเองเอาไว้แน่น ก่อนจะกระชากมันปิดอย่างแรง ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน...ที่เธอพูดรุนแรงออกไปก็เพื่ออยากให้บิดาได้สำนึกในการกระทำของตนเองบ้าง ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเธอเกลียดบิดา มารดาของเธอพร่ำสอนอยู่ตลอดเวลาว่าให้มีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณชีวิตถึงจะเจริญก้าวหน้า
“เฮ้อ...” หญิงสาวถอนหายใจออกมาแล้วเดินไปนั่งลงบนเตียงและหยิบรูปมารดาที่ตั้งเอาไว้บนโต๊ะหัวเตียงขึ้นมาดูพร้อมกับพูดเบาๆกับรูปภาพ “แม่คะ แม่คงสบายดีแล้วใช่ไหมคะ” เธอยิ้มให้กับรูปมารดาแล้ววางลงแนบอกก่อนจะล้มตัวลงนอน และจากที่คิดว่าจะนอนเล่นแป๊บหนึ่งก็กลายเป็นเผลอหลับไปจริงๆ
อิทธิชัยชะงักเท้าที่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้าเมื่อเห็นร่างบางของฉัตรสุดาเดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และถ้าเขาเดาไม่ผิดน้องสาวคนเดียวของเขาคงเพิ่งจะกลับมาจากการไปหาคู่ควงคนใหม่ ส่วนฉัตรสุดาที่กำลังอารมณ์ดีเมื่อเห็นพี่ชายก็คลี่ยิ้มหวานส่งให้และเดินเข้าไปหา
“พี่อิทจะออกไปข้างนอกเหรอ เห็นลูกน้องพี่เต็มหน้าบ้านเลย”
“ใช่ แล้วเธอล่ะไปไหนมา?” เขาแกล้งถามๆทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ
“ไปทานข้าวกับคุณโจเซฟมาแล้วก็ไปต่อกันนิดหน่อย” เธอตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง
“กลับเอาเช้าแบบนี้คงไม่นิดหน่อยหรอกมั้ง ว่าแต่ดูท่าทางเธอจะพอใจนายโจเซฟคนนี้มากเลยนะ” อิทธิชัยหรี่ตาลงจ้องมองน้องสาวที่เปรี้ยวจี๊ดจ๊าดของตนเอง
“แน่นอน เขาแตกต่างจากผู้ชายที่ผ่านๆมา ดูเย็นชาแต่เร่าร้อน เรียกว่าถูกใจฉันมากที่สุด ไม่แน่นะว่าฉันอาจจะตกลงปลงใจแต่งงานกับเขาก็ได้” ฉัตรสุดายิ้มกริ่มและนึกถึงตอนนี้ที่เธอตกอยู่ในอ้อมแขนแกร่งคู่นั้น
“รู้จักเขาดีแล้วเหรอถึงได้คิดแบบนั้น” ผู้เป็นพี่ชายมองน้องสาวที่เจนสังคมนิ่ง เพราะฉัตรสุดาไม่เคยเอ่ยเรื่องแต่งงานกับผู้ชายคนไหนเลย
“รู้จักกันแบบแนบแน่นเลยแหละ แล้วฉันจะทำให้เขาหลงฉันจนโงหัวไม่ขึ้นเลย ฮึ ฮึ” หญิงสาวหัวเราะในลำคอพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะหันหลังเดินกลับขึ้นห้องไป
อิทธิชัยมองตามหลังน้องสาวไปพร้อมกับครุ่นคิด ถึงแม้ว่าจะเคยเห็นนักธุรกิจหนุ่มคนนี้ไม่กี่ครั้ง แต่เขาคิดว่าผู้ชายคนนี้ดูน่ากลัวและลึกลับ ภายใต้ใบหน้าที่สงบนิ่งนั้นแฝงเงาบางอย่างเอาไว้ซึ่งคาดเดาได้ยากมาก
“เจ้านายครับได้เวลาแล้วครับ” วิโรจน์เดินเข้ามากระซิบเบาๆ ผู้เป็นนายจึงหันมาแล้วพยักหน้ารับก่อนจะเดินนำไปที่รถซึ่งจอดรออยู่ที่หน้าบ้าน
“แล้วตรวจสอบของเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?” อิทธิชัยถามขึ้นหลังจากขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว
“ครับ ผมเป็นคนตรวจเอง ทุกอย่างเรียบร้อยครับ” วิโรจน์หันมาตอบ
“ดี เพราะลูกค้ารายนี้เป็นรายใหญ่ของเรา ถ้าเขาพอใจผลงานของเราก็อาจจะมีล็อทใหญ่ตามมา”
“ครับ” วิโรจน์รับคำ จากนั้นรถตู้สีดำก็เคลื่อนออกจากหน้าคฤหาสน์หลังงามของนายอิทธิชัย อินทราธรนักธุรกิจด้านส่งออกอัญมณี เครื่องประดับและกิจการอื่นๆอีกหลายอย่าง แล้วยังเป็นผู้ที่มีอิทธิพลในแถบย่านนี้อีกด้วย
โจเซฟไล้นิ้วแกร่งลงบนรูปถ่ายของครอบครัวซึ่งเป็นสมบัติเช่นเดียวที่เขารักและหวงแหนมากที่สุดด้วยแววตาที่เจ็บช้ำ รูปนี่คือความทรงจำดีๆที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในความทรงจำของเขา
“พ่อ แม่ พี่อลิช คนชั่วมันกำลังจะได้รับผลกรรมของมันแล้ว ทุกคนคอยดูความหายนะของตระกูลอนันสิทธิชัยได้เลย” ชายหนุ่มกระตุกยิ้มอย่างเหี้ยมเกรี้ยม แต่แล้วก็ต้องนิ่วหน้าเพราะรู้สึกปวดหนึบที่ศีรษะ เขาจึงเก็บรูปถ่ายลงในลิ้นชักตามเดิมและเอนหลังลงพิงกับพนักเก้าอี้พร้อมกับหลับตาลง และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ชวินเปิดประตูเข้ามาพอดี
“เจ้านายเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ชวินขมวดคิ้วเมื่อเห็นนายหนุ่มนั่งหลับตาอยู่บนเก้าอี้ทำงานพร้อมกับเดินเข้าไปหยุดยืนตรงหน้า
“เปล่า...แล้วนายมีอะไร?” โจเซฟลืมตาขึ้นก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบ
“คนของเรารายงานมาว่าตอนนี้นายสินธพยื่นเรื่องขอกู้เงินกับทางธนาคารต่างๆอยู่ครับ แต่ไม่มีธนาคารไหนอนุมัติเลยครับ” ชวินรายงาน
“ฮึ ฮึ โรงแรมที่จะล้มละลายอยู่ในอีกไม่กี่วันแบบนั้น ใครเขาจะให้กู้ละ” ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ก่อนจะพูดต่อ “แล้วแม่ลูกสาวของมันละไม่คิดจะช่วยพ่อตัวเองบ้างเลยเหรอ”
“ท่าทางลูกสาวจะไม่รู้เรื่องนะครับ นายสินธพคงไม่กล้าบอก” ลูกน้องหนุ่มตอบตามที่ตนเองได้สืบมา
“ฮึ ฮึ คงได้เวลาวางเหยื่อล่อแล้วชวิน” โจเซฟกระตุกยิ้มที่มุมปากพร้อมกับมองหน้าคนสนิท
“ครับ” ชวินรับคำอย่างรู้งาน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก และเมื่อคนปลายสายกดรับเขาก็กรอกเสียงลงไปทันที “สวัสดีครับคุณสินธพ ผมมีข่าวดีที่จะบอกให้คุณทราบ”
“ยังมีข่าวดีสำหรับผมอีกเหรอ” น้ำเสียงของอีกฝ่ายแข็งกระด้างเหมือนกับกำลังอยู่ในอารมณ์โกรธหรือโมโห
“มีสิครับ ผมจะบอกว่าเจ้านายของผมกลับมาแล้ว และท่านก็ยินดีที่จะคุยกับคุณถึงเรื่องหนี้สินทั้งหมด”
“จริงหรือครับ” น้ำเสียงของสินธพเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะถามต่ออย่างตื่นเต้น “จะให้ผมไปพบวันนี้เลยหรือเปล่าครับ”
“ยังก่อนครับ เจ้านายของผมขอพักผ่อนก่อน แล้ววันพรุ่งนี้คุณค่อยมาพบท่าน คุณคงรอได้นะครับ”
“ครับ ได้ครับ งั้นพรุ่งนี้ 3โมงเช้าผมจะไปพบกับคุณโจเซฟนะครับ”
“ได้ครับ ผมจะเรียนท่านให้ทราบตามนี้” พูดจบเขาก็กดวางสาย แล้วหันมามองสบตากับเจ้านายหนุ่ม “ท่าทางนายสินธพตื่นเต้นดีใจมากเลยครับ”
“แน่นอนอยู่แล้ว มีใครบ้างละที่ไม่สนใจเนื้อก้อนโต โดนเฉพาะคนที่เห็นแก่ตัวและเห็นแก่ได้อย่างนายสินธพ” มุมปากหยักได้รูปเหยียดออกอย่างเยาะๆ
“แล้วเจ้านายจะจัดการยังไงต่อครับ” ชวินถามอย่างใคร่รู้ ถึงเขาจะเรียกได้ว่ารู้ใจเจ้านายหนุ่มดี แต่ก็ใช่ว่าจะรู้ทั้งหมด
“เดี๋ยวพรุ่งนี้นายก็จะรู้เอง” โจเซฟยิ้มให้ลูกน้องคนสนิทอย่างมีความหมาย และนึกถึงการแก้แค้นที่เขาทนรอมานาน พรุ่งนี้สิ่งที่เขาต้องการก็จะบรรลุผล คืนนี้คงเป็นคืนที่เขานอนหลับได้อย่างเต็มตาที่สุด