ตอนที่1 สวมรอย
ตอนที่1 สวมรอย
สายตาคมเข้มของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งจ้องมองหญิงสาวในชุดเจ้าสาวสีขาวที่เดินลงบันไดมา เขาจำต้องเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กก่อนจะยื่นมือไปให้หญิงสาวจับแขนตน การกระทำของชายหนุ่มแน่นอนมันทำให้ดารากานต์ชะงักไปเล็กน้อย เธอไม่ชอบให้ใครจับตัวเธอโดนเฉพาะคนแปลกหน้าอย่างผู้ชายคนตรงหน้านี้ ถึงแม้จะเคยเจอกันมาหลายครั้งแต่สำหรับเธอ ธิติวัตน์ก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้าอยู่ดี
หญิงสาวจำใจเอื้อมมือไปสัมผัสแขนแกร่งที่ยื่นมาให้เธอจับ เพราะมีสายตาของใครหลายๆ คนจับจ้องอยู่เธอจึงต้องเล่นละครตามน้ำไป ซึ่งแน่นอนภาพคู่บ่าวสาวที่ใครๆ ที่ได้เห็นก็พากันชื่นชมความเหมาะสมของทั้งสองคนไม่น้อย เพราะความสวยความหล่อของสองบ่าวสาวมันช่างดูเป็นคู่ที่เหมาะสมกันที่สุด
ธิติวัตน์รับรู้ถึงความเกร็งของหญิงสาวพอสมควร สงสัยกลัวความผิดสินะถึงได้มีท่าทีอย่างนี้ ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามพิธีการของงานช่วงเย็น ดารากานต์ภาวนาให้ทุกอย่างจบเร็วๆ แต่ทว่ามันก็ไม่เป็นอย่างนั้น เธอต้องถ่ายรูปกับแขกมากมายฝืนยิ้มไม่รู้จบอยู่อย่างนั้น ยิ่งในบางครั้งชายหนุ่มข้างกายหันหน้ามาหามันก็ยิ่งทำให้เธอทำตัวไม่ถูก
“เหนื่อยรึเปล่า?”จู่ๆ ชายหนุ่มก็เอ่ยถามเธอออกมา ดารากานต์ได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้าตอบกลับอีกฝ่ายไป ใครจะไม่เหนื่อยกัน เธออยากให้งานนี้จบลงสักที เธอรอดาริกากลับมาจนใจจะขาดแล้ว ไม่อยากเล่นละครอะไรต่ออีกไปแล้ว
เธอไม่รู้ว่าทำไมเรื่องรวมทุกอย่างถึงได้เป็นแบบนี้ไปได้ จู่ๆ พี่สาวของเธอก็หายไปไหนไม่รู้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นก็เห็นไปไหนมาไหนกับผู้ชายคนนี้อยู่เลย มาวันนี้กลับไม่ยอมมาเข้าพิธีแต่งงาน สร้างความลำบากให้เธอจนได้ เธอไม่รู้ว่าหลังจากพิธีตรงนี้เสร็จแล้วจะทำยังไงต่อไปดี เพราะยกเลิกงานตั้งแต่ต้นไม่ได้ทำให้เธอต้องมาเล่นละครแบบนี้ไง
การแต่งงานในครั้งนี้มีเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจเข้ามา ครอบครัวเธอกำลังเดือดร้อน เพราะงั้นการแต่งงานในครั้งนี้จึงสำคัญกับครอบครัวเธอเอามากๆ ดาริกาไม่น่ามาทำแบบนี้เลย นึกขึ้นมาหญิงสาวก็รู้สึกหนักใจอย่างบอกไม่ถูก เธอพยายามสวมรอยเป็นแฝดผู้พี่ ไม่ทำให้ใครจับได้แต่ก็ไม่รู้ว่าความเรียบนิ่งของผู้ชายอีกคนนั้น จะรับรู้รึเปล่ากับสิ่งที่ครอบครัวเธอกำลังทำอยู่
“มาถึงช่วงเวลาสำคัญแล้วครับ แขกทุกคนในที่นี้คงจะอยากทราบแล้วใช่ไหมครับ ว่าบ่าวสาวทั้งสองคนไปรักไปชอบกันได้ยังไง?”คำถามของพิธีกรบนเวลาแน่นอนทำให้หญิงสาวในชุดเจ้าสาวแสนสวยชะงักไปทันที เธอนึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะตอบอะไรกลับไปดี ยิ่งไปกว่านั้นแขกที่มาร่วมงานก็ให้ความร่วมมือเสียจริง ส่งเสียงให้กับคู่บ่าวสาวเหมือนต้องการได้ยินเรื่องราวความรักของคนทั้งสอง
“งั้น ขอถามทางเจ้าบ่าวก่อนเลยครับ ว่าอะไรในตัวเจ้าสาวทำให้คุณถูกใจจนถึงขั้นตัดสินใจสร้างครอบครัวกับผู้หญิงคนนี้”ธิติวัตน์ยังคงเผยสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนที่คนตัวสูงจะหันไปจับจ้องหญิงสาวที่อยู่ข้างกาย มุมปากของชายหนุ่มยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะยกแขนขึ้นมาโอบร่างบางอรชรของคนตัวเล็ก แน่นอนการกระทำของอีกฝ่ายมันทำให้ดารากานต์ตกใจพอสมควร แต่จะให้เธอขยับกายหนีก็คงไม่ใช่เรื่อง
“สำหรับผม ผู้หญิงคนนี้ทำให้ผมรู้ว่าความรักคืออะไร เธอทำให้ผมอยากอยู่กับเธอไปจนตายเลยละครับ”ถึงแม้จะเป็นคำพูดเหมือนแสนจะโรแมนติก แต่ไม่รู้ทำไมคนฟังอย่างดารากานต์กลับไม่ได้รู้สึกมีความสุขอะไรแบบนั้น เพราะเธอรู้ดีไง ว่าเขาไม่ได้พูดเพราะเป็นเธอ สำหรับชายหนุ่มแล้ว เขาคิดว่าเธอคือดาริกาต่างหาก
“โรแมนติกที่สุดเลยครับ แล้วเจ้าสาวล่ะครับ อะไรในตัวเจ้าบ่าวที่ทำให้ตัดสินใจมาใช้ชีวิตร่วมกันกับผู้ชายคนนี้?”ดารากานต์กลืนน้ำลายลงคอก่อนเธอจะไปมองชายหนุ่มที่ยังคงกอดกระชับร่างของเธอเอาไว้แน่นมันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดไม่น้อย เพราะปกติดารากานต์ไม่ชอบให้ใครมาโดนตัวแบบนี้ แต่เพราะปฏิเสธไม่ได้กลัวว่าจะมีพิรุธมันจึงทำให้เธอพยายามฝืนยอมให้กับกอด
“เอ่อ ผู้ชายคนนี้เป็นคนดีค่ะ คิดว่าถ้าได้ใช้ชีวิตด้วยก็คงดีไม่น้อย ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกันมันเป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ เลยค่ะ“ดารากานต์ไม่รู้จะตอบอะไรออกไป เธอจึงปั้นแต่งคำพูดเหล่านี้ขึ้นมา ซึ่งแน่นอนพอคนตัวสูงได้ยินอย่างนี้เขาก็ยิ้มเยาะขึ้นมาในใจ ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักเขาเลยสักนิด แต่เพราะผลประโยชน์ เธอจึงทำเหมือนว่ารักเขาออกมาได้อย่างนี้
สิ่งที่ธิติวัฒน์เกลียดที่สุดก็คือผู้หญิงหน้าเงินจอมหลอกลวง เพราะแบบนี้พอได้มารู้ว่าเธอกำลังเล่นกับความรู้สึกของเขามันก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มโมโหมากขึ้นกว่าเดิม ในเมื่อครอบครัวของเธอกล้าหลอกลวงเขา เขาก็จะให้เธอหลอก จะได้รู้ว่าผลของการเล่นกับความรู้สึกของเขามันเป็นยังไง
“ช่างเป็นคู่รักที่แสนจะโรแมนติกมากเลยจริงๆครับ ทุกคนเชิญดื่มเพื่อเป็นการฉลองให้กับความรักของคู่บ่าวสาวในค่ำคืนนี้ด้วยครับ”เสียงพิธีกรพูดขึ้น แน่นอนทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี กว่าพิธีการต่างๆจะจบลงดารากานต์ก็แทบหมดแรง แต่ทว่าจากที่คิดอยากให้ทุกอย่างผ่านไปเร็วๆ คนตัวเล็กก็เพิ่งจะรู้ตัวว่ามันเป็นความคิดที่ผิด เพราะในตอนนี้เธอกำลังถูกพาตัวขึ้นมาบนห้องสุดหรูที่เป็นห้องหอของเธอกับชายหนุ่มในค่ำคืนนี้
“เอ่อ เดี๋ยวดะ เอ่อ รินขอคุยกับคุณแม่ก่อนได้ไหมคะ”เธอบอกอีกฝ่ายที่ยังคงจับแขนของเธอเข้ามาในห้อง โดยมีญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายเข้ามาอวยพรให้กับพวกเธอ
“เข้าห้องก่อนเถอะ แม่น้องรินก็เข้ามาในห้องเหมือนกันทำเป็นเด็กไปได้”ชายหนุ่มเอ่ยบอก คำพูดของเขาทำให้คนตัวเล็กเม้มริมฝีปากเข้าหากัน พอเห็นสายตาของคนเป็นแม่ที่เผยอหน้าบอกเธอเข้าไปในห้องก่อน ดารากานต์จึงจำใจเดินเข้าไป
บรรยากาศในห้องสุดหรูแห่งนี้ตกแต่งไปด้วยดอกกุหลาบสีหวานที่โปรยเป็นรูปหัวใจบนเตียงกว้างพอเห็นอย่างนั้นหญิงสาวก็เริ่มทำตัวไม่ถูกเธอนั่งลงต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก่อนครอบครัวของชายหนุ่มจะอวยพรเธอกับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ
“แม่ขอให้ลูกมีความสุขมากๆนะ แต่งงานมีภรรยาแล้วก็ขอให้รักกันนานๆ อยู่ด้วยกันด้วยเหตุและผลแบบนี้ความรักถึงจะยืนยาวได้และที่สำคัญรีบมีหลานให้แม่เร็วเร็วเข้าใจไหมเจ้าธิต” คำอวยพรของหญิงวัยกลางคนมารดาของธิติวัฒน์ทำให้คนตัวเล็กทำตัวไม่ถูกเลย
“ขอบคุณครับแม่/ขอบคุณค่ะ”สองบ่าวสาวเอ่ยขอบคุณออกมาพร้อมกัน จนกระทั่งทุกคนอวยพรเสร็จ ใบหน้าของดารากานต์ก็ยิ่งดูตื่นตระหนก จนกระทั่งพอเห็นทุกคนจะเดินออกไป ร่างเล็กก็รีบเข้าไปหามารดาทันที ก่อนจะพยายามเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียแผ่วเบา ไม่ให้คนอื่นได้ยิน
“แม่คะ จะให้ดาอยู่ในห้องนี้กับเขางั้นเหรอ ดาไม่ไหวแล้วนะคะ ดาอยากกลับบ้าน”
“ดา แม่รู้ว่ามันมากไป แต่จะให้แม่ทำยังไงถ้าคนอื่นรู้มีหวังเราจบไม่สวยแน่ บริษัทของเราก็จะแย่ คืนนี้ดาอยู่ที่นี่ก่อนนะลูก ถ้าพี่เขาเอ่อ ต้องการเรื่องนั้นลูกก็ปฏิเสธไปก่อน แม่จะตามตัวรินกลับมาให้ได้ พรุ่งนี้จะให้มาเปลี่ยนตัว”
“คุณแม่?”