ตอนที่ 9 ฮูหยิน
น้ำเสียงของท่านหญิงหลัวเนี่ยเจินทำให้ใครบางคนถึงกับต้องเดินตามเสียงนั้นมา จะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียงจากจะเป็นหยางจงหมิง อดีตแม่ทัพที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งกลางคัน
เขาไม่ได้กรุ่นโกรธ และทราบดีว่าเขานั้นบาดเจ็บไม่อาจจะรั้งตำแหน่งแม่ทัพเอาไว้ได้ ยามนี้เขารู้สึกถึงคุณค่าของอดีตภรรยา เมื่อดวงตาของเขากลับมาหายดีแล้ว
วันนี้จึงได้เดินทางมาเพื่อซื้อของขวัญหมายว่าจะมอบให้นางหากได้พบอีกครั้ง ด้วยเพราะสืบทราบมาว่านางพักอยู่ในตำหนักของวังหลัง ตำหนักของไทเฮา ด้วยเพราะองค์ชายรองเฉิงเหวินโจว มาเล่าให้ฟังอยู่บ่อยครั้ง คล้ายว่ามาเยาะเย้ยเขากระมัง
สองเท้าหนาแกร่งมากับพ่อบ้านฉาง เขาไม่รู้ว่าจะเลือกอันใดให้นางกัน รูปร่างหน้าตานางเป็นเช่นไรไม่รู้จัก อีกทั้งได้ยินเพียงแค่เสียงเล็ก ๆ หวาน ๆ ของนางเท่านั้น
เมื่อได้ยินน้ำเสียงอันคุ้นหูจึงได้เดินเข้ามา เพียงแค่พบหน้าเขาอดที่จะตกตะลึงในความงดงามของนางไม่ได้ และมั่นใจว่าใช่อดีตภรรยาของตนอย่างแน่นอน
“ฮูหยิน” เสียงทุ้มอันหนักแน่นกล่าวขึ้นมายังหญิงสาวอุ้มเด็กเอาไว้ในอ้อมกอดของนาง ซึ่งเขาอดแปลกใจไม่ได้ ข้างกายของนางเป็นชินอ๋องแดนเหนืออีกด้วย
“คารวะท่านอ๋อง” สองมือยื่นประสานโค้งศีรษะลงเล็กน้อยอย่างนอบน้อมถ่อมตน
หลัวเนี่ยเจินช้อนสายตามองไปยังชายหนุ่มที่เรียกนางว่าฮูหยิน นางแค่นหัวเราะเล็กน้อย อาชุนนึกโมโหแค้นเคืองนัก นางก้าวเข้ามาขวางด้านหน้า แต่ถูกท่านหญิงยกมือขึ้นห้ามเอาไว้
“ใครเป็นฮูหยินของท่านกัน จำคนผิดแล้วกระมัง” น้ำเสียงของหญิงสาวกล่าวขึ้น อย่างไม่ใส่ใจชายหนุ่มคนนี้อีก
“เอ่อ...” ชินอ๋อง เฉิงจื่อหยางชำเลืองมองอีกฝ่าย นั่นคือหยางจงหมิง กำลังทอดสายตามองสตรีเบื้องหน้าอย่างลึกซึ้ง แต่ทว่ากลับถูกเฉิงจื่อรุ่ยชี้หน้าทันใด
“อย่ามายุ่งกับท่านแม่ของข้า” เจ้าเด็กตัวแสบทำท่าหวงก้างเข้าให้ พานพบคนถูกใจอยากให้เป็นมารดา แต่ทว่ามีชายคนนี้กลับมาเรียกท่านแม่ของเขาว่าเป็นฮูหยิน พอได้ฟังก็นึกโมโหนัก หากท่านแม่ปล่อยให้เขายืนละก็ รับรองว่าเขาจะจัดการอีกฝ่ายอย่างแน่นอน
“ท่านแม่” หยางจงหมิงงุนงงไปหมด นางจากเขาไปไม่ถึงเดือนเสียด้วยซ้ำมีลูกได้อย่างไรกัน อีกทั้งยังยืนขนาบข้างกับชินอ๋องอีกด้วย หรือว่าพวกเขากำลังจะมีข่าวดีในไม่ช้านี้
“ใช่ท่านแม่ของข้า” เจ้าเด็กน้อยตัวแสบพยักหน้า ท่าทางไม่ยอมฟังความใครทั้งนั้น กลับยอมเพียงแค่สตรีที่โอบอุ้มตนเองเอาไว้ในตอนนี้
ซานอี๋เหนียง หวาดกลัวจึงไม่กล้าเอ่ยพูดอันใดให้ขัดหูหรือขัดใจท่านอ๋องน้อยอีกเลย เพราะว่ารู้ดีหากไปยังพระตำหนักไทเฮาแล้ว หัวของนางจะอยู่บนบ่าอีกหรือไม่
“จื่อรุ่ยอย่าเสียมารยาท” ชินอ๋องดุเจ้าตัวแสบก่อเรื่องเล็กน้อย รู้สึกเหมือนว่า หยางจงหมิงกับสตรีคนนี้มีความหลังด้วยกันมาก่อน และยังเรียกสตรีผู้นี้ว่าเป็นฮูหยินของตน เช่นนั้นข่าวลือที่ว่า เขาหย่าร้างภรรยารอง แต่เอาญาติของตนเป็นฮูหยินเอกก็คงจะจริง
“ข้าไม่ชอบเขา ท่านแม่เราไปกันเถอะ” ใช่ เขาไม่ชอบใจผู้ชายคนนี้ เห็นแล้วไม่ถูกชะตานัก อยากจะเตะเจ้าคนนี้ไปให้ไกล ๆ มารดาของตน
เนี่ยเจิน หรืออดีตภรรยาของหยางจงหมิง ยามนี้ได้กลายเป็นท่านหญิงแห่งตระกูลหลัว พระราชทานมาให้ใหม่เป็นหลัวเนี่ยเจิน มีตำแหน่งเป็นท่านหญิง หลานสาวที่ไทเฮาโปรดปรานมากที่สุด “ก็ได้ไปก็ไป แต่จะไปไหนเล่า” นางกล่าวย้อนถามเด็กน้อยที่ถูกอุ้มอยู่ เขาซบใบหน้าลงมาแล้วกระซิบเบา ๆ ว่า
“ข้าอยากกินขนมขอรับ” ปกติเขามักไม่พูดจากับใคร ยิ่งเป็นคนแปลกหน้าก็ยิ่งไม่ต้องคิดเลยว่าจะเข้าใกล้เขาได้อีกด้วย เป็นเด็กที่ถือตัวยิ่งนัก หากไม่ถูกใจใครก็ทำได้เพียงแค่ส่งสายตาบึ้งตึงไปให้
“ได้สิ เดี๋ยวจะพาไปซื้อนะ” นางคลี่ยิ้มหวาน พลันทำให้ทั้งท่านอ๋องและหยางจงหมิงเหม่อมองหญิงสาว น่างช่างดูน่ารักและสดใสนัก จงหมิงอดนึกสมเพชตนเองเสียจริง ที่มองนางเพียงแค่เปลือกนอก นางงดงามเหลือเกิน เป็นสตรีที่ไม่เคยพานพบมาก่อน นึกว่านางหน้าตาอัปลักษณ์เสียอีก
เพราะไม่เคยเห็นนางมาก่อน มักจะพบเพียงแค่คุณหนูใหญ่เท่านั้น และในร้านน้ำชาก็ได้ยินเรื่องของน้องสาวของไป๋เหม่ยจูว่าเป็นเด็กจิตใจหยาบช้า มักกลั่นแกล้งพี่สาว ถูกบิดาดุด่าเพียงเพราะทำให้น้องสาวร้องไห้
เขาเห็นว่านางเป็นสตรีอ่อนหวานเรียบร้อย จึงนึกชมชอบนาง หมายปองอยากครอบครองเป็นภรรยาของตน แต่นึกไม่ถึงว่าจะถูกเปลี่ยนตัวจากสตรีที่ได้พานพบ กลับกลายเป็นสตรีที่เขาเคยช่วยนางพลัดตกน้ำ นึกไม่ถึงว่านางจะเป็นโฉมสะคราญและยังเป็นคนทำให้เขาหายจากดวงตามืดบอดอีกด้วย
“ฮูหยินเดี๋ยวก่อน ข้ามีของจะมอบให้” หยางจงหมิงเห็นว่านางกำลังจะจากไป นึกขึ้นได้ว่าเขาได้ซื้อของขวัญเพื่อมอบให้นาง ตอบแทนน้ำใจที่รักษาดวงตาของเขาจนหายดี
เฉิงจื่อหยาง หรือชินอ๋อง ไม่พอใจนัก เห็นอดีตแม่ทัพผู้นี้กำลังดื้อดึงคิดยื้อสตรีผู้นี้จนออกนอกหน้า ยามมีอยู่ไม่รู้จักดูแล ยามจากไปกลับโหยหาเรียกร้อง เกิดมาเพิ่งจะพานพบ
“ก็นางบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ใช่ฮูหยินของเจ้า ต่อไปต้องเรียกนางว่าท่านหญิง” น้ำเสียงเหี้ยมกล่าวขึ้นมา พระพักตร์เรียบเฉยแม้แต่เหล่าทหารหรือองครักษ์ยังรู้เลยว่า บัดนี้นั้นท่านอ๋องไม่พอพระทัยอย่างยิ่ง
ฝ่าพระหัตถ์ยื่นมือไปโอบอุ้มลูกชายไว้ด้วยตนเองข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งถือวิสาสะสวมจับมือของนางเอาไว้ วางท่าเป็นเจ้าของนางอย่างจงใจ นั่นจะมีเหตุอันใดได้นอกเสียจากว่า ลูกชายหมายตาสตรีนางนี้มาเป็นมารดา ด้วยเพราะเจ้าตัวปัญหามักเอาแต่ใจ ไม่ยอมพูดคุยกระทั่งรับอาหารยังเมินเฉย ยังทำลายตำหนักจนพังพินาศเพียงเพราะความไม่พอใจ
ยามนี้ลูกชายดุจดั่งตัวแทนความรักของเขาที่มีต่อพระชายา เอ่ยเรียกสตรีแปลกหน้าว่าท่านแม่ และพูดจาเป็นประโยค หลังจากที่ไม่เอ่ยปากพูดมานานนับปี มีหรือบิดาผู้นี้จะปล่อยให้นางหลุดมือ กลับไปคืนดีกับอดีตสามีผู้ไม่รักหยกอันแสนล้ำค่า
หยางจงหมิงแม้อยากจะพูดอะไรต่อมิอะไรมากมาย ก็ทำได้เพียงมองแผ่นหลังของนางเดินลาลับไปแล้ว พ่อบ้านฉางอยากจะบอกว่า สมน้ำหน้า แต่ก็นึกเห็นใจ
เห็นอดีตฮูหยินรองมีรอยยิ้มสดใส ใบหน้าอิ่มเอิบเช่นนี้เขามีความสุขมากนัก ถึงแม้จะรู้จักนางเพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ ก็รับรู้ว่า สตรีเพียบพร้อมเช่นนี้ใคร ๆ ต่างก็หมายตาอยากจะครอบครองทั้งนั้น
“เสียดายหรือไม่ขอรับ” เขาพูดลอย ๆ ขึ้นมา พลางยิ้มเยาะคนตาต่ำอย่างเจ้านายของตน
“เสียดายแล้วอย่างไร ยามนี้เป็นข้าที่ปล่อยให้นางหลุดมือไป ไม่แน่ข้าอาจจะทำให้นางกลับมาหาข้าอีกสักครั้ง” เขาคิดว่าจะพิชิตใจนางด้วยตัวเขาเอง ในเมื่อนางแต่งงานมาเป็นภรรยาของเขาแล้ว แสดงว่านางย่อมมีใจให้เขา คนอื่นจะสู้ความรักครั้งเก่าได้อย่างไร เขายิ้มเยาะขึ้นมา มองเห็นว่ามีชัยชนะเบื้องหน้าเพียงแค่เขาเอื้อมคว้าเท่านั้นก็น่าจะครอบครองได้ในไม่ช้า
พ่อบ้านฉางไม่ได้กล่าวดูแคลน แต่เรื่องจริงมิเช่นนั้นในงานแต่งงาน ไทเฮาจะเสด็จด้วยองค์เองหรือหากไม่รักไม่เอ็นดูหลานสาวมาก “ผ่านด่านไทเฮาให้ได้เสียก่อนเถิดขอรับ”
ซานอี๋เหนียงเดินตามอย่างเงียบ ๆ แม้จะนึกอิจฉานางแต่งเข้าไปอนุของเขามาสามปี ฝ่ามือไม่เคยจับ เตียงไม่เคยร่วม มีเพียงแค่น้ำเสียงแข็ง ๆ ส่งมาให้เท่านั้น แต่พอเจอท่านหญิง เขากลับเปลี่ยนไป กลายจากคนเย็นชาไม่ใส่ใจใครทั้งนั้น แต่เพื่อท่านหญิงถึงกับออกปากปกป้อง
จื่อรุ่ยเจ้าเด็กตัวแสบ ดิ้นดุกดิกอยู่บนวงแขนกว้างของบิดา ไม่ยอมปริปากพูดอีกเช่นเคย “ท่านแม่อุ้มข้าหน่อย” เขาจะอ้อนนางเท่านั้น นางคือมารดาของเขา
“ไม่ได้ นางตัวเล็กเพียงเท่านี้จะอุ้มเจ้าได้อย่างไรกัน ไม่สงสารท่านแม่หรือหากปวดแขนขึ้นมา ปวดขาขึ้นมาเจ้าต้องอุ้มนางส่งตำหนักท่านย่านะ” น้ำเสียงขึงขัง พลางปล่อยมือของหญิงสาว ลอบมองนางเป็นระยะ แม้นางจะไม่พูดอันใดก็พอจะเดาออกว่านางเองก็ปวดแขนไม่น้อย
สำรวจรูปร่างของนาง ก็ดูอ้อนแอ้นเอวบางร่างเล็ก จะอุ้มเด็กตัวโตเช่นนี้ได้อย่างไรกัน เจ้าลูกชายก็เหลือเกิน ช่างออดอ้อนจริง ๆ
จื่อรุ่ยเจ้าตัวแสบฉีกยิ้มกว้าง ยักคิ้วเล็กน้อย เปลี่ยนจากเด็กงอแงเมื่อครู่กลายเป็นเจ้าเด็กน้อยตัวแสบขึ้นมาทันใด “ก็ให้ท่านพ่ออุ้มท่านแม่สิขอรับไม่เห็นจะยากสักนิด”