ตอนที่ 7 ความจริงปรากฏ
ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์ของการจากไปของฮูหยินรอง อาการของท่านแม่ทัพหยางยังคงดีขึ้น เขาพอจะมองเห็นรางๆ ได้บ้าง บางครั้งก็ดูพร่ามัวไป โม่อวี้เฟยหลังจากที่แต่งงานแล้ว นางไม่เหยียบเท้าเข้ามายังเรือนของสามีสักวัน เอาแต่คลุกตัวอยู่กับทรัพย์สินของล้ำค่าตระกูลหยาง เรื่องนี้ถูกพ่อบ้านฉางกล่าวรายงาน
และอีกเรื่องหนึ่งที่เขาคันปากยุบยิบเสียเหลือเกิน คืออยากจะบอกใจจะขาดว่ายาสมุนไพรที่เจ้านายได้รับอยู่ทุกวันนั้นเป็นของอดีตฮูหยินรองได้มอบให้ก่อนจะจากไป ชายชราตัดสินใจพลางถอนหายใจหลายครั้งหลายหน จิตใจวุ่นวายสับสนอยู่พอสมควร
หยางจงหมิงรับรู้สึกถึงบางอย่างนั้นเพราะฝีเท้าที่เดินไปมาไม่อยู่ ๆ นิ่ง “ท่านลุงฉางมีอะไรกลัดกลุ้มใจรึ ถึงได้เดินวนไปมาเช่นนี้”
“คุณชายท่านมองเห็นชัดหรือไม่ เห็นหรือไม่ว่าข้าชูกี่นิ้ว” พ่อบ้านฉางยกมือขึ้นมาทั้งห้า หมายว่าทดสอบสายตาว่ามองเห็นชัดเจนหรือไม่ หยางจงหมิงพยายามเพ่งสายตาก็พบว่ามันดูมัวและสลัวคล้ายว่ามีหมอกหนาปกคลุมดวงตาเอาไว้
“ข้ามองไม่ชัดสักเท่าไหร่ แต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว” ถ้อยคำทำให้ชายชราอยากจะตบปากของตนเองนัก หากเปลี่ยนจากตบปากตนเองเป็นตบศีรษะคุณชายของตนจะได้หรือไม่ ช่างดูโง่งมเหลือเหลือเกิน ไม่รู้จักกรวดกับหยกล้ำค่า
“คุณชาย อาการทุกวันท่านคิดว่าดีขึ้นหรือไม่” ชายชราน้ำเสียงแข็งกระด้างกล่าวขึ้นมาอย่างใจเย็น แม้อยากจะตะโกนก้องออกไปว่า ท่านรู้หรือไม่ว่ายากที่ใช้ล้ำค่าแค่ไหน แม้แต่หวงตี้ยังไม่ได้เสวย
พลันชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามายิ้มกว้าง เขาหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ ท่วงท่าไม่เหลือโครงเค้าองค์ชายสักนิด วันนี้เขาได้บังเอิญพบนางในดวงใจเข้าให้ และน่าแปลกใจนักนางพักอยู่กับท่านย่าของตนอีกต่างหาก พอสืบไปมาก็พบว่านางได้หย่าขาดกับแม่ทัพหยางเสียแล้ว เขาผิวปากเบา ๆ อย่างมีความสุข
“หยางจงหมิง ช่วงนี้อาการเจ้าดีขึ้นหรือไม่” น้ำเสียงสดใสร่าเริงไม่บอกก็รู้ว่าเป็นใครกัน ได้ยินเสียงฝีเท้าตั้งแต่ที่องค์ชายรองเข้ามาแล้ว
“องค์ชายรองท่านว่างหรือไงถึงได้มาหาข้าถึงในจวนนี้อีก ไม่ใช่ว่าคราวก่อนโน้นท่านมาต่อว่าข้าไม่ใช่หรืออย่างไรกัน” เขายังจดจำได้ดี สหายผู้นี้พบสาวงามได้เสียที่ไหนกัน คราวนั้นก็ต่อว่าเขาเรื่องภรรยารอง ยามนี้นางจากไปแล้ว องค์ชายรองจะมาต่อว่าอะไรกันอีก
“ภรรยาที่เจ้าบอกว่าสวมรอยนั้น เจ้ารู้หรือไม่ว่านางงดงามนัก ท่านย่ารักและเอ็นดู ท่านพ่อถึงขั้นพระราชทานตำแหน่งท่านหญิงให้เชียวนะ” ว่าแล้วหยิบผูเถาเข้าปาก พลางรินน้ำชาราวกับเจ้าของจวน หยางจงหมิงเอียงหูฟังเพียงเท่านั้น เพราะไม่คิดจะเก็บเอาเรื่องของนางมาใส่ใจ
“ช่างพูดเกินความจริง หากนางงดงามเช่นนั้น เหตุใดท่านไม่เกี้ยวนางเล่า เพราะตัวข้ากับนางมิได้เข้าหอกัน กระทั่งเปิดผ้าคลุมหน้าก็ไม่เคย ข้าไม่นึกอยากแตะเนื้อต้องตัวนางเสียด้วยซ้ำไป”
“คุณชายท่านพูดอะไร เหตุใดปากร้ายนัก รู้หรือไม่ยาที่ท่านดื่มทุกวันเป็นยาของฮูหยินรองมอบให้ ก่อนนางจากไปนางบอกกับข้าว่า ระหว่างนางกับท่านไม่มีอะไรติดข้างกันอีก นางเพียงแค่ต้องการตอบแทนบุญคุณที่ช่วยนางตกน้ำ แต่นึกไม่ถึงสิ่งที่คุณชายตอบแทนน้ำใจนาง กลับเป็นคำก่นด่า สตรีที่ดีมากขนาดนี้จะหาที่ไหนทัดเทียมได้ขอรับ ข้าน้อยอัดอั้นตันใจมานาน
นับตั้งแต่คุณหนูโม่ก้าวเข้ามาในจวนทุกอย่างก็เปลี่ยนไป แม้อาหารในแต่ละมื้อของฮูหยินรองที่ได้รับเป็นเพียงแค่ผัดผักกับข้าวต้มเท่านั้น”
ชายชรากล่าวเสียยืดยาว แทบจะพ่นน้ำลายออกมารดหัวของหยางจงหมิง คนได้ฟังตกตะลึง แต่ทว่าองค์ชายรองกลับแย้มยิ้มกินผูเถาอย่างสบายใจ พ่อบ้านฉางกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง
“ฮูหยินเอกโม่อวี้เฟยต่อหน้าท่านนางก็แสนดี แต่พอลับหลังยิ่งกว่านางปีศาจจิ้งจอกเสียอีก สิ่งที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริง หากคุณชายจะไล่ออก ข้าน้อยก็ยินดีรับขอรับ”
“ไม่จริงเป็นไปไม่ได้” เขาหยัดกายลุกขึ้นยืน พอเขากรุ่นโกรธแทบจะมีเปลวเพลิงผ่านดวงตา ผ้าสีขาวนั้นไม่ได้ปิดดวงตามาหลายวันแล้ว ด้วยเพราะพ่อบ้านฉางกล่าวให้ถอดออก “นางจะเก่งวิชาแพทย์ได้อย่างไรกัน” หยางจงหมิงไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด
“จะเชื่อหรือไม่ก็สุดแท้แต่เจ้าจะคิด ข้าแวะมาบอกว่าตอนนี้นางมีความสุขดี พี่ใหญ่ ไปหาทุกเช้าเย็น ต่อไปไม่แน่นางอาจจะกลายเป็นพี่สะใภ้ของข้า เจ้ามานึกเสียดายก็ช้าไปแล้วนะ” องค์ชายรองมาเพื่อแจ้งข่าว น่าเสียดายที่นางใจแข็งไม่เปิดรับใครเข้าไปในใจของนางสักคน
แม้ว่าพี่ใหญ่ของตนมีฐานะเป็นถึงไท่จื่อ แต่ยังพิชิตหัวใจอันด้านชาและเจ็บปวดของนางไม่ได้สักนิด ยามนี้นางกลายเป็นหลานสาว และน้องสาวของพวกเขาไปแล้ว ใครจะไม่รักไม่เอ็นดูได้เล่า เก่งกาจการแพทย์จนท่านหมอหลวงยังต้องยกมือคารวะ นางศึกษาเพียงแค่ตำราพิสดารของหมอเทวดาเท่านั้น
หยางจงหมิงแทบจะยืนไม่อยู่ นี่มันคืออะไรกัน สตรีที่เขาก่นด่ามากมาย ต่อว่านางไปก็มาก นางยังมีจิตใจอันงดงามมอบยารักษาดวงตาให้เขาอีก และดูเหมือนว่ามันกำลังทำให้เขากลับมามองเห็นอีกครั้ง
“เป็นไปไม่ได้” หยางจงหมิงนั่งจมจ่อมอยู่กับความคิดของตนเอง ดวงตาของเขาท่านหมอบอกว่าไร้หนทางการรักษา แต่มีเพียงแค่สตรีนางหนึ่ง มักจะก้าวเท้าเข้ามาเพื่อมอบยาอันแสนล้ำค่าให้ แต่กลับปล่อยนางให้หลุดมือไป ด้วยเพราะมีอคติกับนาง
ยามนี้ภรรยาที่เพิ่งแต่งเข้ามา มิมาหาเขาอีกเลย จวบจนดวงตาของเขาหายดีในอีกสามวันต่อไป กลายเป็นว่ายาอันแสนล้ำค่านั้น มีท่านหมอมาตรวจดูบอกกล่าวเพียงแค่ว่า ราคาแพงมหาศาล อาจซื้อเมืองใหญ่ ๆ ได้สักสาม สี่เมืองกระมัง ทั้งบัวหิมะพันปี และโสมคนหมื่นปีอีก ยังไม่รวมยาตัวอื่น ๆ ในนั้น และยาขวดสุดท้ายเหลือเพียงแค่เม็ดเดียวแล้วในตอนนี้
หยางจงหมิงแม้ดวงตาจะหายแล้ว แต่เขายังคงมีท่าทางเช่นเดิม เขาเริ่มต้นการทดสอบฮูหยินข้างกายของเขา หลังจากแต่งงานแล้ว นางไม่เคยเข้ามาหานอกจากความจำเป็น เขาหลงไว้เนื้อเชื่อใจนางมาตลอด และคิดว่านางเป็นคนที่ดีแสนดี ส่วนสตรีอีกคนที่เขาปรามาสเอาไว้ นางกับเป็นสตรีที่ดีงามทั้งกายและใจ ผิดกับตัวเขาเองในตอนนี้ที่รู้สึกผิดต่อนางมันช้าไปแล้ว
องค์ชายรองควบม้ากลับไปยังพระตำหนัก แต่...เขาจะแวะไปหานางในดวงใจเสียก่อน ทว่าได้ยินเสียงพิณแว่วหวานมาแต่ไกล ก็พบว่าแม่สาวน้อยคนงามกำลัง บรรเลงเพลงพิณ คล้ายว่าดูเศร้าสร้อยอย่างไรชอบกล ข้างกายของนางมีพี่ใหญ่นั่งจิบชาด้วยใบหน้าอันเป็นสุข
“พี่ใหญ่จะตัวติดนางไปถึงไหนกัน” องค์ชายรองกระเซ้าเย้าแหย่พี่ชาย จนทำให้ไท่จื่อผู้ที่เย็นชาต่อสตรีกลับต้องมานั่งเฝ้าเด็กสาวคนนี้ คนที่ขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยม เย็นชาไร้ความรู้สึก พลันยามมีความรักเขาไม่ปล่อยให้ใครมาใกล้ชิดนางสักคน ถึงชายคนนั้นจะเป็นน้องชายของตนก็ตามที
“มาทางไหนออกไปทางนั้นเลย” เสียงคำรามดังก้อง ทำให้สตรีน้อยกำลังบรรเลงอยู่ตื่นตกใจจนสายพิณนั้นขาด ชายหนุ่มเสสายตามองยังยอดดวงใจจากนั้นรีบลุกพรวดไปดูนาง เห็นว่ากำลังยกนิ้วขึ้นมามีรอยเลือดไหลซึมอยู่ปลายนิ้ว
“ทำอะไร ไม่รู้จักระมัดระวังเอาเสียบ้าง มานี่ข้าจะทำแผลให้” น้ำเสียงอ่อนโยนผิดกับยามพูดจากับน้องชาย เมื่อครู่แทบจะกินหัวน้องชายอย่างองค์ชายรอง ยามนี้กลับดูอบอุ่นพูดจาอ่อนหวาน เห็น ๆ ว่าเลือกข้าปฏิบัติชัด ๆ
“ไท่จื่อ หม่อมฉันเป็นหมอย่อมดูแลตนเองได้ พระองค์เถิด วัน ๆ เอาแต่มาอยู่กับหม่อมฉันไม่มีงานราชการหรืออย่างไรเพคะ” หญิงสาวช้อนสายตามองใบหน้าไท่จื่อ ที่ทุกคนต่างก็กล่าวว่าชายผู้นี้น้อยคนนักจะเข้าใกล้ได้ เขาถือตัวและเย่อหยิ่งเป็นที่สุด อีกทั้งยังเป็นไร้ความเมตตาอีกด้วย ไม่อบอุ่นอ่อนหวานกับสตรี เคยมีบุตรีของขุนนางท่านหนึ่งเดินไปยืนหน้าพระพักตร์ ส่งจดหมาย ไท่จื่อผู้นี้รับมา จากนั้นเขายกยิ้มที่มุมปากฉีกจดหมายทิ้งต่อหน้าต่อตา หากสตรีนางใดคิดเข้าใกล้ละก็ ได้เห็นดีกัน แต่ทว่าหลัวเนี่ยเจินคือข้อยกเว้น
จากไป๋เหม่ยเจินบุตรีท่านราชครูไป๋ ยามนี้นางเป็นท่านหญิงหลัวเนี่ยเจิน หลานสาวของไทเฮาเจ้าของตำหนักอันกว้างใหญ่แห่งวังหลัง ผู้ได้ครอบครองแหวนหยกอันล้ำค่าของอดีตหวงตี้พระองค์ก่อนทรงมอบให้กับฮองเฮา หรือไทเฮาในยามนี้
“มีแต่ว่า...ข้าอยากเห็นหน้าของเจ้าอย่างไรเล่า เมื่อไหร่จะใจอ่อนรับรักข้าเสียที” ไท่จื่อประคองหญิงสาวขึ้น เขาจับเพียงแค่ท่อนแขนของนาง สัมผัสผิวของหญิงสาวผ่านเนื้อผ้าอันงดงาม ใบหน้าแต้มแต่งอย่างงดงาม เป็นโฉมสะคราญที่เขาได้พบเมื่อนานมาแล้ว เด็กสาวคนนี้แท้จริงเป็นบุตรีของท่านราชครู
เขาจะต้องพิชิตใจของนางให้ได้ แม้จะถูกมารดาคัดค้านแล้วอย่างไร เป็นสตรีหม้าย หรือเป็นภรรยาสวมรอยของแม่ทัพหยางแล้วอย่างไร เขายินดีจะยืนเคียงข้างนางไม่ถอดทิ้งให้นางอยู่อย่างเดียวดายเพียงลำพัง “เจ้าไม่รับรักข้า ข้าก็จะมาตามดูแลเจ้าเช้าเย็นเช่นนี้ อีกไม่ถึงห้าราตรีจะมีงานเลี้ยงต้อนรับราชทูต ยามนั้นเหล่าชายหนุ่มจะต้องหมายปองเจ้าเป็นแน่ หากเจ้าเป็นคู่ควงของข้าแน่นว่าย่อม...”
“พี่ใหญ่ ข้าเจอนางก่อน เหตุใดจะต้องให้เจินเอ๋อร์เดินไปกับท่านด้วยเล่า ข้าต่างหากที่จะต้องเป็นฝ่ายควงนาง” องค์ชายรองก็ไม่ยินยอม สองพี่น้องทะเลาะกันเพียงแค่อยากอยู่ใกล้ชิดกับท่านหญิงหลัวเนี่ยเจิน แท้จริงแล้วพวกเขานั้นทำเพื่อให้นางหายโศกเศร้าเสียใจ ให้ลืมเรื่องที่ผ่านมาเสีย พวกเขาล้วนยินดียืนเคียงข้างนางและพร้อมจะปกป้องนางให้ถึงที่สุด
หลัวเนี่ยเจินแคะหู พลางทำสีหน้าเบื่อหน่าย “พวกท่านเชิญทะเลาะกันให้พอใจ ท่านยายกำลังมองหาว่าที่สามีให้ข้า แน่นอนว่าพวกท่านไม่อยู่ในรายชื่อนั้น” นางระบายยิ้มอ่อนหวาน พลางโบกมือไปสองครั้ง เดินออกไปจากศาลาไม้ข้างสระบัว ไม่ว่านางจะไปที่ไหน ล้วนมีไท่จื่อและองค์ชายรองสร้างเสียงหัวเราะ และทำให้นางปวดหัวได้ในเวลาเดียวกัน
ไท่จื่อได้ยินเช่นนั้น จึงได้ตรัสขึ้นมาว่า “ข้าจะไปเขียนเทียบแนะนำตัวกับท่านย่า”
“พี่ใหญ่ท่านคิดดี ๆ นะ หากท่านย่าหมายตาเป็นท่านแล้วไม่มีทางที่จะรับสนมเพิ่มได้แน่ ๆ ไม่เช่นนั้นในวังหลังคงไม่วังเวงเช่นนี้” องค์ชายรองผู้รักสนุกกล่าวถามขึ้น
“ข้าพร้อมยินดีจะรักเพียงแค่นาง ตราบชั่วชีวิตจะหาไม่ หวังเพียงแค่ท่านย่าเปิดใจ” แม้มารดาจะขัดขวางเขาจะฝ่าฟันมันไปให้ได้ “หากท่านแม่ไม่ยินยอม ข้าพร้อมจะสละตำแหน่งเพื่อนาง”
“ยอดวีรบุรุษต้องยกย่องให้พี่ใหญ่แล้ว น้องรองเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก แต่ผ่านด่านเจินเอ๋อร์ให้ได้เสียก่อนค่อยมาพูดข่ม” องค์ชายรอง ยืนกอดอก ยังจดจำวันที่พบนางได้ดี หัวใจเขาหวั่นไหวและเต้นแรงนัก แต่หากมีพี่ชายเป็นคู่แข่งย่อมสมน้ำสมเนื้อ แต่สมน้ำหน้าหยางจงหมิง เห็นหยกล้ำค่าเป็นกรวดดินทรายไปเสียดาย กลับชมชอบโคลนตมอย่างโม่อวี้เฟย ช่างดูเหมาะสมกันนัก ผีเน่ากับโลงผุช่างเหมาะเหม็งดีเหลือเกิน
“ถึงอย่างไรข้าก็ต้องปกป้องนาง ไม่รู้ว่าทางแคว้นนั้นจะมาไม้ไหนกันแน่ หากท่านอ๋องแคว้นเหลียนหมายตาเจินเอ๋อร์จะทำอย่างไร ข้าไม่มีทางยอม”