ตอนที่ 6 ท่านยาย
หลังจากนั้นทุกวัน ๆ วันไป๋เหม่ยเจินก็เข้ามาดูแลเขาอีกในช่วงเช้า เพื่อให้เขาได้ดื่มยาอันแสนล้ำค่า แม้จะถูกอีกฝ่ายต่อว่าต่อขาน และถูกเขาเหยียดหยามด้วยคำพูดจาไม่รักษาน้ำใจนางก็ตามที เหม่ยเจินกลับมีเพียงแค่ความคิดเดียวคืออยากรู้ว่าใต้ผ้าที่ปิดดวงตาเอาไว้นั้น เขามีอาการดีขึ้นบ้างหรือไม่
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่นางถูกเขาขับไล่พร้อมกับลงนามในหนังสือหย่าให้นาง ไม่เพียงแค่มีหนังสือหย่าเท่านั้น ถ้อยคำก่นด่าสารพัดก็ไล่ตวาดใส่หลังนางอีกด้วย ความเจ็บปวดนี้ทำให้ไป๋เหม่ยเจินที่ไม่คาดคิดมาก่อน เหตุใดพี่ชายที่แสนใจดีในตอนนั้น กลับกลายเป็นผู้ชายที่ไร้เหตุผลและไร้ใจเช่นนี้กัน
อีกอย่างวันนี้เป็นวันที่เขาได้แต่งงานกับญาติผู้น้องดูเหมาะสมกันยิ่งนัก ช่างเป็นคู่ที่สวรรค์เมตตาเหมือน ผีเน่ากับโรงผุ คงเป็นคู่ที่ใครต่อใครต่างก็มาชื่นชมมาร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง ย้อนกลับไปเมื่อสามวันก่อน ไม่มีงานเลี้ยง ไม่มีเหล่านักดนตรีขบวนรับตัวเจ้าสาวไม่มีผู้คนมาร่วมยินดีอวยพรในวันแต่งของนาง และไม่มีเจ้าบ่าวมาเข้าหอ
ไป๋เหม่ยเจินสมเพชตนเองนัก โชคดีที่ได้รับพระเมตตาจากไทเฮา ให้นางไปพำนักที่ตำหนักในวังหลวงเสียก่อนกลับจวน แต่ทว่าไม่ใช่จวนตระกูลไป๋ แต่เป็นจวนตระกูลหลัวต่างหาก ดังนั้นวันนี้นางจึงคิดได้ถี่ถ้วนแล้วที่จะจากไป แต่เดิมนางนำสมบัติของมารดาติดตัวมา แต่ส่งกลับคือตระกูลหลัว ยังขาดอีกส่วนหนึ่ง ถูกกวนซื่อนำออกไปขาย
นางมองหนังสือหย่าที่เขาได้ลงนามประทับตราเอาไว้ สีหน้าในตอนนี้มีเพียงแค่รอยยิ้มเยาะอยากจะตะโกนออกไปให้ดัง ๆ เสียเหลือเกิน นางยังไม่ทันจะได้เริ่ม แต่กลับพ่ายแพ้อย่างราบคาบ วันนี้เป็นวันมงคลของเขา นางคิดจะจากไปอย่างเงียบ ๆ แต่ทว่าท่านพ่อบ้านฉางมาเคาะประตูเอาเสียก่อน
“ฮูหยินรอง เมื่อเช้านายท่านได้มอบหนังสือหย่าให้จริง ๆ หรือขอรับ” เขามาเพื่อขอร้อง ไม่อยากให้ฮูหยินรอง หย่าร้างกับท่านแม่ทัพ เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่าใครเป็นเทพธิดา ใครเป็นนางมารปีศาจร้ายกันแน่
ไป๋เหม่ยเจินคลี่ยิ้มหวานแต่ดวงตานั้นอาบได้ความเศร้าและเสียใจ “ไม่ว่าจะทำดีสักเท่าไหร่ พยายามสักแค่ไหน สุดท้ายนางก็เป็นเพียงแค่...คนไร้ค่า ภรรยาสวมรอย และคนที่...ถูกทิ้ง!” นั่นคือความจริงที่ได้รับรู้ และนางก็ทนมามากพอแล้ว ไม่อาจทำให้ตนเองเจ็บปวดอีกต่อไปได้
ด้านหน้าจวนมีเสียงอึกทึกดังครึกโครม สนุกรื่นเริงเพราะมีงานมงคล เสียงนั้นดังมากพอจนมาถึงส่วนด้านหลังของจวน “ฝากบอกเขาด้วย ข้ากับเขาระหว่างเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้ว ขอบคุณที่ครั้งหนึ่งท่านแม่ทัพช่วยชีวิตของข้าเอาไว้ นี่เป็นยาอีกขวด ข้าให้ท่านลุงฉางเก็บเอาไว้ให้ดี อย่าลืมให้เขากินอย่างต่อเนื่อง คิดว่าอาการอีกไม่นานก็น่าหายดี พิษบางส่วนที่ถูกนั้นร้ายแรงก็จริง แต่ตำราพิสดารของท่านหมอเทวดา มีหรือจะรักษาไม่ได้”
แม้จะส่งยิ้มอ่อนหวาน แต่ด้านในอกนั้นช่างขมขื่นนัก แต่งงานมาเพียงแค่สี่วัน กลับถูกสามีส่งหนังสือหย่าร้างมาให้ จะมีอะไรอับอายได้ขนาดนี้อีก นางไม่เคยวิงวอนหรือต่อว่าในโชคชะตานำพาพบอุปสรรคมากมาย ทุกเรื่องราวไม่ว่าจะดีหรือเลวร้าย นางพยายามยิ้มและลุกขึ้นสู้ แต่ความรักเช่นนี้ นางขอเป็นฝ่ายถอนตัว ความรักที่มีแต่ความเจ็บปวดและชอกช้ำใจ
พ่อบ้านฉางหน้าเศร้าสลดนัก เมื่อฮูหยินรองยืนกรานอย่างหนักแน่น พร้อมกับยื่นหนังสือหย่ามอบให้เขาอีกด้วย ชายชราอยากจะฉีกมันทิ้งเสีย ไม่ใช่เรื่องดีนักที่ฮูหยินรองจะจากไปเช่นนี้ “ฮูหยินจะกลับไปที่ตระกูลไป๋ เช่นนั้นบ่าวจะให้คนมาช่วยขนของขอรับ”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ สมบัติของข้ามีไม่มาก ก่อนหน้านี้พอรู้ตัวเองดีจึงขนของเอาไปเก็บเอาไว้แล้ว” ท่วงท่าและการพูดจานั้น นางดูงดงามไปเสียหมด อีกทั้งยังนอบน้อมต่อผู้ที่อาวุโสมากกว่า นี่เท่ากับว่าตระกูลไป๋อบรมดูแลบุตรี มาได้อย่างดีเยี่ยม
“คุณหนูรถม้ามาแล้วเจ้าค่ะ” อาชุนไปยืนรอคอยรถม้าจากวังหลวง ทางด้านหน้าของสถานที่จัดงานมงคล นางเดินมาพร้อมกับนางกำนัลผู้หนึ่ง ด้านนอกก็อดแปลกใจไม่น้อย เมื่อเห็นสตรีสูงศักดิ์ของวังหลังเข้ามาในงานมงคล พระพักตร์บึ้งตึง มิได้ยิ้มแย้มเฉกเช่นมาร่วมงาน
ด้านนอกดูวุ่นวาย แต่ทว่าในเรือนหลังนี้ไม่ทราบเลยว่า ไทเฮาจะเสด็จมาด้วยองค์เอง พระนางมานั่งไม่เอ่ยตรัสอันใดสักคำ ท่านแม่ทัพหยางจงหมิงที่มองไม่เห็นอยู่แล้วรู้สึกเหมือนมีบางอย่างแปลกประหลาดเกิดขึ้น ข้างกายของเขามีว่าที่ฮูหยินเอกสวมจับมือเอาไว้ ใบหน้าของนางประดับรอยยิ้มหวานเมื่อวันนี้มีไทเฮามาเป็นประธานในพิธี อยากจะโอ้อวดให้ผู้คนได้อิจฉา
“ไทเฮาเสด็จมาเจ้าค่ะ ทรงรอรับคุณหนูอยู่ด้านนอก” อาชุนกระซิบกระซาบ ข้างกายของอาชุนมีนางกำนัลยืนปั้นยิ้มหวานมอบให้ ไป๋เหม่ยเจินตกใจนักไม่คิดว่าท่านยายจะมาด้วยพระองค์เอง ทำให้เด็กสาวซาบซึ้งใจจนดวงตารื้นแดงขึ้นมาและเร่งรีบออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากให้ท่านยายคอยนาน
“พวกเจ้าช่างดูดีอกดีใจยิ่งนัก เอาละเห็นเป็นงานมงคล อ้ายเจียเพียงแค่มารับหลานสาวที่ถูกแม่ทัพหยางละเลยนาง วันนี้ก็มีเรื่องสำคัญจะพูดไม่มาก” ท่วงท่าเย่อหยิ่ง ปรายตามองหยามเหยียดเจ้าสาวชุดแดง เห็นนางตัวสั่นจึงนึกขำขัน
“เจ้ากำลังหวาดกลัว หรือว่ากำลังดีใจกันแน่ คุณหนูโม่ ขอให้เจ้ารักแม่ทัพหยางให้มาก ๆ เล่า ให้สมกับที่เจ้าวางแผนเอาไว้” แม้จะอยู่ในตำหนัก หาใช่ดวงตามืดบอดมองไม่เห็นเล่ห์เหลี่ยมเหล่าสตรี นางผ่านทั้งกลโกง การใส่ร้ายป้ายสี กว่าจะขึ้นมาอยู่ตำแหน่งอันสูงศักดิ์ได้ ต้องผ่านเรื่องเลวร้ายมามากเท่าไหร่
พระนางมองเพียงแค่ปลอกเล็บสีแดงสวมใส่ มีแหวนหยกจากอดีตฮ่องเต้พระองค์ก่อนมอบให้ แม้แต่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันยังไม่ได้ครอบครอง ฮองเฮาหมายปองแหวนล้ำค่าก็อย่าได้คิดหมายจะได้มันมาสวมใส่นิ้ว
ไป๋เหม่ยเจินถูกประคองออกมาจนถึงลานด้านหน้า เมื่อเห็นท่านยาย นางจึงได้รีบเร่งฝีเท้าเข้าไปเบื้องหน้าพระพักตร์ “ไป๋เหม่ยเจินถวายพระพรท่านยายเพคะ” สิ้นเสียงหวาน แม่ทัพหยางตกตะลึงนิ่งงัน นางเป็นหลานสาวของไทเฮาได้อย่างไรกัน คู่บ่าวสาวยังคงคุกเข่าอยู่หน้าพระพักตร์ โม่อวี้เฟยรู้สึกว่าเข่าทั้งสองข้างนั้นเจ็บเหลือเกิน หญิงชราผู้นี้ก็ไม่ตรัสอันใดอีก
แต่เมื่อครู่นางได้ยินไม่ผิดเพี้ยน ฮูหยินรองเป็นหลานสาวของไทเฮาเลยหรือ เป็นไปได้อย่างไรกัน ไทเฮาเห็นหลานสาวเพียงคนเดียว หน้าตาซูบผอม จากที่เพิ่งจะพบหน้าก่อนนางจะแต่งงานมาหนึ่งเดือน กับอดแปลกใจนัก นางยื่นมือให้หลานสาว เหม่ยเจินรีบจับฝ่ามือของไทเฮาเอาไว้ “ไม่ต้องมากพิธี ยายมารับเจ้า”
เหล่าขุนนางน้อยใหญ่ เคยได้ยินไทเฮาตรัสว่ามีหลานสาวจากตระกูลหลัว งดงามและผุดผาดนัก เมื่อเห็นโฉมถึงกับพากันนิ่งตะลึงงัน ด้วยความงดงามเป็นหนึ่งไม่มีสอง แม้ว่าไทเฮาจะอายุมากแล้ว พระพักตร์ยังคงเต่งตึงงดงาม ด้วยฝีมือของหลานสาวคนนี้ มีเรื่องลับ ๆ มากมายที่ผู้คนภายนอกไม่ได้ล่วงรู้
“ไปกันเถิดอย่าอยู่ที่นี่นานนักมันจะมีเสนียดติดตัว คราบสกปรกที่อยู่ในจวนนี้กลับไปต้องชำระออกให้หมด คนพวกนี้ต่ำช้าเกินกว่าจะเป็นขุนนางในราชสำนัก กงกง เชิญอ่านพระราชโองการเถิด อ้ายเจียขอตัวก่อน” ไทเฮาปรามาสเอาไว้หลายคำอยู่ไม่น้อย
แววพระเนตรเมื่อครู่หากใครได้เห็นย่อมต้องหวาดกลัวจนตัวสั่น น้ำเสียงแหบแห้งแต่ทว่าการพูดจาช่างกล่าวต่อว่าเหน็บแนมอีกฝ่ายไม่น้อย ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหลานสาวของพระนางที่ทรงรักใคร่เอ็นดู ถูกคนพวกนี้หยามเกียรติ นับว่ามันน้อยไปเสียด้วยซ้ำ กับอีแค่ ปลดออกจากแม่ทัพ
“แม่ทัพหยางรับราชโองการ” กงกงกล่าวขึ้นน้ำเสียงเล็กแหลม
“กระหม่อมแม่ทัพหยาง น้อมรับราชโองการ” แม่ทัพหยางคุกเข่าอยู่ก่อนหน้า สองมือยื่นออกไปรอรับราชโองการด้วยความแปลกใจ แต่พลางคิดคาดการณ์เอาไว้ลวงหน้า เขาคงจะทำอันใดขัดหูขัดพระพระทัยหวงตี้หรือไม่ จู่ ๆ ถึงได้มีราชโองการมาเช่นนี้
“เพราะปกป้องผืนแผ่นดินจนถูกพิษดวงตาบอดมืดสนิท จึงมีความเห็นว่าให้แม่ทัพหยางออกจากตำแหน่ง ให้พักรักษาดวงตาให้หายดี” คล้ายว่าถูกพายุสายฟ้าฟาดลงมากลางศีรษะแม่ทัพหยางจงหมิง เขาตะลึงพรึงเพริดนักไม่คิดว่าสวรรค์จะกลั่นแกล้งถึงเพียงนี้ ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ต่อไปก็ต้องยึดตราแม่ทัพคืน ต่อไปนี้เขาจะมีอำนาจอันใดอีก
โม่อวี้เฟย แทบจะเป็นลมล้มพับ นางนิ่งตะลึงงัน จากความฝันของนางจะกลายเป็นฮูหยินของแม่ทัพหยาง จะได้เชิดหน้าชูตา แต่ต้องมาเก็บซ่อนความขมขื่นและเสียใจเอาไว้ นางกำมือแน่น ขบฟันใต้ผ้าคลุมหน้า วันนี้สมควรจะเป็นวันที่นางมีความสุข แต่กลับมาพังทลายลง
ไทเฮาเสด็จขึ้นรถม้า ตามหลังด้วยหลานสาว ฝ่ามือเหี่ยวย่นไล้กรอบหน้าของหลานรัก ด้วยความเอ็นดูและเป็นห่วง “ต่อไปนี้ยายจะหาสามีที่ดีให้เจ้าเอง ดูสิตัดสินใจพลาดพลั้งแล้วเป็นอย่างไร คนพวกนั้นข่มเหงรังแกเจ้า ยายปวดใจนัก” แม้จะเป็นหลานสาวญาติห่าง ๆ แต่พระนางรักและเอ็นดูหลานสาวคนนี้ยิ่งนัก นั่นเพราะเป็นบุตรีของหลัวเนี่ยซู
“แม่เจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม ยายแก่ผู้นี้ยังสืบเรื่องราวไขการตายไม่ได้ เจ้ายังมาถูกคนพวกนั้นรังแกอีก รู้หรือไม่ว่ายายปวดใจมากขนาดไหน กินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงเจ้า ช่วงนี้พักกับยายอยู่กับยายก่อนเถิด แล้วค่อยกลับตระกูลหลัว” นั่นเพราะพระนางมีแผนเอาไว้ มีหลานชายตั้งสองคนที่ยังไม่มีสตรีใดคู่ควร
“เจ้าค่ะ หลานจะเชื่อฟังท่านยาย” เด็กสาวถูกท่านยายผู้สูงศักดิ์ปลอบประโลมราวกับหยาดน้ำทิพย์ชโลมหัวใจอันปวดร้าวให้หายดี ความรู้สึกนี้ช่างอบอุ่นนักทำให้นางซาบซึ้งในพระเมตตาของท่านยายอย่างสุดซึ้ง ท่านยายไทเฮาดูแลนางอย่างห่าง ๆ มาเป็นเวลานาน ดังนั้นความผูกพันจึงแน่นแฟ้นนัก
ฝ่ามือเหี่ยวย่นตบเบา ๆ ที่หลังมือของหลานสาว น้ำเสียงแหบของสตรีสูงวัยกล่าวขึ้นมา ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ พลางนึกโกรธแค้นแม่ทัพหยางเสียจริง ถูกปลดออกจากตำแหน่งแม่ทัพยังนึกว่าน้อยไปเสียด้วยซ้ำ
“ดีมาก ๆ ยายจะหาสามีที่ดีกว่าแม่ทัพสมองหมูนั่น” ไทเฮามีแต่ความเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้งที่เห็นใบหน้าของหลานสาวหมองหม่นถึงเพียงนี้ หากไม่ติดว่าชายคนนี้สร้างความดีเอาไว้ พระนางจะสั่งให้คนลอบมาสังหารชีวิตของบุรุษคนนี้ให้หายแค้น “ยายจะหาคนที่ดีกว่าร้อยเท่าพันเท่า เจ้าไม่เชื่อก็คอยดู! บุรุษสมองหมูคนนี้ไม่คู่ควรกับเจ้าแม้แต่น้อยนิด หลานยายน่ารักและเก่งกาจยังเป็นโฉมสะคราญ ยายไม่เชื่อหรอกว่า สตรีหม้ายเช่นเจ้าจะไม่มีใครัก เขาไม่ใช่คู่ของเจ้าอย่าได้คิดมาก เขามันก็เป็นแค่คนที่ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไป เป็นแค่เศษฝุ่นเศษใบไม้ที่บังเอิญได้ปลิวเข้ามา แล้วเมื่อสายลมพัดก็หอบเอามันออกไป”