บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 ไสหัวออกไป

รุ่งอรุณรับวันใหม่มาเยือนอีกครั้ง แต่ทว่าแทนที่อากาศจะสดใสกลับดูอึมครึมมืดมนด้วยเพราะเมฆฝนกำลังตั้งเค้ามาแต่ไกล ภายในจวนแม่ทัพหยางกำลังจัดเตรียมงานมงคลให้กับคุณหนูโม่ที่ฝันตัวเองจากญาติผู้น้อง เป็นฮูหยินของแม่ทัพหยางได้ดั่งใจปรารถนา

เช่นนี้แล้วไม่ว่าอากาศวันนี้จะเป็นเช่นไร นางหาได้สนใจไม่ใบหน้าของนางประดับด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ และยังเร่งรีบช่างให้แก้ชุดเจ้าสาว ที่นางอุตส่าห์ตระเตรียมเอาไว้ก่อนจะเดินทางมายังจวนแห่งนี้

ไป๋เหม่ยเจินตื่นแต่เช้า เดินเข้าไปในห้องครัวด้านหลังของจวน ท่านพ่อบ้านฉีกยิ้มมาให้ตั้งแต่เห็นเด็กสาวเดินเข้ามา “ฮูหยิน สำรับมื้อเช้าข้าได้เตรียมให้แล้ว เดี๋ยวจะให้สาวใช้ส่งไปยังเรือนขอรับ” แม้จะละเมิดคำสั่งของโม่อวี้เฟย ท่านพ่อบ้านแยกแยะดีชั่วออก

ทำให้บรรดาแม่ครัวทั้งหลายไม่พอใจคุณหนูโม่ผู้มักชอบวางอำนาจในจวนนี้ราวกับเป็นเจ้าของจวน บรรดาแม่ครัวต่างเร่งคารวะฮูหยินรองด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและนอบน้อม ด้วยเพราะในห้องครัวส่วนนี้ ล้วนจะเชื่อท่านพ่อบ้านฉางว่าใครดีหรือมีจิตใจคับแคบสกปรกกันแน่ เพียงแค่พวกเขาเป็นบ่าว ครั้นจะออกปากโต้เถียงก็กลัวจะถูกลงโทษเอาได้

“ขอบคุณท่านลุงฉางเจ้าค่ะ” ถึงจะมีฐานะเป็นฮูหยิน แต่นางก็ไม่ได้เย่อหยิ่ง อีกทั้งยังเป็นกันเองกับคนอื่นอย่างง่าย ๆ ไม่ถือตัวอีกต่างหาก สาวใช้ในครัวอดที่จะเอ็นดูเด็กสาวและเห็นใจนางนักที่ถูกท่านแม่ทัพเมินเฉยและหักหน้าเช่นนี้

.................................................

ข่าวการแต่งงานของอีกครั้งของแม่ทัพหยางลอยมาเข้าหูคนตระกูลไป๋ ท่านราชครูกำหมัดแน่นขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไม่พอใจ “หยางจงหมิงช่างกล้าหาญนัก กล้าหักหน้าตระกูลไป๋ถึงขนาดนี้เชียวรึ!” เขาคับแค้นใจนัก หากรู้ว่าผลจะออกมาเช่นนี้ เขาไม่มีทางจะส่งลูกสาวไปแน่ ๆ

กวนซื่อลอบยิ้มเยาะเย้ยอย่างสาแก่ใจ จึงได้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงหวาน ปลอบประโลมสามีให้หายเกรี้ยวกราด “ท่านพี่ อย่าถือโทษลูกเขยเลยเจ้าคะ ลูกสาวของพวกเราแต่งออกไปก็เหมือนน้ำถูกสาดออก หากอยู่กันได้ไม่นานหย่าร้างขึ้นมาก็ตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน อย่างไรเสียเราก็ต้องทำใจให้เย็น ๆ เข้าไว้”

คำพูดของนางมันช่างบาดใจชายชรานัก เขาชำเลืองมองภรรยาด้วยความไม่พอใจ ยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าฮูหยินของตนด้วยสีหน้ากรุ่นโกรธ “ก็ใช่นะสิลูกสาวของข้าหาใช่ลูกของเจ้า จึงได้ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเช่นนี้!” เมื่อกล่าวจบพลางสะบัดแขนเสื้อไม่พอใจเดินจากไปด้วยความอึดอัดคับแค้นใจ จนไม่อาจจะบรรยายมันออกมาจนหมด

ไม่แน่ว่าเขาอาจบีบคอภรรยาให้ตายคามือเพราะโทสะอันมากล้นก็เป็นไปได้ จึงทำได้เพียงแค่...อดกลั้นเอาไว้ ลูกสาวคนเล็กเกิดจากสตรีที่เขารักมากที่สุด และลูกสาวคนนี้ก็เป็นของขวัญอันล้ำค่าที่สวรรค์มีเมตตาประทานมาให้ นางคือแก้วตาดวงใจและยังเป็นตัวแทนความรักของภรรยาที่มีต่อเขาอีกด้วย

“ท่านพี่!” กวนซื่อรีบตวาดแผดเสียงไล่ตามแผ่นหลังสามี เมื่อเขาเดินลาลับเห็นเพียงแผ่นหลัวไว ๆ ของเขาเท่านั้น นึกแล้วก็สาแก่ใจนางนัก จึงได้หัวเราะออกมาอย่างสบายอกสบายใจ “คอยดูเถอะนับวันมันยิ่งตกต่ำ ลูกสาวของข้าจะต้องโดดเด่นกว่ามัน” แววตาของกวนซื่อสาดประกายไปด้วยความอำมหิตเลือดเย็น

จากนั้นกวนซื่อจึงคิดว่าจะใช้โอกาสอันดีอีกไม่ถึงสองเดือนข้างหน้านี้ ในวังหลวงจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับคณะราชทูตจากแคว้นเหลียน ซึ่งในงานนั้นจะมีเหล่าขุนนางและบุตรชายขุนนางมากมาย รวมถึงเชื้อพระวงศ์อีกด้วย งานนี้รับรองว่าลูกสาวของนางจะต้องโดดเด่นที่สุด

“ไปบอกช่างให้มาวัดตัวคุณหนูใหญ่ ตัดชุดให้นาง” กวนซื่อจีบปากจีบคอพูดขึ้นมา “วันนี้ข้าจะไปงานเลี้ยงน้ำชาจวนตระกูลเฉิน” นางหยัดกายลุกขึ้น กล่าวจบก็ถูกสาวใช้ข้างกายประคองให้เดินออกจากห้องรับแขกด้านหน้าจวน

“ฮูหยินเจ้าคะ ตระกูลเฉินเป็นเพียงแค่พ่อค้าเท่านั้นนะเจ้าคะ” สาวใช้ข้างกายกล่าวขึ้นมา

“เจ้าไม่รู้อะไร ตระกูลนั้นร่ำรวยมาก มิหนำซ้ำยังมอบเงินและเสบียงให้กองทัพมากมาย ข้าได้ยินมาว่า หลานชายหรือญาติห่าง ๆ ของฮูหยินเฉินรับราชการ ข้าอยากจะไปผูกมิตรเอาไว้ วันข้างหน้าอาจจะได้เกี่ยวดองกันก็เป็นไปได้” กวนซื่อแววตาช่างดูเจิดจ้านัก นางคิดหาแต่ผลประโยชน์เข้าตัว

ท่านราชครูไป๋เกรี้ยวกราดจึงได้มาสงบสติอารมณ์ที่เรือนของบุตรีคนรอง ทอดมองภาพวาดของภรรยาที่จากไป เขานั่งคุกเข่าหน้าภาพวาด “ซูเอ๋อร์ ข้าผิดเอง ข้าผิดนักที่ส่งลูกสาวของเราไปโดยที่ข้า...ข้าไม่ไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน” น้ำเสียงเฝ้าวิงวอนขอร้องภรรยา ใบหน้าของชายชรามีแต่ความเสียใจอย่างท่วมท้น เฝ้าตำหนิตนเองต่อหน้าภาพวาดของภรรยาที่รักยิ่ง

ด้านผู้ถูกกล่าวถึงวันนี้นางได้เข้ามาในห้องนอนของชายที่แอบรัก เพื่อมาดูอาการว่าเขาเป็นอย่างไร นางมียาตัวหนึ่งน่าจะช่วยต้านพิษได้ จึงคิดอยากจะลองให้เขาได้กิน นางเดินถือถ้วยสมุนไพรกลิ่นฉุนเข้า ด้วยความปรารถนาดี

ไป๋เหม่ยเจินกล่าวน้ำเสียงซ่อนความดีใจเอาไว้ นางลืมเรื่องที่เขาทำร้ายใจนางเมื่อคืนไปหมดสิ้น “ท่านแม่ทัพ ข้า...ข้ามีสมุนไพรมาให้ท่านลองดื่มเจ้าค่ะ” แม้จะกล้า ๆ กลัว ๆ นางก็ฝืนทำใจดีสู้เสือเข้ามาจนได้ เมื่อเห็นว่ามีเพียงแค่เขาอยู่ในห้องนี้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น

“...” เขาไม่ตอบ แต่กำลังฟังสิ่งที่นางบอก เหม่ยเจินเดินเข้าไปใกล้ ๆ ถือวิสาสะนั่งลงขอบเตียงนอนเพียงแค่หมิ่นเหม่ คิดว่าจะป้อนยาสมุนไพรให้เขาได้ง่าย ๆ แต่ทว่าเพียงแค่นางลงเท่านั้น เขาก็ผลักนางจนตกเตียง ด้วยแรงของชายที่ฝึกวรยุทธ์ เป็นเหตุให้สมุนไพรอันล้ำค่าตกลงบนพื้น ไหลนองเป็นสาย ถ้วยยาแตกออกเป็นเสี่ยง เสียงดัง เพล้ง!

“ไสหัวออกไป เจ้ามันก็แค่สวมรอยแทนพี่สาวของเจ้า ผู้หญิงที่ข้าปรารถนาเป็นเหม่ยจู มิใช่เจ้า ออกไป” เสียงคำรามดุดันทำให้ไป๋เหม่ยเจินสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ นางเหลืออดลุกขึ้นยืนทันใด

“ท่านรู้หรือไม่ สมุนไพรของข้าล้วนราคาแพงมหาศาล ตัวท่านเป็นใครกัน มีสิทธิ์อันใดทำร้ายข้า” ไป๋เหม่ยเจินดวงตาเอ่อคลอเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา มันไหลลงมาเป็นสายราวกับไข่มุกเม็ดโต

“คนอย่างท่านสักวันจะรู้สึก ข้าแค่หวังดีกับท่านมันผิดมากนักหรือยังไง หากท่านแต่งงานกับใครข้าไม่คิดค้าน เพราะรู้ตัวเองดีว่าข้าก็เป็นเพียงแค่คนสวมรอยมาแทนเท่านั้น”

เหม่ยเจินสะอื้นจนตัวโยนช่างน่าสงสารยิ่งนัก แม่ทัพหยางบื้อใบ้กินชั่วขณะถูกสตรีต่อว่า และได้ยินเสียงสะอื้นเบา ๆ จากนาง

เหม่ยเจินเดินหาผ้ามาเช็ดทำความสะอาด จากนั้นนางจึงค่อย ๆ หยิบถ้วยที่มันแตกออกมาอย่างระมัดระวัง ด้วยเพราะมักเป็นคนซุ่มซ่ามอยู่แล้ว หากไม่ระวังจะถูกบาดเอาได้ เมื่อนางเก็บถ้วยเสร็จก็ไม่เลิกล้มความตั้งใจ

“วันนี้ท่านไม่กินไม่เป็นไร พรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่”

“ช่างวิปลาสเกินสตรีนัก ข้าออกปากก่นว่าขนาดนี้ยังหน้ามึนหน้าด้านอยู่อีก” เขากล่าวต่อว่าต่อขานนาง โดยไม่นึกถึงจิตใจของคนที่ได้ยิน โม่อวี้เฟยไม่ได้มาดูแลท่านแม่ทัพเพราะกำลังสาละวนจัดเตรียมสินสอดเจ้าสาวด้วยตนเอง การแต่งงานนี้ค่อนข้างกะทันหัน นางจึงได้ให้ม้าเร็วไปส่งข่าวให้ครอบครัวได้รับรู้ว่า นางกำลังจะกลายเป็นฮูหยินใหญ่แล้ว

นางกลืนก้อนแห่งคงามขมขื่นและอับอายลงไป พลางกล่าวขึ้นมาอย่างแดกดันอีกฝ่าย “ขอบคุณที่ชม” กล่าวจบคราวนี้ออกจากห้องไปจริง ๆ ปล่อยเขาทิ้งเอาไว้ในห้องเช่นนั้น ยามนี้เจ้าของดวงหน้างดงาม มีแต่ความเศร้าเสียใจ พลางเดินเร่งรีบกลับเรือนด้านหลังของตนเองกลับสะดุดล้มเสียอย่างนั้น

“เจ็บตรงไหนหรือไม่ขอรับ ขอข้าดูหน่อย” ชายหนุ่มเห็นเข้าไปไม่ทันได้รับนาง แต่ทว่ากลับสะดุดหกล้มลงมาเสียก่อน เหมือนว่านางกำลังหนีอะไรมาสักอย่าง

“ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ แค่ข้อเท้าแพลงเล็กน้อยเท่านั้น” ไป๋เหม่ยเจินไม่ได้มองหน้าชายคนดังกล่าวเสียด้วยซ้ำไป แต่ทว่าชายหนุ่มเห็นดวงหน้าของนางก็รู้สึกตกตะลึงนัก

เขาเพิ่งจะพบสตรีที่งดงามผุดผาดเป็นครั้งแรก ส่วนมากพบก็มักจะแต่งหน้าหนา ๆ เหมือนงิ้วเสียอย่างนั้น พลันก้อนเนื้อข้างซ้ายเต้นรุนแรงราวกับเสียงกลองกำลังกระหน่ำตีระรัวเสียตึกตักโครมครามไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย รู้สึกหน้าของตนกำลังร้อนผ่าวขึ้นมาอีกด้วย

เหม่ยเจินชักเท้าของนางกลับเมื่อเห็นว่าชายคนนี้กำลังจะจับข้อเท้าของนาง เขาจึงได้ถามคำถามหนึ่งขึ้นมา “ไม่ทราบว่าท่านเป็นใครกัน” เขาอยากรู้จักนางเข้าให้เสียแล้ว แต่เหตุใดดวงตาคู่งามนี้จึงดูเหมือนมีไม่สดใสกลับดูเศร้าสร้อย

“ข้าก็เป็นแค่ภรรยาสวมรอยเท่านั้นเจ้าค่ะ อย่าได้มาใส่ใจกับสตรีไร้ค่าเช่นข้าเลย ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel