บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 เหมือนถูกสายฟ้าฟาด

ไป๋เหม่ยจิน สวมชุดเจ้าสาวนั่งรออยู่บนเตียงมาครึ่งชั่วยาม แต่ก็ไร้วี่แววของเจ้าบ่าว สิ่งที่อาชุนไปสืบมาได้ยินเพียงแค่คำก่นด่าดูแคลนจากอีกฝ่าย ทำให้นางไม่กล้าพูดอะไรให้เจ้านายไม่พอใจ คนพวกนั้นจิตใจคับแคบพอ ๆ กับตามืดบอดของท่านแม่ทัพ หารู้ไม่ว่าคุณหนูของนางต้องมาที่นี่ด้วยเหตุอันใดกัน

อาชุนยืนอยู่ข้างนอกเดินไปมา จนทำให้เจ้าสาวรับรู้ถึงเสียงฝีเท้า แต่นางก็ทำเพียงแค่นั่งนิ่ง ๆ คล้ายเสียงข้างนอกจะเป็นเจ้าบ่าว ผ่านไปครู่ใหญ่เสียงนั้นก็ไม่เข้ามาเสียที และไม่มีคนแจ้งอีกด้วย คราวนี้นางจึงนึกสำเหนียกตนเองว่า คงเป็นคนไม่สำคัญในสายตาของเขาเป็นแน่

ดังนั้นแล้วไป๋เหม่ยเจินจึงเปิดผ้าคลุมหน้าของเจ้าสาว แม้ในใจนางอยากจะให้เขาเป็นคนเปิดมันก็ตามที ในเมื่อเขาไม่มาพลันเสียใจนัก แต่ทว่าจุดประสงค์สำคัญก็เพียงแค่ต้องการอยู่ดูแลเขาไปจนกว่าจะหายดี ถึงยามนั้นเขาจะได้เห็นความตั้งใจของนาง ว่าแท้ที่จริงแล้ว นางก็มีใจให้เขา

“ท่านน้าเข้ามาเถิดเจ้าค่ะ” เมื่อผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวถูกเปิดโดยฝีมือของนางเอง นางพับผ้าคลุมหน้าอย่างเรียบร้อยวางไว้บนหัวเตียง พลางสำรวจห้องนี้อย่างคร่าว ๆ ก็พบว่ามันไม่ได้ใหญ่โต ของตกแต่งในเรือนช่างดูดีกว่าสาวใช้ก็แค่นั้น พลางถอนหายใจ เมื่อรู้ชะตากรรมของตนเอง

“คุณหนู หากปล่อยไว้ พวกเราจะอยู่ได้อย่างไร แค่นี้ก็รู้ว่าท่านแม่ทัพจิตใจคับแคบเพียงใด ขนาดเขาตามืดบอดคุณหนูยังยินดีแต่งงาน ขบวนรับเจ้าสาวอีก นี่ไม่เท่ากับว่าหักหน้าตระกูลไป๋หรือเจ้าคะ” อาชุนเดือดดาลนัก อกของนางแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง เพราะแค้นเคืองคนตระกูลหยาง โดยเฉพาะแม่ทัพหยางจงหมิง

“ข้ามาเพื่อตอบแทนบุญคุณที่เขาเคยช่วยข้า หากวันนั้นเขาไม่ยื่นมือมาแล้ว ข้าก็คงไม่ได้อยู่จนถึงทุกวันนี้ อย่างน้อยข้าก็ได้อยู่ใกล้ชิด สักวันเขาคงจะดีกับข้า” ไป๋เหม่ยจินคิดในแง่ดี เอาไว้ก่อน

ส่วนเรือนใหญ่ด้านหน้า ท่านแม่ทัพหยางเอาแต่ร่ำสุรา จนเมามายไม่ได้สติด้วยเพราะผิดหวังที่สตรีที่ตนต้องการนั้นเป็นคุณหนูเอก แม้จะเคยพบหน้ามาแล้ว มิได้สนิทสนมมากมาย แต่นางเป็นรักแรกพบของเขาก็ว่าได้ ข้างกายของชายหนุ่มมี โม่อวี้เฟยดูแลไม่ห่าง ใครจะเข้าออกห้องนี้มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น

“พี่ชาย ท่านเมาแล้ว” โม่อวี้เฟยแม้ว่าจะดึกดื่นแล้ว นางมาดูแลพี่ชายด้วยความหวัง ดวงตาคู่งามจดจ้องชายที่นางแอบรักมานานหลายปี ถึงเขาจะดวงตาเป็นเช่นนี้ นางก็หาได้สนใจไม่ นางเพียงแค่ต้องการมีเขาอยู่ ใช่ว่าดวงตาเขาจะมืดบอดนานจนไร้หนทางรักษา

“ข้ายังไม่เมา เอาเหล้ามาให้ข้า ข้าจะดื่มย้อมใจ” เขาเอะอะโวยวาย บนพื้นห้องมีไหสุรากลิ้งไปมาหลายสิบไห ใบหน้าของเขาแดงก่ำราวกับลูกตำลึงสุก พูดคุยด้วยน้ำเสียงยาน ๆ เพราะเมาเกือบไม่ได้สติแล้ว เขายังคงสวมชุดเจ้าบ่าวเอาไว้ มิได้ถอดมันออกมา เพียงเพราะกำลังคร่ำครวญถึงสตรีในฝันที่โหยหา นึกไม่ถึงตระกูลไป๋จะสับเปลี่ยนเจ้าสาว ดังนั้นเขาจึงทำให้คนพวกนั้นได้รู้ว่า เขาก็ไม่ยอมถูกหักหน้าเช่นเดียวกัน

“พี่ชายหากท่านยังเมามายไม่ได้สติเช่นนี้ ข้าจะโกรธท่านแล้วนะ” แม้ปากว่าพร่ำว่าจะโกรธ นางแอบจุดกำยานปลุกกำหนัดเอาไว้ ที่ผ่านมาหากเขาไม่ดื่มสุรามากมาย มีสติครบถ้วนจะจุดกำยานก็ยากเย็นยิ่งนัก วันนี้ได้โอกาส นางจะจัดการรวบหัวรวบหางเขาให้ได้

ทรัพย์สมบัติของเขาตั้งมากมาย มีหรือนางจะให้คนตระกูลไป๋มาชุบมือเปิบดูแลจวนหลังนี้ บัญชีต่าง ๆ นานา นางก็จัดการดูแลด้วยตนเอง เพราะได้รับความไว้วางใจจากเขา และนี่เป็นเรื่องที่ดี หากใครแต่งเข้ามานางย่อมอยู่เหนือกว่า อย่าคิดว่าสตรีเช่นนางจะงอมืองอเท้าให้อีกฝ่ายรังแกได้ง่าย ๆ

“เฟยเอ๋อร์ เจ้าเป็นน้องสาวของข้า จะคิดโกรธข้าได้ลงคออีกหรือ” แม้ว่ารู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา ยากจะควบคุมตนเอง ความรู้สึกวูบวาบมันกำลังเร่งเร้าบางอย่างให้ตื่นตัว

“หากท่านยังขืนดื่มจนเมามายเช่นนี้” เมื่อเห็นว่าคนเมาเริ่มกระสับกระส่าย คลายชุดสีแดงออกอย่างช้า ๆ นางจึงได้ช่วยเขา ฝ่ามือของนางไล้บริเวณแผงอกแกร่งไปมา “ท่านพี่” เสียงหวานกล่าวออดอ้อน ขยับเข้าไปนั่งใกล้ ๆ มือของนางสวมกอบกุมมือชายหนุ่มเอาไว้

ความรู้สึกคล้ายกับว่ามีกระแสบางอย่างไหลวนเวียนในร่างกาย กลางกายรู้สึกปวดหน่วงขึ้นมาทันใด อีกทั้งยังรู้สึกอยากกระสันส่านอย่างไม่เคยมีมาก่อน จวบจนชุดของเขาถูกถอดออกจนหมด หญิงสาวประกบปากลงที่ริมฝีปากหนา ชายหนุ่มไม่ขัดศรัทธา รวบรัดกอดกระหวัดฟัดเหวี่ยงนัวเนียบนเตียงกว้าง

เสียงร้องครางกระเส่าทั้งหญิงและชายดังขึ้นในเรือนใหญ่ ไป๋เหม่ยเจินคิดว่านางอยากจะมาพบเขาทำความรู้จักและข้อตกลงระหว่างนางกับท่านแม่ทัพ แต่ทว่าเมื่อเดินมาถึงห้องนอน กลับได้ยินเสียงที่ไม่น่าฟังนั้นเกิดขึ้น หัวใจที่มีรักอยู่อย่างท่วมท้นได้พังทลายลงมาทันใด

การรักเขาข้างเดียวแม้จะเจ็บปวด แต่นางก็ยินดี นึกไม่ถึงว่าคืนเข้าหอนางกลับเป็นฝ่ายมาหาเขาถึงห้องนอน แต่ก็ต้องมาพบกับเรื่องที่ทำให้เจ็บปวดยิ่งนัก หญิงสาวยืนอยู่หน้าห้องด้วยหัวใจอันแสนรวดร้าวอย่างทรมาน แม้จะทำใจแข็งก็ไม่อาจจะต้านทานความรู้สึกเสียใจได้

นางจึงหมุนกายคิดจะกลับไปยังห้องนอน พลันประตูห้องก็เปิดออกมา “พี่สะใภ้ ข้าขอโทษ” น้ำเสียงสั่นเครือของโม่อวี้เฟยดังขึ้น จนทำให้ไป๋เหม่ยเจินตกใจ “อย่าทำร้ายข้าเลยนะ ข้าขอร้องท่านล่ะ” ไป๋เหม่ยเจินยังคงตกตะลึงจนตาค้าง

หยางจงหมิงเดินออกมาจากนอกห้องในสภาพที่เปลือยท่อนบนเอาไว้ สวมเพียงแค่กางเกงตัวเดียวเท่านั้น ผมยาวของเขาแผ่สยายปกคลุมลงมากลางแผงอก เขาเดินอย่างระมัดระวังมาที่ประตู เพราะได้ยินเสียงของญาติผู้น้องร้องไห้ “อวี้เฟยใครทำอะไรเจ้า” น้ำเสียงขึงขังดังขึ้นมา ด้วยเพราะมองไม่เห็นว่าใครกันช่างกล้าบังอาจมาทำร้ายคนของเขา

ไป๋เหม่ยเจินเพิ่งรู้ตัวว่านางถูกโม่อวี้เฟยใส่ร้ายเข้าให้เสียแล้วเสียรู้อีกฝ่ายเข้าให้ ช่างน่าเจ็บใจเสียเหลือเกินพลางจะอ้าปากบอกกล่าวความจริงกับเขาแต่ไม่ทันจะได้พูดมันออกมา อีกฝ่ายรีบเติมเชื้อไฟสุมนางเข้าให้อีกครั้ง

“ท่านพี่ พี่สะใภ้เมื่อครู่เห็นข้าออกจากห้องของท่าน นางผลักข้าล้มเจ้าค่ะ” โม่อวี้เฟยแสร้งบีบน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้นกล่าวขึ้นมาทันใด ดวงตาของนางกำลังยิ้มเยาะเย้ยอย่างเย้ยหยันเหยียดหยามไป๋เหม่ยเจินขึ้นมาด้วยใบหน้าอันไร้เดียงสา

“ข้าเปล่านะ” ไป๋เหม่ยเจินคล้ายทุกอย่างที่นางคิดกลับพลิกไปหลายตลบจนนางคาดไม่ถึง คนที่จวนนั้นว่าร้ายกาจแล้ว ที่จวนนี้ยิ่งกว่าอสรพิษเสียอีก ให้ตายเถิดนางไปทำบาปกับใครเขาเอาไว้มากมายขนาดนี้นะ

“เจ้าโกหก” เขาไม่เชื่อเด็ดขาด โม่อวี้เฟยน่ารักและไร้เดียงสานัก “อวี้เฟยเจ็บตรงไหนหรือไม่” น้ำเสียงของลดลงมาด้วยความห่วงใย เมื่อครู่เขาเองที่ทำร้ายขืนใจนาง และตอนนี้นางยังถูกสตรีหน้าด้านรังแกอีก

“ท่านพี่” เสียงหวานกล่าวขึ้นอีกครั้ง พลางเดินไปหาชายหนุ่มกอดแขนเอาไว้แน่น แสร้งหวาดกลัวจนตัวสั่น พ่อบ้านได้ยินเสียงเอะอะจึงได้เดินมาดู เมื่อเห็นภาพเบื้องหน้าทำให้เขาตกตะลึงแทบจะหงายท้องไปทีเดียว คนที่ควรจะเข้าหอเป็นนายท่านกับเจ้าสาว แต่เหตุใดกลับกลายเป็นเช่นนี้ไป

“ท่านแม่ทัพ ข้าหลงนึกว่าท่านเพียงแค่ตามืดบอด แต่จิตใจของท่านยังมืดบอดยิ่งกว่าดวงตาของท่านเสียอีก” เหม่ยเจินหมุนตัวกำลังจะกลับเรือนนอน พลันเสียงกังวานดังขึ้นมาอีกครั้ง

“อีกสามวันข้าจะแต่งงาน พ่อบ้านฉางจัดการงานแต่งให้ข้ากับอวี้เฟย” กล่าวจบก็ถูกหญิงสาวประคองเข้าไปข้างใน ไป๋เหม่ยเจินคล้ายว่าถูกสายฟ้าฟาดลงมาลงมากลางศีรษะ

พ่อบ้านฉางเหงื่อเม็ดโตผุดพรายขึ้นมาบนหน้าผากอีกหลายเม็ด “ฮูหยิน ข้าไม่รู้จะกล่าวอันใดได้ ข้าน้อยต้องทำตามคำสั่งของนายท่าน ขออภัยด้วยขอรับที่พวกข้าน้อยดูแลท่านไม่ดี” พ่อบ้านฉางเพียงแค่มองก็รู้แล้วว่าใครกันแน่เป็นนางปีศาจ หาใช่สตรีที่เพิ่งแต่งงานไม่ กลับเป็นโม่อวี้เฟยมากกว่าที่แผนของนางสำเร็จลุล่วงแล้ว

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านลุง” เหม่ยเจินกล่าวขึ้นมาใบหน้าของนางยังคงซีดเมื่อครู่นางตกใจนักกับเหตุการณ์อันรวดเร็ว คล้ายว่าวางแผนเอาไว้ หากเป็นพี่สาวของนางแต่งงานมา แน่นอนว่าสตรีคนเมื่อครู่ต้องถูกอะไรสักอย่างแน่น ๆ ด้วยเพราะนิสัยของพี่สาวที่นางเสแสร้งแกล้งเป็นคนดี จิตใจงดงามนั่น ย่อมมีความร้ายกาจเกินจะคาดเดา

ดูเหมือนว่าการที่เสียสละตนเองเพื่อชายอันเป็นที่รักทำให้เจ็บปวดได้มากมายภายในระยะเวลารวดเร็ว วันแต่งงานแทนที่นางกับเขาจะมีความสุขได้ร่วมหอทำข้อตกลงกัน แต่ทว่าสิ่งที่นางคิดและคาดหวังเอาไว้กับพังทลายลงมาไม่เหลือชิ้นดี

“ท่านลุง พรุ่งนี้นำยาในขวดนี้เพียงแค่เม็ดเดียวผสมในน้ำชาให้ท่านแม่ทัพดื่ม มันช่วยพอให้ท่านแม่ทัพกลับมาหายเร็วขึ้น แต่อาจใช้เวลาสักนิด หากข้าเข้าไปดูแลเองก็คงจะยาก” นางตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยเขารักษาดวงตา ถึงแม้เขาจะพูดจาไม่ดีและหักหน้านางก็ไม่ถือสา นึกเสียว่าตอบแทนบุญคุณที่เขาช่วยชีวิต

แต่หากหัวใจดวงนี้มันเจ็บแปลบนัก ผิดหวังตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่ม เกรงว่าคงจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกไม่นาน สักวันเขาก็ต้องเฉดหัวนางออกจากจวนเป็นแน่ อย่างไรเสียสตรีนางนั้นก็คงไม่เก็บนางเอาไว้เป็นเสี้ยนหนามทิ่มแทง

“ฮูหยินช่างน้ำใจงามนัก” พ่อบ้านฉางรับขวดกระเบื้องเคลือบมา ด้านบนมีผ้าปิดเอาไว้ เขาเปิดออกเป็นกลิ่นยาสมุนไพรที่ฉุนจนแทบจะเป็นลม

เหม่ยเจินเห็นสีหน้าของท่านพ่อบ้านก็เดาออก เขาคงระแวงไม่น้อย “ยานี่ปลอดภัยไม่มีพิษ ไม่เชื่อท่านก็ให้ท่านหมอมาตรวจก่อนได้ เป็นตำราของท่านยายของข้าให้มา ข้าช่วยเขาได้เพียงแค่นี้” นางระบายยิ้มอ่อน

“ท่านลุงอย่าเพิ่งบอกเขาว่าเป็นข้าให้ยานี้ แต่รับรองว่ามันปลอดภัยไม่ทำให้เขาตายแน่ ๆ” หากท่านพ่อบ้านรู้ว่ายาที่เขาถือแม้แต่ฮ่องเต้ยังไม่ได้เสวย บัวหิมะพันปีหายากที่สุดในใต้หล้าแต่ท่านยายของนางมีไว้ในครอบครอง อีกทั้งยังมีโสมหมื่นปีอีกด้วย ตัวยาสำคัญหายากและสุดแสนจะราคาแพง หากไม่มีบุญวาสนาอย่าคิดว่านางจะยื่นมือมาช่วยเด็ดขาด

บุญคุณย่อมทดแทนแค้นต้องชำระ!

ไป๋เหม่ยเจินเดินกลับมายังเรือนนอนของนางอยู่ห่างจากเรือนใหญ่พอสมควร ค่อนข้างเล็กพออาศัยอยู่ได้ ดีกว่าห้องพักเหล่าคนรับใช้ในจวนนี้กระมัง นางไม่ได้คิดมาก เมื่อกลับมาก็พบว่าท่านน้าอาชุนหน้าตาบูดบึ้งมิพอใจ “เหตุใดจึงไปหาเขาที่เรือนหลังนั้นเจ้าคะ”

“ข้าแค่อยากไปพบกับเขาทำข้อตกลง แต่นึกไม่ถึงว่าเขากำลัง...เอ่อ...” นางจะพูดอย่างไรดีรู้สึกกระดาก

“อะไรเล่าเจ้าคะ” คนอยากรู้จึงได้ชักสีหน้า เพียงแค่นั้นเหม่ยเจินจึงได้กระซิบกระซาบยกมือขึ้นป้องปากเกรงว่าจะมีใครได้ยิน “พวกเขาเป็นถึงขนาดนี้คุณหนูยังใจดีจะรักษาดวงตาเขาอีกหรือเจ้าคะ ช่างน้ำใจงามนัก” อาชุนกล่าวต่อว่าเหน็บแนมเข้าให้ เหม่ยเจินหน้าเศร้าสลดลงเล็กน้อย

“เหอะ” อาชุนแค่นหัวเราะพอเดาออกว่ามีหรือสิ่งที่คุณหนูของนางอยากจะตอบแทนน้ำใจอีกฝ่ายมิมอบยาล้ำค่าให้ไปแล้วกระมัง “หากเป็นข้าจะไม่มอบยาให้เขาเด็ดขาด แต่จะให้ยาพิษแทน!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel