ตอนที่ 3 ภรรยาสวมรอย
กวนซื่อรีบเดินหันหลังกลับ พลางแย้มยิ้มแต่ทว่าคิ้วของนางกระตุกราวกับว่าสร้างความกรุ่นโกรธให้นางเกือบจะชักสีหน้าใส่เด็กสาว แม้ว่าจะทำดีเพื่อให้อีกฝ่ายตายใจ ตั้งแต่เจ้าเด็กตัวปัญหาฟื้นขึ้นมาก็ดูแปลกประหลาดไปทุกครั้ง
“ท่านแม่นี่นางกำลังขู่เราอยู่หรือไม่” เหม่ยจูกล่าวขึ้น พลางเดินตามแผ่นหลังของมารดา สีหน้านั้นดูครุ่นคิดจนคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน
สาวใช้ของฮูหยินเอกจึงได้กล่าวขึ้นมาว่า “ช่วงนี้คุณหนูรองไม่ค่อยออกจากห้อง อาหารที่นำเอาไปให้ส่วนมากก็มักจะไม่กิน หรือว่านางกำลังสงสัย”
“เหลวไหล นางนะโง่จะตาย” เหม่ยจูเอือมระอากลอกกลิ้งตาไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าฉลาดกว่านางตั้งเยอะเห็นหรือไม่ ข้ายังไม่ต้องแต่งงานกับคนตาบอดอีกด้วย หากฉลาดจริงก็ต้องร้องไห้กับท่านพ่อแล้ว ดูก็รู้ว่าใครโง่หรือฉลาดกันแน่”
เขามักจะบอกว่าคนโง่เป็นเหยื่อของคนฉลาด เหม่ยจูเป็นเช่นนั้น หารู้ไม่ว่าที่เหม่ยเจินอยากแต่งงานกับเขาเพราะอันใด หนึ่งเพื่อตอบแทนบุญคุณที่ครั้งหนึ่งเขาเคยช่วยชีวิตนางเอาไว้ และสองนางแอบรักเขา แม้จะผิดหวังที่ว่าเขาเป็นว่าที่สามีของพี่สาว แต่คราวนี้เปลี่ยนตัวเจ้าสาวมาเป็นนาง
นางมีหรือจะไม่ยินดี แม้ว่าตาบอดมองไม่เห็นเหม่ยเจินคนนี้จะยอมหาทุกวิถีทางรักษาดวงตาของเขาให้ได้ เมื่อสองแม่ลูกจากมา เหม่ยเจินร้องเพลงเบา ๆ อยู่ข้างหน้าต่างไม้บานหนึ่งที่เปิดรับลมเย็น ๆ สีหน้าของนางช่างดูมีความสุขยิ่งนัก
“คุณหนู อีกไม่กี่วันก็แต่งงานแล้ว หากสินเดิมฮูหยินเอก หามาคืนไม่ครบจะทำอย่างไรเจ้าคะ” อาชุนกล่าวขึ้น มือของนางยังคงเขี่ยถ่านที่เพิ่งจะมอดไปเมื่อครู่ พลางเคี่ยวสมุนไพรให้ข้น ๆ เพราะคุณหนูจะนำมาปั้นเป็นเม็ดเอาไว้ให้คนป่วย
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า อย่างไรท่านแม่ก็ต้องหามาคืนให้จงได้ คิดว่าคงไม่ครบ แต่ไม่เป็นไรข้าจะตามหามาให้ครบเอง” ดวงตาคู่งามทอดมองข้างนอก “สิบปีมานี้ข้าไม่เคยออกไปข้างนอกจวนเลยสักครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นเช่นไรบ้าง” น้ำเสียงแม้จะดูเศร้าลงมาบ้าง แต่นางก็ยังคงฝืนยิ้มเอาไว้ ซ่อนความขมขื่นที่มีมานานหลายปี
“คุณหนูหากท่านแม่ทัพถูกถอดตำแหน่งจะทำอย่างไร” อาชุนย่อมเป็นห่วงนัก นางกลัดกลุ้มใจเพราะเรื่องนี้ คุณหนูแต่งงานทั้งทีก็แต่งงานกับคนพิการ จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน จะออกงานสังคมชนชั้นสูงก็เกรงว่าจะเป็นหัวเราะนินทาสนุกปาก
“ก็ไม่เป็นไรนี่นา พวกเราอย่างไรก็ไม่ลำบากหรอกน่า” นางยังคิดในแง่ดี คิดว่าทางตระกูลหยางคงจะให้เกียรติตระกูลไป๋ไม่กล้าหักหาญเป็นแน่ อีกทั้งยังมีตำแหน่งท่านราชครูอีกด้วย ถึงแม้ว่านางจะมีฐานะที่ต่ำต้อยเกิดจากฮูหยินรอง หาใช่ฮูหยินเอกเหมือนพี่สาว แต่ภูมิหลังของนางไม่อาจดูแคลนได้เช่นเดียวกัน
ฐานะฮูหยินรองก็จริง แต่ทว่าท่านยายของนางเป็นพระญาติห่าง ๆ ของไทเฮา หากคนตระกูลหยางคิดหักหน้าก็คงต้องได้รับบทเรียนจากไทเฮาเสียแล้ว เดิมทีไป๋เหม่ยเจินมิเคยออกงานร่วมกับบิดาและฮูหยินเอก นั่นเพราะไม่ชอบความวุ่นวาย นางชมชอบอยู่เงียบ ๆ อ่านตำรา ท่องกลอน เดินหมาก กระทั่งบรรเลงพิณ
ผู้คนจึงไม่เคยได้เห็นโฉมหน้าของนางมาก่อน แม้มิได้งดงามปานล่มแคว้น หรือเป็นหญิงงามที่ผู้คนต้องกล่าวขานยกย่องให้เป็นหญิงงามอันดับหนึ่ง แต่ทว่ารูปร่างผอมเพรียว ใบหน้ารูปไข่ คิ้วเรียวโก่งคล้ายดั่งคันศร จมูกโด่งเชิดรั้น คล้ายกับไม่ยอมคน ดวงตากลมโตดูสุกสกาวนัก ริมฝีปากจิ้มลิ้ม รวม ๆ แล้วก็ดูน่ารักทีเดียว
ความรู้ความสามารถอันใดล้วนปกปิด หลงเหลือเพียงแค่สตรีกระโดกกระเดกไร้มารยาท ขาดคนอบรมให้ความรู้ ตำราต่าง ๆ มากมายล้วนผ่านตามาจนหมดสิ้น เพราะถูกอาชุนเคี่ยวเข็ญมาตั้งแต่เด็ก คัดอักษรลายมือล้วนงดงามอ่อนช้อยและแข็งกร้าวดุดันมีพลังทีเดียว
ข่าวลือที่ว่าท่านแม่ทัพจะแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ ได้ถูกกล่าวขานกันเป็นวงกว้าง เชิดชูคุณหนูผู้มีน้ำใจงาม ยินดีแต่งงานกับชายไร้ความสามารถ แต่หารู้ไม่ว่า จากคุณหนูใหญ่ เปลี่ยนเป็นคุณหนูรอง และก็มาถึงวันที่คุณหนูรองแต่งงานออกเรือนเสียที
สินเดิมของคุณหนูรองยามแต่งออกเรือนนั้นมิได้มีมากมาย และยังมีสินสอดทางตระกูลหยางคิดหักหน้าตระกูลไป๋กับไทเฮาเสียด้วย ไป๋เหม่ยเจินไม่เคืองโกรธ ใบหน้าของนางประดับด้วยรอยยิ้ม เพียงแค่คิดว่านางจะได้ตอบแทนน้ำใจในครั้งนั้นก็อดที่จะตื่นเต้นไม่น้อย
เกี้ยวเจ้าสาวสีแดง ประดับประดาอย่างพองาม หากใครเห็นขบวนรับเจ้าสาว ต่างก็ต้องนึกสงสารเจ้าสาวที่แต่งงานออกเรือนไป เจ้าบ่าวมิได้มารับเจ้าของตนที่จวนยังพอไหว แต่นี่ขบวนดูสั้น ๆ สินสอดมีเพียงแค่หนึ่งคันรถม้าก็เท่านั้น
ท่านราชครูไป๋ขบกรามจนขึ้นเป็นสัน คิดจะไม่ให้ลูกสาวแต่งงานไปให้ได้ แต่ดีที่ว่าเหม่ยเจินเป็นคนออกปาก นางเพียงแค่กล่าวว่าสมบัตินอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้ ดังนั้นท่านราชครูจึงได้เอ่ยอนุญาตแม้จะรู้สึกถึงลางร้ายมาเยือนก็ตามที
หนึ่งชั่วยามขบวนเจ้าสาวก็เดินทางมาถึงตระกูลหยาง สิ่งแรกที่ทำให้อาชุนกรุ่นโกรธราวกับมากองเพลิงสุมทรวงอก นั่นเพราะการตกแต่งช่างดูหยามเหยียดยิ่งนัก สิ่งที่เห็นอย่างที่สองมีสตรีนางหนึ่งยืนต้อนรับอยู่ เมื่อเกี้ยวเจ้าสาวมาถึงหน้าจวน
“ไปเข้าด้านหลัง หาใช่ด้านหน้าไม่” โม่อวี้เฟยยิ้มเยาะ พลางเหยียดหยาม ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างนางเป็นคนจัดการดูแล เรื่องนี้มีหรือนางจะยินดีต้อนรับอีกฝ่ายให้มาเป็นพี่สะใภ้ของตน ท่านลุง ท่านป้าก็ล่วงลับไปแล้ว แม้นางจะเป็นเพียงแค่ญาติห่าง ๆ แต่ก็ได้รับความไว้วางใจจากญาติผู้พี่
“จะได้อย่างไรกัน คุณหนูของข้าแต่งงานเป็นฮูหยินเอกของท่านแม่ทัพ” อาชุนตวาดใส่อีกฝ่าย สองมือเท้าเอวคล้ายดั่งแจกันหยกมีหู ใบหน้าแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธ
“พี่ชายข้าหาได้ต้องการฮูหยินไม่ อย่านึกว่าข้าไม่รู้ในเกี้ยวเจ้าสาวหาใช่คุณหนูใหญ่เป็นเพียงแค่คุณหนูรอง จะคิดเข้าทางหน้าจวนได้อย่างไร ต่ำศักดิ์ริอ่านจะเป็นฮูหยินใหญ่ เข้าด้านหลัง หากไม่ยินดีก็เชิญกลับไปเสียเถิด!” โม่อวี้เฟยไม่ลดละเช่นเดียวกัน ด้านนอกเกิดเรื่องอันใดขึ้นมา ท่านแม่ทัพหยางหาได้รู้เห็นไม่
เขานั่งรออยู่ในห้องนอน พิธีในช่วงเช้าก็ถือว่าไม่เกิดขึ้น ช่างแปลกประหลาดนัก มิได้กราบไหว้ฟ้าดิน ทำพิธีเพียงแค่ขอไปง่าย ๆ หากใครรู้เข้าก็คงหัวเราะเยาะสตรีนางนี้แล้ว
“ท่านน้าช่างเถิดเจ้าค่ะ ข้ามีแต่ความจริงใจมอบให้ท่านแม่ทัพ สักวันเขาก็ต้องเห็นข้าอยู่ดี เราอย่าเสียเวลายืดเยื้อเลยเจ้าค่ะ ทำตามที่นางบอกเถิด” อาชุนนึกเอือมระอากับความใจดีของคุณหนูยิ่งนัก
“หากยอมตั้งแต่ตอนนี้ ต่อไปคนพวกนี้ก็ต้องข่มเหงเราเป็นแน่” อาชุนมองเห็นอนาคตทันใด
“ช่างเถิด ข้ามีแค่เจตนาอย่างเดียว” หากว่านางยินดีจะยืนเคียงข้างเขา ไม่ว่าจะยามสุข หรือยามทุกข์ ดวงตาเขามืดบอดนางจะเป็นดวงตาทั้งสองข้างให้เอง
“เห็นหรือไม่นายของเจ้ายังออกปาก หามเกี้ยวนางเข้าด้านหลัง ต่อแต่นี้เข้าออกด้านนั้น หาใช่ประตูหน้าไม่” คำสั่งอันเด็ดขาดหรือมีอำนาจคับจวน โม่อวี้เฟยจะเป็นฮูหยินเอกให้จงได้ นางแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย บนใบหน้าอันงดงามไร้พิษสง
หยางจงหมิงอดจะรู้สึกตื่นเต้นแทบจะทนไม่ไหวเขาจะได้พบนางเข้าให้แล้ว เหม่ยจู สตรีที่เขาเคยพบ นางน่ารักและอ่อนหวาน งดงามดุจเทพธิดา เรื่องทุกอย่างภายในจวนเขายกให้เป็นหน้าที่ของพ่อบ้านและญาติผู้น้อง ด้วยเพราะคนสนิทของเขาจะเดินทางกลับจากชายแดนอีกสองเดือนข้างหน้า
“นายท่าน” เสียงแหบแห้งของชายชรากล่าวขึ้นมา “เจ้าสาวมาแล้วขอรับ” เขาก้าวเข้ามาพลางประคองให้เจ้านายลุกขึ้น แม้เขาจะเดินอย่างระมัดระวัง แต่ก็ต้องสะดุดอยู่ดี เขาไม่พอใจทุกครั้งที่ตนเป็นเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะถูกพิษละก็ เขาจะต้องไปรับเจ้าสาวด้วยตนเอง
ชายชรามือชื้นเหงื่อเล็กน้อย นั่นเพราะถูกคุณหนูโม่ข่มขู่เอาไว้ หากเปิดเผยเรื่องราวในจวนที่นางได้ทำเอาไว้ให้ท่านแม่ทัพได้ล่วงรู้ มิเช่นนั้นนางจะลงโทษขับออกจากจวน หรือไม่ก็โบย
“นางพอใจหรือไม่” สิ่งแรกที่กังวลใจคือเกรงว่านางจะไม่พอใจหากเขาต้อนรับนางไม่ดีพอ
“เอ่อ...” ชายชราไม่กล่าวคำพูดอันใดให้เจ้านายไม่สบายใจ
“พี่ชาย นางจะดีใจหรือไม่ แต่พี่ชายย่อมไม่พอใจแน่ สตรีนางนั้นเป็นเพียงแค่คุณหนูรองหาใช่คุณหนูใหญ่อย่างที่ท่านต้องการ เห็น ๆ อยู่แล้วว่าคนตระกูลไป๋คิดเช่นไร” โม่อวี้เฟยสวนขึ้นมาทันควัน ใบหน้าของนางเรียบเฉย แต่มีกลิ่นอายชวนอึดอัดคับแน่นทีเดียว
เมื่อแม่ทัพหยางจงหมิงได้ยินเช่นนั้น เขาหยุดชะงักงันทันที “ตาข้าไม่ได้บอดไปตลอดเสียเมื่อไหร่ คนพวกนั้นกล้าดีอย่างไรเปลี่ยนตัวเจ้าสาวของข้า ให้คนอื่นมาสวมรอยแทน” น้ำเสียงของชายหนุ่มดูเกรี้ยวกราดนัก แม้จะดวงตามืดบอดมองไม่เห็น ใช่ว่าเป็นคนไร้ความสามารถ
“กลับห้อง ข้าไม่ต้องการนาง กลับไปบอกนางด้วยว่าข้าไม่ยินดีรับนางเป็นภรรยา!”