บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 หยางจงหมิง

จวนตระกูลหยาง กำลังวุ่นวายจัดการตกแต่งจวนเพื่อต้อนรับว่าที่เจ้าสาวอีกไม่กี่วันนี้ ท่านแม่ทัพมีผ้าสีขาวปิดดวงตาเอาไว้ หลังจากกลับจากศึกครั้งนั้นก็เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องนอน มิได้ย่างก้าวออกไปไหนอีก ข้างกายของเขามีญาติห่าง ๆ ดูแลอยู่ด้วย

“พี่ชายอีกไม่นานท่านจะแต่งภรรยาแล้ว” น้ำเสียงหวาน ๆ ของญาติผู้น้องดูแลญาติผู้พี่มาเป็นแรมเดือน ด้วยเพราะแอบรักชายคนนี้สุดหัวใจ แม้ว่าเขามีท่าทีเย็นชาและห่างเหิน แต่เขาไม่ปฏิเสธการดูแลจากนางก็นับว่าทำให้นางดีใจยิ่งนัก นั่นเพราะขอให้อยู่ใกล้ชิดเขาก็พอใจแล้ว

“นางเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ บุตรีของท่านราชครู ข้าเคยพบนางมาแล้วสองครั้ง งดงามไม่น้อย” เขากล่าวชื่นชมคู่หมั้นสาว แต่หารู้ไม่ว่าตนจะต้องแต่งงานกับน้องสาวแทน

ส่วนญาติผู้น้องก้มหน้าลงเล็กน้อย หัวใจของนางเจ็บแปลบขึ้นมาทันใด เมื่อเห็นว่าญาติผู้พี่นั้นไม่มีนางอยู่ในสายตาสักนิด

“จัดเตรียมไปถึงไหนแล้ว” เขากล่าวถามขึ้นมาเพื่อสอบถามว่าจวนที่เขาสั่งให้พ่อบ้านจัดเตรียมเอาไว้ เครื่องประดับล้ำค่าเขาก็ต้องกำชับพ่อบ้านอีกแรง แต่ทว่าญาติผู้น้องเงยหน้าขึ้นมากำหมัดแน่นข่มความโกรธเกรี้ยวเอาไว้ ภายในจวนนี้ใครจะมีอำนาจเหนือนางกันเล่า

“จัดเตรียมเรียบร้อยตามคำสั่งของพี่ชายแล้วเจ้าค่ะ” กล่าวจบนางก็ลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวข้าจะออกไปดูว่าขาดเหลือสิ่งใดในจวนอีกเพื่อต้อนรับพี่สะใภ้” นางกล่าวแดกดัน หัวใจของนางเดือดปุด ๆ ราวกับกาน้ำร้อนเดือดได้ที่ เสียงฝีเท้า นั้นดูหนักกว่าทุกครั้งไป

“คุณหนูโม่ ในเรือนจัดเรียบร้อยแล้วขอรับ” พ่อบ้านเก่าแก่กล่าวขึ้นมาพลางปาดเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นบนใบหน้าของชายชรา นับตั้งแต่ที่ท่านแม่ทัพถูกพิษก็มีคุณหนูโม่อวี้เฟยติดตามมาดูแล และออกคำสั่งในจวนนี้ราวกับว่าเป็นฮูหยินของจวน หากพวกเขาไม่ทำตามก็จะถูกลงโทษเอาได้ง่าย ๆ นั่นเพราะว่าท่านแม่ทัพกำชับมา ให้นางมีสิทธิ์ขาดในจวนนี้

โม่อวี้เฟยปรายตามองในเรือนหลังนี้ ของประดับตกแต่งไม่มากนัก มีเพียงแค่เตียงนอนเท่านั้นที่พอดูได้ ของทุกอย่างในจวนไม่แตกต่างจากเรือนคนใช้สักนิด

นางกดยิ้มขึ้นมาพลันจางหายไปในพริบตา “ดีมาก แล้ววันแต่งงานพี่ชายจะเดินออกไปได้อย่างไรกัน ให้นางเข้าพิธีกับไก่ไปแทน หรือไม่ก็งดพิธีการทั้งหมด!”

“แต่ว่าคุณหนูโม่ทางนั้นเป็นถึงลูกสาวท่านราชครู นี่ไม่เท่ากับหักหน้าคนตระกูลนั้นหรือขอรับ มิหนำซ้ำหวงตี้ยังไว้วางพระทัยเป็นอย่างมากอีกด้วย เกรงว่าหากรู้ถึงพระเนตร ของหวงตี้แล้ว พวกเราจะไม่ถูกโทษหรือขอรับ”

ชายชราเหงื่อท่วมตัวแล้ว เกรงว่าไม่อาจรับโทษไหว เพียงเพราะเด็กสาวคนนี้คิดชิงชังว่าที่พี่สะใภ้ มองหน้างดงามทีไรก็ อกสั่นขวัญหายนัก นางกินดีหมีหัวใจเสือมาหรืออย่างไรกัน

“แล้วแต่ท่านก็แล้วกัน ทุกอย่างในจวนนี้ล้วนออกมาจากปากข้า ดังนั้นแล้วอย่าให้ใครมันปากโป้งเล่าข้าจะโบยมันจนตาย” แววตาของนางคล้ายราวกับมาเพลิงโทสะอยู่ในนั้น น้ำเสียงแข็งกระด้างกล่าวขึ้นมา จิตใจช่างดูอำมหิตเลือดเย็นนัก

ใครเล่าจะรู้ว่าแท้จริงแล้ว คนที่จะเข้ามาเป็นฮูหยินเอกไม่ได้เรียบร้อยสักนิด หลังจากบิดาเอ่ยปากขนาดนั้น มีหรือบุตรีที่กตัญญูจะนิ่งเฉยดูดายบิดาได้ หากไม่ใช่เพราะบิดานั้นรักและเอ็นดูนาง ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ บิดาก็จัดการซื้อหามาให้ แสดงความรักผ่านของใช้ต่าง ๆ

“คุณหนูเหตุใดจึงตอบตกลงไปเช่นนั้น นี่ไม่เท่ากับหาเหาใส่หัวหรือเจ้าคะ” สาวใช้นึกอยากก่นด่าหรือไม่ดีดหน้าผากคุณหนูผู้ใสซื่อไร้เดียงสาเหลือเกิน จะขุดหลุมฝังตนเองหรือไม่ ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มใจ

“จะหาเหาใส่หัวได้อย่างไรกัน หากข้ารักษาเขาสำเร็จ แน่นอนว่าอาจเปิดโรงหมอรักษาผู้คนได้ ข้าอ่านตำรามาสิบปี ฝึกฝนมาเป็นสิบปี แต่ไม่มีใครให้ข้าทดลองสักคน ดังนั้นท่านแม่ทัพเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด” เหม่ยเจินมั่นอกมั่นใจ นางเดินไปมาในมือยังมีตำราแพทย์พิสดารของท่านยาย

“ข้าอยากตายนัก ตายวันละร้อยครั้งจะพอหรือไม่” อาชุนสีหน้านั้นแทบจะลาโลก คิดใช้ท่านแม่ทัพเป็นหนูลองยา “หากเขาตายขึ้นมาเล่าจะทำอย่างไร” นางท้อแท้กับคุณหนูน้อยผู้มองทุกอย่างในแง่ดีเสียเหลือเกิน

“ไม่ตายหรอกท่านน้า ข้าจะใช้บัวหิมะพันปีที่ท่านยายมอบให้กับโสมคนหมื่นปีอีก ข้าว่าวิธีนี้ได้ผลนัก ยาพวกนี้แม้แต่ฮ่องเต้ยังไม่เสวย นับว่าท่านแม่ทัพมีวาสนายิ่งใหญ่กว่าฮ่องเต้เสียอีก”

กล่าวจบนางนั่งลงบนเก้าอี้ มองในหม้อดินที่กำลังเดือดปุด ๆ ขึ้นมา ใต้หม้อดินนั้นเป็นถ่านไม้ที่นางแอบซ่อนเอาเข้ามาในเรือนหลังนี้ ใครไม่ได้รับอนุญาตอย่างคิดว่าจะเข้ามาในเรือนนางง่าย ๆ เพราะด้านหน้าของนางติดประกาศเอาไว้

“คุณหนูอีกไม่กี่วันก็จะแต่งงานแล้ว นายท่านจัดเตรียมสินเดิมให้เท่าไหร่กัน รู้หรือไม่เจ้าคะ”

“แน่นอนว่าข้าต้องการของท่านแม่ทั้งหมด มีรายการอันใดบ้าง อยู่ในหีบเล็กบนโต๊ะ รบกวนท่านน้าเป็นธุระจัดการให้ข้าที” ยังไม่ทันให้อาชุนก้าวเท้าออกจากห้องนอนเสียด้วยซ้ำไป

กวนซื่อก็มายืนอยู่หน้าเรือนของนางพร้อมกับสาวใช้แล้ว “คุณหนูรอง ฮูหยินใหญ่มาพบเจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทกล่าวด้วยความนอบน้อม แม้จะรู้ว่าฮูหยินของ

“ตายแล้ว ข้าจะทำอย่างไรดี ท่านน้าช่วยข้าทีเจ้าค่ะ” ไป๋เหม่ยเจินกำลังง่วนอยู่กับหาวิธีจัดการข้าวของเหล่านี้ อาชุนได้แต่ส่งเสียงบ่นอุบอิบ

“ก็ข้าบอกคุณหนูแล้วอย่าเอาของพวกนี้มาไว้ในเรือน หากถูกจับได้ขึ้นมายุ่งตายชักเห็นหรือไม่เล่า” แม้ปากบ่นแต่วิ่งจับของเอาไปซ่อนมือเป็นพลันวัน พลางจุดกำยานดอกไม้ดับกลิ่นสมุนไพรเหม็น ๆ ภายในเรือนนี้อย่างรวดเร็ว

เหม่ยเจินเปิดประตูแทนที่จะเป็นอาชุนมาเปิด ใบหน้าของนางเมื่อครู่รีบร้อนแก้มจึงได้เปรอะคราบก้นหม้อดินเผา กวนซื่อเห็นเช่นนี้แล้วตัดใจโกรธไม่ลง นางระบายยิ้มอ่อนแววตาช่างดูอ่อนโยนในคราบนางปีศาจร้ายกาจ นางล้วงเข้าไปในแขนเสื้อหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา

“ดูสิโตจนป่านนี้แล้วยังเล่นเป็นเด็ก ๆ ไปได้” น้ำเสียงหวานระรื่นหู ด้านหลังเป็นพี่สาวติดตามมา นางแอบเบะปากกลอกกลิ้งตาไปมา คิดว่าเหม่ยเจินไม่รู้ไม่เห็นหรืออย่างไรกัน มารดาผู้แสนดีเช็ดแก้มของลูกสาวจนคราบดำนั้นได้หายไป

“แม่มาวันนี้เพื่อขอบคุณเจ้าที่ยินดีแต่งงานแทนพี่สาว

” พลันนางกระทุ้งแขนลูกสาว ที่เห็นว่ายืนอมพะนำไม่ยอมเอ่ยอันใดออกจากปาก

เหม่ยจูได้สติตื่นจากภวังค์ “ใช่ พี่ใหญ่ขอบใจน้องรองมาก ๆ ที่ยื่นมือช่วยเหลือครั้งนี้ หากมีโอกาสคราวหน้าพี่จะตอบแทนเจ้าอย่างงาม” มันจะไม่มีโอกาสนั้นแน่นอน

“ในห้องของข้ามันอับ เกรงว่าทำให้ท่านแม่และพี่ใหญ่จะทนเหม็นไม่ไหว ดังนั้นพวกเราไปนั่งข้างนอกจะดีกว่านะเจ้าคะ” เพียงเพราะกลัวความลับที่ปกปิดมาสิบปีจะมาแตกก่อนวันแต่งงานไม่ได้

คนพวกนี้นางไม่ไว้ใจสักนิด กระทั่งอาหารก่อนจะกินยังต้องตรวจหาพิษเสียก่อน การตายของมารดายังคงติดค้างคาใจ

ท่านแม่ของนางหาใช่สตรีอ่อนหวานน่ารักเพียบพร้อมไม่ ยามเมื่อฟังคำพูดของท่านยาย นางยังค้างคาใจการตายของมารดา ตลอดระยะเวลาที่อยู่จวนนี้สิบแปดปี

คนพวกนี้ทำดีกับนางก็มาก ตอนแรกเพราะเป็นเด็กใสซื่อไร้เดียงสามองแผนร้ายไม่ออก แต่ยามนี้นางเติบโตและมีท่านยายแอบมาดูแล ยังมีท่านน้าอาชุนอยู่ข้างกายอีกด้วย

“น้องรองวันแต่งงานเจ้าต้องงดงามที่สุด ท่านพ่อได้เตรียมช่างมาตัดชุดให้เจ้าแล้ว ส่วนเครื่องประดับไม่ต้องกังวลข้าก็ได้เตรียมเอาไว้ให้เป็นของขวัญ”

เหม่ยจูประคองแขนน้องสาว คล้ายว่ารักกันอย่างเอ็นดูเหมือนพี่สาว น้องสาวเกิดจากมารดาเดียวกัน

“แม่ได้เตรียมสินเดิมเอาไว้ให้แล้ว เมื่อก่อนจวนเราประสบปัญหาการเงิน ดังนั้นสินเดิมของแม่เจ้าจึงได้ถูกขายไปเกินครึ่งหนึ่ง” นางตีหน้าเศร้า แสร้งบีบน้ำตา เหม่ยเจินมีหรือเดาไม่ออก

“ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ มีแค่ไหนก็เอาแค่นั้น” นางก็แสร้งกล่าวเช่นเดียวกัน ก่อนที่นางจะย้ายออกจากเรือนหลังนี้ สินเดิมของมารดานางจะต้องกลับมาให้ครบ

นางไม่มีทางยอมให้คนพวกนี้เสวยสุขบนสมบัติของมารดานางหลอก ตระกูลหลัวหาใช่ยากจนข้นแค้น แต่กลับร่ำรวยมั่งคั่ง มิหนำซ้ำยังรักกันมาก่อนฮูหยินเอกเสียด้วยซ้ำไป

แต่ไม่รู้ไปทำอิท่าไหน บิดาของนางจึงแต่งงานกับอสรพิษแซ่กวนเป็นฮูหยินเอก ส่วนมารดาของนางเป็นฮูหยินรอง ช่างน่าขบขันนัก ท่านยายไม่เห็นด้วยตั้วแต่ทีแรก เพราะท่านแม่ดื้อดึงในรักจึงมีจุดจบเช่นนี้ ผู้ที่รู้ดีที่สุดคืออาชุน ไม่ปริปากพูดอะไรเป็นการใส่ร้ายอีกฝ่าย จนกว่าจะหาหลักฐานได้

“แต่เกรงว่าท่านยายจะมาดูสินเดิมของท่านแม่เจ้าค่ะ เมื่อวานลูกได้รับจดหมายพร้อมคำขู่หากสินเดิมของท่านแม่อยู่ไม่ครบเกรงว่าที่จวนราชครูจะรับไม่ไหว ท่านแม่ก็รู้ท่านยายเป็นใครกัน เป็นถึงพระญาติของไทเฮา แม้จะเป็นญาติผู้น้องก็ตาม”

เหม่ยเจินข่มขู่อีกฝ่าย จนทำให้กวนซื่อหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด

ซ้ำยังกล่าวอีกว่า “ท่านแม่ลูกเข้าใจเป็นอย่างดี แต่ลูกไม่อาจขัดคำสั่งของท่านยายได้ ไม่แน่หากพรุ่งนี้ท่านยายนำนางกำนัลของไทเฮามาด้วยจะทำเช่นไรเล่าเจ้าคะ หากเป็นแบบนี้ท่านพ่อมีหวังถูกไทเฮาตำหนิ ลดขั้นขุนนางมาจะทำอย่างไร”

กวนซื่อหน้าซีดหนักกว่าเดิม ไม่ใช่เพราะคำขู่ของเด็กสาว แต่รู้ถึงความร้ายกาจของไทเฮาดี ยามนั้นนางแต่งเป็นฮูหยินเอกเข้ามา มีนางกำนัลของไทเฮาตำหนินางทางสายตามากมาย และยังเขี่ยคนรักของท่านราชครูเป็นเพียงแค่ฮูหยินรอง ยามนั้นไทเฮากริ้วมาก นางเกือบเอาชีวิตไม่รอดโชคดีที่หลัวเนี่ยซูมีจิตใจดี นางจึงรอดพ้นมาได้

“แม่จะพยายามก็แล้วกันนะ เช่นนั้นแม่กลับก่อนไม่อยู่รบกวนเจ้าแล้ว”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel