บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 13 แผนหาคู่

หลัวเนี่ยเจินรู้สึกเหมือนว่าตนเองคล้ายกับเป็นไข้ ใบหน้าร้อนผะผ่าวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นางยกมือขึ้นมาอังหน้าผาก ก็เรียกหาท่านน้าให้เข้ามา “ท่านน้าอาชุน ต้มสมุนไพรให้ข้าที” เสียงหวานของนางกล่าวติดกังวล เกรงว่าจะต้องป่วยเป็นไข้แน่ ๆ หากนางป่วยขึ้นมาล่ะก็ ใครจะจัดการเจ้าเด็กงอแงกัน มีหวังได้พังตำหนักท่านยายเป็นแน่ เพียงแค่คิดกำราบเจ้าเด็กดื้อ พลันปวดหนึบขึ้นมาที่ศีรษะกะทันหัน

อาชุนเข้ามาเห็นเด็กสาวนอนราบ อังหน้าผากอยู่นั่น สีหน้าก็เหมือนปกติ แต่แก้มทั้งสองข้างนั้นออกจะแดงเล็กน้อย ดูแล้วก็น่าจะมีไข้กระมัง “ท่านหญิงเป็นอะไรไปเจ้าคะ” กล่าวถามพลางขมวดคิ้ว นางจึงได้อังหน้าผากของท่านหญิงเพื่อยืนยัน

“ข้ารู้สึกเหมือนตัวร้อนจับไข้เจ้าค่ะ” นางคิดว่าเป็นเช่นนั้น ดวงตากลมโตคู่งามนี้มองใบหน้าของท่านน้าที่กลัดกลุ้มใจ

“เจ้าค่ะ ให้หมอหลวงมาตรวจดูอาการสักเล็กน้อยนะเจ้าคะ” อาชุนรีบไปแจ้งนางกำนัลให้ตามหมอหลวง เรื่องนางป่วยไข้กะทันหัน ทำให้ไทเฮาเสด็จมาหาหลานรักโดยเร็วพลัน ท่านหมอพอรู้ว่าท่านหญิงเจ็บป่วยคิดว่ามีไข้ รีบหยิบล่วมยา แม้จะดึกพอสมควรแล้ว ก็รีบร้อนสวมชุดอย่างลวก ๆ วิ่งฉับ ๆ ลืมความแก่ชราไปอย่างรวดเร็ว

ท่านหมอยืนหอบอยู่หน้าประตู มิได้เดินเข้ามาโดยพลการ “เร็วเข้าท่านหมอ” ไทเฮาเป็นห่วงหลานสาวนัก เห็นดวงหน้าแดงระเรื่อเช่นนี้จึงอดสงสารไม่ได้

ชินอ๋องเฉิงจื่อหยางทราบข่าวว่านางจับไข้ ถึงขั้นนั่งหัวเราะอยู่ในห้องบรรทมของตนเอง พลางนึกถึงดวงหน้าที่น่ารักยิ่ง เพียงแค่เขาขยับเข้าไปแนบชิดนาง โอบกระชับเอวบาง ๆ เข้ามาแนบแผงอก

นางถึงขั้นตัวสั่นราวกับนก ด้วยคงไม่เคยถูกชายใดใกล้ชิดมาก่อน เพียงแค่หยอกเย้ากระซิบเบา ๆ ที่ข้างใบหู เล่นทำจนนางเข่าอ่อน ทรุดกายกองอยู่บนพื้น จนเขาต้องช้อนร่างบอบบางอุ้มนางขึ้นมาแนบอกแล้วพานางเดินไปยังห้องนอน วางลงบนเตียงอย่างเบามือ

ไม่เพียงแค่นั้น เขายังกลั่นแกล้งนางอีกเล็กน้อย โดยคร่อมร่างบอบบางมีกลิ่นหอม ๆ ยั่วยวนชวนให้หลงใหล เขาโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ดวงหน้าของนาง พลันแก้มทั้งสองข้างแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด จึงกินเต้าหู้แก้มนุ่ม ๆ ของนางด้วยเพราะอดใจไม่ไหว

เขาบอกว่ามีภรรยาเด็กมักทำให้สดชื่น คงจะจริงอย่างที่โบราณกล่าวเอาไว้ ยามนี้พระพักตร์ของท่านอ๋อง มิได้บึ้งตึงเหมือนเช่นเคย มีแต่รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าคมคายออกจะหล่อเหลาเสียด้วยซ้ำไป ส่วนลูกชายตัวดี เขาสำรวจแขนแล้ว พบเห็นรอยช้ำเป็นจ้ำ ๆ และมีรอยเล็บจิกอีก เขาไม่ปล่อยซานอี๋เหนียงเอาไว้

หลังจากต้อนรับราชทูตอีกสองราตรีข้างหน้า เห็นทีจะต้องสั่งตัดหัวอนุคนนี้เสียที หลงไว้ใจให้ดูแลพระโอรสเพียงแค่พระองค์เดียว นางกลับเหิมเกริมทำร้ายร่างกายได้ขนาดนี้ มีสิบหัวก็ชดใช้ไม่หมด คุมขังตัวของซานอี๋เหนียงเอาไว้ ไม่ให้เดินเพ่นพ่านระคายสายตา หาไม่แล้วโทสะที่มีอยู่ล้นอก จะต้องกุดหัวนางเสียทันควัน

ภายในพระตำหนักปีกขวายังคงวุ่นวาย ด้วยเพราะว่าท่านหญิงบ่นว่ายามันช่างขมเหลือเกิน อาชุนจึงยืนกอดอกพลางมองและกล่าวขึ้นมา “ทีอย่างนี้กลับบอกว่ายาขม เมื่อครู่ไม่ใช่บอกให้ข้าไปต้มยามาให้หรืออย่างไรกัน”

เนี่ยเจินหน้าซีดเพราะถูกท่านน้าดุเข้าให้ หยัดกายกึ่งนั่งกึ่งนอน โดยมีท่านยายดูแลไม่ห่าง “ท่านยายหลานผิดไปแล้วเจ้าค่ะ เมื่อครู่ตกใจไปนิด เพราะไม่คิดว่าจะเป็นไข้ได้ง่าย ๆ จึงร้อนใจกำชับท่านน้าให้ไปต้มยามา แต่ว่ายามันช่างขมเสียเหลือเกิน” คนตัวเล็กงอแงคล้ายเด็กตัวเล็ก ๆ

อาชุนละคิดถึงสีหน้าของท่านอ๋องน้อย หากจะให้กินยาสีหน้าจะเหมือนกับท่านหญิงหรือไม่นะ ใครจะชมชอบกินยาเล่า ทั้งขมทั้งกลิ่นฉุนยังติดอยู่ปลายลำคออีกด้วย นางเองก็ไม่ชอบเช่นเดียวกัน

“เอาละยายเข้าใจ มีน้ำผึ้งก้อนของชอบอยู่นี่แล้ว กินยาเสียหน่อย พรุ่งนี้จะได้ไปลองชุดดูสิว่าใส่ได้พอดีตัวหรือไม่ งานเลี้ยงต้อนรับท่านทูตเจ้าต้องงดงาม” เห็นสีหน้าของหลานสาว ยายแก่ผู้นี้ร้อนใจนัก จู่ ๆ เป็นไข้ได้อย่างไรกัน ช่วงเย็น ๆ ยังเห็นพูดคุยหัวเราะสนุกสนานกับเจ้าตัวดีอยู่เลย

หรืออาจจะเป็นชินอ๋องกันแน่ คิดรังแกหลานสาวของนางได้อย่างไรกัน นางกำนัลเล่าว่า ในห้องนี้มีเพียงแค่ทั้งสามอยู่ด้วยกัน พอท่านอ๋องออกไป อาชุนเข้ามาพอดี จากนั้นก็ตามหมอหลวงมาตรวจอาการ คิดว่าจะต้องไปเค้นสอบถามเสียแล้ว มาข่มขู่อะไรเนี่ยเจินถึงได้จับไข้ได้ขนาดนี้กัน

“หากหลานงดงามเกินไป แล้วท่านอ๋องแคว้นเหลียนต้องตาหลานจะทำอย่างไรเจ้าคะ” เนี่ยเจินยังอดหยอกเย้าท่านยายเล่นอีกครั้ง เพราะเห็นว่าท่านกังวลใจจนหัวคิ้วจะติดกันอยู่แล้ว นางจึงเอื้อมมือไปกอบกุมมือของท่านยายเอาไว้

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ยายว่าน่าจะมีองค์หญิงเสด็จมาด้วยกระมัง” หากให้คาดเดา เป้าหมายแคว้นเหลียนน่าจะมีการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ คนฝ่ายนั้นจะต้องนำองค์หญิงมาด้วยแน่ ๆ เพราะอย่างไร ทั้งไท่จื่อและองค์ชายรองยังไม่มีพระชายาด้วยกันทั้งคู่

หากแคว้นเหลียนคิดจะให้องค์หญิงเป็นไท่จื่อเฟยเห็นทีว่าจะต้องข้ามศพพระนางไปก่อน คนแคว้นเหลียนเชื่อใจไม่ได้สักคน พลันตัวต้นเหตุก็เดินเข้ามา สองมือไพล่หลัง ท่วงท่าช่างดูองอาจน่าเกรงขาม เดินถือดีมาแต่ไกล ทำให้เนี่ยเจินไม่อยากมองหน้า

“ท่านแม่ขอรับ ให้ลูกป้อนยานาง ดีหรือไม่” เพียงแค่เดินมาดูอาการเท่านั้น เพราะปกติแล้วหากลูกชายหลับ เขาก็มักจะอ่านรายงาน และตำราต่าง ๆ เมื่อเดินทางมาเมืองหลวง ก็คล้ายว่ามาพักผ่อนหย่อนใจ จึงได้มีเวลาเดินเที่ยวเล่นมาถึงเรือนรับรองปีกขวา

“ไม่ต้องเจ้าค่ะ” เนี่ยเจินรีบรับถ้วยยาจากอาชุน กระดกเข้าไปพรวด ๆ สามอึกจนหมดชาม พลางเช็ดปากอย่างว่าง่าย จากนั้นท่านยายจึงได้หยิบน้ำผึ้งก้อนให้หลานสาว เพราะเข้าใจดีว่ายามนางป่วยแล้วเป็นเช่นไร ไม่กินยาง่าย ๆ และมักจะต้องมีน้ำผึ้งก้อนเสมอ

“ก็แค่นั้น งอแงเหมือนกับรุ่ยเอ๋อร์ไปได้ เจินอ๋อร์อีกหน่อยก็เป็นพระชายาแล้ว ต้องหัดทำตัวให้น่าเกรงขามเข้าไว้สิ” เขากล่าวเย้าแหย่เด็กสาว นางช่างน่ากลั่นแกล้งนัก เห็นหน้าตาบูดบึ้งแล้วทำให้เขานึกขบขัน อยากดีดหน้าผากนางสักครั้ง ตีก้นให้ราบจำสักหน

เนี่ยเจินหลงลืม ขึ้นเสียงใส่อีกฝ่ายหน้าตาบูดบึ้งไม่พอใจ “ใครบอกว่าข้าจะเป็นชายาของท่านอาชินอ๋องกันเจ้าคะ” คำพูดของนางทำให้ไทเฮาขมวดคิ้ว และคำพูดของท่านอ๋องผู้เย็นชาไม่สนใจสตรีนางใดมาก่อน กลับเป็นฝ่ายพูดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน เห็นทีว่าคราวนี้ไม่ใช่เพียงแค่เจ้าตัวแสบหมายตามารดา แต่กลับกลายเป็นบิดาต้องใจสตรีเข้าให้

เขายืนกอดอกยักคิ้วข้างหนึ่ง กล่าวขึ้นมา “พูดอะไร พูดใหม่อีกทีสิ”

เนี่ยเจินนึกได้จึงกล่าวแถไปข้าง ๆ คู ๆ “ใครบอกว่าข้าจะเป็นชายาท่านกัน” นางไม่พูดอันใดต่อแล้วคราวนี้ เพราะอับอายเสียเหลือเกิน นึกถึงภาพที่เขาทำตัวรุ่มร่ามกับนาง พลันรู้สึกร้อนขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้นางรีบดึงผ้าห่มคลุมปิดจนหมดทั้งตัว

ไทเฮาได้แต่สรวลเล็กน้อย “หยางเอ๋อร์ ไปตำหนักกับแม่ มีเรื่องจะปรึกษาเจ้า” ว่าแล้วก็ยื่นมือให้ลูกชาย ปีนี้เข้าเพิ่งสามสิบเก้าปี ท่านอ๋องจับจูงมือมารดาผู้ให้กำเนิด เดินไปพูดคุยกันไประหว่างทาง ทำให้ท่านอ๋องได้เปิดหูเปิดตา กับความสามารถของท่านหญิงหลัวเนี่ยเจิน

“หากท่านแม่ไว้วางใจลูก” เขายินดีจะดูแลนางไปตลอด “แต่ความรักมันไม่เข้าใครออกใคร อายุของลูกก็มากแล้ว นางเพิ่งจะเป็นสาว คงไม่เหมาะหากจะให้แต่งงานกับลูก” เขาไม่ปฏิเสธเสียทีเดียว ด้วยเพราะชื่นชมนางอยู่มีเหตุผลเพียงแค่หนึ่งข้อ นางเข้ากับเฉิงจื่อรุ่ยได้ดี และเจ้าตัวแสบนั่นก็เรียกท่านแม่จนติดปาก ขนาดนอนหลับยังละเมอบ่นถึง

“เหมาะหรือไม่ เป็นเจ้ากับนางสองคนเท่านั้นที่รู้ ลืมเรื่องฝูเหยาไปเสียเถิด อย่าได้ออกตามหานางอีกเลย แม่รู้ว่าเจ้ายังคงตามหานางอยู่ แต่เชื่อแม่เถิดว่านางไม่ได้รักเจ้าจริง ๆ ลองเปิดใจให้คนอื่นได้เข้ามาเสียบ้าง ห้าปีแล้ว ตั้งแต่คลอดรุ่ยเอ๋อร์ออกมานางก็หายตัวไป”

“ข้าลืมเรื่องของนางแล้วขอรับ ตอนนี้ข้าเพียงแค่ต้องการใครสักคนเข้ามาดูแลรุ่ยเอ๋อร์ให้ดี อบรมเขาให้เป็นเด็กดี แต่ตัวเลือกของลูกก็คือท่านหญิง” อยากจะบอกมารดาเหลือเกินว่าเขาอายุมากก็จริง แต่นางก็น่ารักมาก ๆ ความรักครั้งเก่าของเขากับอดีตพระชายานั้นเขาไม่ใส่ใจอีกแล้ว

“เช่นนั้นก็ดี แม่หวังว่าให้พวกเจ้ามีใจให้กันในเร็ววัน หาไม่แล้วยังมีคนที่จ้องจะสานสัมพันธ์กับนางยาวเหยียด เจ้าเห็นหรือไม่ เพียงแค่แม่กระซิบถามเหล่าฮูหยินเท่านั้น แต่ละคนส่งเทียบคุณสมบัติเข้ามาเป็นหางเว่า ไม่แพ้เจ้าหลานชายทั้งสองอีก ทั้งไท่จื่อ ทั้งองค์ชายรอง ก็อยากครอบครองนางใจจะขาด”

พระนางแย้มยิ้มพลางช้อนตามองลูกชาย ไม่ว่าจะมีอายุมากหรือน้อย อย่างไรก็ยังเป็นเด็กในสายตาของพระนางเสมอ “เจ้าต้องรีบเร่งเกี้ยวนางให้ใจอ่อน รุ่ยเอ๋อร์ช่วยได้ เชื่อแม่สิ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel