บทที่ 26
บ้านสกุลหลี่มีสาวใช้ พ่อครัว คนสวน และคนขับรถม้ารวมแล้วไม่เกินสิบห้าชีวิต หากมีเรื่องราวอันใดเกิดขึ้นย่อมรู้โดยทั่วภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ เรื่องที่ฮูหยินน้อยประกาศว่าหากทำหน้าที่ภรรยาที่ดีไม่ได้แล้วจะกลับตำหนักเยว่ฉีก็เช่นกัน
ซุนหยาเองก็ได้ยินคำว่าตำหนักเยว่ฉีเต็มสองหู ทว่านางไม่กล้าคาดเดาส่งเดชจึงแอบไปถามเจียอีที่กำลังนอนพักฟื้นและสุดท้ายก็ได้รับคำตอบที่ทำให้ต้องกุมขมับ ถึงขั้นทึ้งผมของตนเองเบา ๆ
ฮูหยินน้อยเสวียนหนิงอันคือบุตรสาวของตวนอ๋องมิผิดแล้ว!
“ความจริงซุนหยามีความรู้แค่พอเอาตัวรอดได้ ฮูหยินน้อยควรเชิญ หมัวมัวจากในวัง…”
“เรื่องนี้ให้คนนอกรู้ไม่ได้เพราะข้าแต่งเข้าสกุลหลี่ในฐานะภรรยาลับ ต้องรอจนกว่าท่านอาจะพ้นช่วงไว้ทุกข์แล้วค่อยหาฤกษ์แต่งงานให้ถูกต้องตามประเพณี”
เสวียนหนิงอันเห็นว่าความลับของตนไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้วจึงปล่อยตัวปล่อยความคิดตามสบาย ไม่ปิดบังเรื่องที่นางใช้แผนการเจ้าเล่ห์เพื่อให้หลี่จินหมิงแสดงความรับผิดชอบ รวมถึงเรื่องที่นางมิได้รับการอบรมก่อนออกเรือนด้วยเช่นกัน
“หากท่านพ่อไม่บังคับข้าหมั้นหมายออกเรือน ข้าก็คงไม่ทำเช่นนั้น”
นางยังพูดด้วยว่าหากเป็นสตรีอื่นคงทำเช่นเดียวกัน วางแผนเพื่อให้ได้แต่งงานกับบุรุษที่ตนรัก แทนการออกเรือนไปกับคนแปลกหน้า ซุนหยาได้ยินแล้วพลันรู้สึกวิงเวียนคล้ายจะหมดสติ เรียกหาสาวใช้ที่อยู่ใกล้ ๆ ให้มาประคองแทบมิทัน
หลังจากตั้งสติและพอทำใจได้แล้วซุนหยาก็ค่อย ๆ สอบถามว่าฮูหยินน้อย หรือสาวงามในวัยสิบหกปีที่นางทราบแล้วว่าเป็นบุตรีของตวนอ๋องเลื่องชื่อ ว่ายามอยู่ที่ต่างเมืองทำเรื่องอันใดในแต่ละวันบ้าง หรือว่ามีความถนัดในด้านใดเป็นพิเศษหรือไม่
ปรากฏว่าความสามารถของฮูหยินน้อยนั้นหลากหลายมากเลยทีเดียว
“ฮูหยินน้อยดูแลร้านค้าที่ต่างเมืองด้วยตนเองหรือเจ้าคะ”
“ข้าชอบมองดูผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาจึงแวะไปที่ร้านทุกวัน แต่ออก ไปเฉย ๆ อาจถูกท่านพ่อดุได้ จึงแสร้งทำตัวให้มีประโยชน์ด้วยการทำบัญชีและดูแลร้านด้วยเสียเลย แต่ก็มีหลายครั้งที่ทะเลาะกับลูกค้าจนท่านพ่อสั่งกักบริเวณข้านานเจ็ดวัน”
“ท่านอ๋องดุมากเลยหรือเจ้าคะ” ซุนหยาอดถามมิได้
“ดุอย่างที่สุด เว้นแต่ท่านแม่อยู่ด้วยก็จะมิค่อยดุนัก”
หลังจากที่อกสั่นขวัญหายเพราะวีรกรรมของฮูหยินน้อย ซุนหยาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปยิ้มกว้างเพราะเรื่องราวที่ได้ฟัง ตวนอ๋องเลื่องชื่อดุดันอย่างมากนั้นเป็นความจริงโดยแท้ แต่เรื่องที่ทำให้นางประทับใจคือความอ่อนโยนที่เขามีต่อพระชายา
“ท่านพ่อเข้มงวดอย่างที่สุด บังคับให้ข้าอ่านหนังสือท่องตำราตั้งแต่อายุห้าขวบ…”
เสวียนหนิงอันเชี่ยวชาญในด้านศิลปะการเขียนอักษรและมีนิสัยรักการอ่านไม่ต่างจากบิดา ความคิดอ่านจึงค่อนข้างแตกต่างจากคุณหนูในห้องหอทั่วไป นอกจากนั้นนางยังชำนาญเรื่องการชงชาและการทำเครื่องหอม เรียกได้ว่ามีความรู้แตกฉานในทุก ๆ ด้าน เว้นแค่เพียงเรื่องเดียวที่มิค่อยชอบทำนัก นั่นคืองานเย็บปักถักร้อยและการตัดเสื้อผ้าสวมใส่เอง
“ท่านแม่มีฝีมือในการออกแบบและปักลายผ้าได้งดงามอย่างมาก ข้าทำสวยสู้มิได้จึงพานไม่อยากเรียนรู้เสียอย่างนั้นเอง”
เสวียนหนิงอันสารภาพอย่างอาย ๆ แต่กระนั้นพอนางเอาตัวอย่างลายที่ปักบนถุงหอมให้ซุนหยาดู หญิงชราก็พลันส่ายหน้า บ่นพึมพำว่าไม่มีเรื่องอันใดต้องสอนแล้วจริง ๆ
หากจะมีก็คงเป็นเรื่องตำราภาพที่ฮูหยินน้อยควรศึกษาไว้บ้าง
“ตำราภาพเล่มนี้เป็นเรื่องราวระหว่างชายหญิง เอาไว้ศึกษาหลังจากความสัมพันธ์ระหว่างฮูหยินน้อยกับนายท่านดีขึ้นแล้วเถิดนะเจ้าคะ”
เมื่อเห็นว่าสาวงามหน้าแดงเพราะความอาย ซุนหยาจึงรีบเปลี่ยนบทสนทนา “ความจริงฮูหยินน้อยทราบเรื่องทั้งหมดที่ควรทราบแล้วนะเจ้าคะ เพียงแต่มิได้นำเรื่องที่เรียนรู้มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ก็เท่านั้นเอง”
“เขาไม่เปิดโอกาสให้ข้าแสดงฝีมือต่างหาก พูดคุยไม่ถึงห้าประโยคก็ดุด่า เจอหน้าครู่เดียวก็เอ่ยไล่ แล้วข้าต้องทำอย่างไรหรือท่านป้า”
“ข้อแรกคือต้องหัดใจเย็นและอดทนให้มาก หากไม่พอใจอันใดก็ให้เอ่ยไปตามตรง ทว่ายามเอ่ยก็ต้องสุภาพอย่างที่สุดเจ้าค่ะ อีกเรื่องที่สำคัญ หากฮูหยินน้อยคิดว่าเรื่องใดพูดแล้วไม่เกิดผลดีก็ควรเงียบ แล้วค่อย ๆ หาทางจัดการอย่างใจเย็นเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ต้องฝึกความอดทนให้มาก” เสวียนหนิงอันเตือนสติตนเอง “แล้วมีเรื่องอื่นที่ต้องปรับปรุงอีกหรือไม่”
“มีเจ้าค่ะ ฮูหยินน้อยต้องใช้มารยาให้มากกว่านี้สักหน่อย”
คำแนะนำของซุนหยาทำให้คนฟังถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ
“แต่เขาพูดว่ามิชอบสตรีที่มีมารยา… ข้าแทบไม่กล้าพูดจาออดอ้อนหรือยิ้มน้อย ๆ ให้เขาด้วยซ้ำ” เสวียนหนิงอันเคยถูกกล่าวหาว่าใช้มารยาล่อลวงให้เขาหลับนอนด้วยจึงมิกล้าแม้แต่จะยิ้มหวาน เพราะกลัวว่าเขาจะตีเจตนาอันบริสุทธิ์ของนางผิดไป
“มากไปไม่ใช่เรื่องดี แต่ถ้าพอมีบ้างก็จะช่วยให้ความสัมพันธ์ราบรื่นยิ่งขึ้นเจ้าค่ะ”
“แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องมารยามากน้อยเพียงใด”
“ฮูหยินน้อยเป็นคนงาม พูดจาไพเราะกับสาวใช้ในบ้านเสมอ แต่การห้ามตนเองมิให้ยิ้มแย้มหรือพูดคำหวานกับสามี ย่อมทำให้กิริยาที่แสดงออกมาดูไม่น่ามองนัก” ซุนหยาสงสารสตรีที่แม้กระทั่งยิ้มมากเกินไปก็มิกล้า จึงแนะนำต่ออีกหลายคำ
